เด็กหนุ่มเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมา เจ้านั่นก็แค่เด็กน้อยแต่กลับปัดธนูได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว นับว่าเป็นเรื่องเหลื่อเชื่อและเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ หากเด็กหนุ่มจะออกอาการเช่นนี้

อนึ่ง ต้องเข้าใจก่อนว่าเพียงสองมือของเขาก็สามารถยกหม้อทองแดงยักษ์ได้ถึงหกใบ ด้วยธนูเพียงดอกเดียวก็สามารถทะลวงหินหรือแม้แต่จะทำลายทองคำให้แตกกระจายได้ ด้วยพลังดั่งเช่นสัตว์ประหาดนี้จะต้องไม่มีใครต้านทานได้เด็ดขาด ทั้งยังสามารถสังหารช้างเขามังกรได้อย่างง่ายดาย

เหล่าผู้คนจากหมู่บ้านหมาป่าต่างอยู่ในการตกตะลึง ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าพวกเขาแล้ว ว่า “เป่ยเฟิง”น่ากลัวมากเช่นไร ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์ที่เลิศเลอเหนือธรรมชาติและยังมีพละกำลังเหมือนดั่งเทพสวรรค์ที่แสนจะหายาก แล้วเจ้าเด็กที่ปัดธนูราวกับปัดแมลงวันนั่นมาจากไหนกัน!!!

“เจ้าแส่หาความตายเองนะ” เป่ยเฟิงเย้ยหยันออกมาแผ่วเบา ราวกับมีลำแสงพวยพุ่งออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของเขา เขาพ่นลมหายใจอย่างแรงพลางน้าวธนูของเขาแล้วเริ่มยิงออกมาอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง

ฟ้าว ฟ้าว….

ลูกธนูเหล็กกล้าพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าแหวกอากาศเป็นเสียงดัง ราวกับเสียงกรีดร้องคร่ำครวญจากนรกขุมที่เก้า มีแสงส่องประกายบาดตาจากลูกธนู น่าสะพรึงกลัว หัวใจของทุกคนเต้นระรัวอย่างรุนแรงราวกับจะกระดอนออกมาจากอก

เป่ยเฟิงแผลงศรอย่างต่อเนื่องจากคันธนูคู่กายถึงแปดดวงในชั่วลมหายใจเดียว เสียงหวีดหวิวฝ่าอากาศ ลูกธนูทุกดอกสอดประสานกันอย่างหวาดหวั่นล้วนพุ่งตรงไปที่จุดตายของเด็กน้อยอย่างเหี้ยมโหด

ฉีเฮ่าเคลื่อนไหวดั่งวานร ทิ้งแขนขาลงไปที่พื้นคล้ายเป็นท่วงท่าโดยธรรมชาติ เขาหลบหลีกลูกธนูห้าดอกในครั้งเดียว หลังจากนั้นก็วาดสันมือสับไปที่ก้านของลูกธนูที่เหลืออีกสามดอกพร้อมกันส่งพวกมันไปฝังไว้ที่หินยักษ์อีกทิศทางหนึ่งอย่างรุนแรงก่อเกิดเสียงโลหะเสียดสีอย่างหนักหน่วง

ท่วงท่าเหล่านี้ล้วนสะกดทุกคนที่อยู่ตรงนั้นให้แข็งทื่อราวกับโดนสาปให้กลายเป็นหิน

ไม่เว้นแม้แต่ผู้คนจากหมู่บ้านศิลา ภาพท่วงท่าการเคลื่อนไหวของฉีเฮ่าล้วนอยู่เหนือกว่าที่พวกเขาคาดไว้ไปมากนัก เด็กน้อยสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ตั้งแต่เยาว์วัย ทำให้พวกเขาเหมือนตกอยู่ในความฝัน

เป่ยเฟิงคำรามออกมาเบาๆ และขึ้นสายธนูด้วยความเกรี้ยวกราด เด็กหนุ่มแผลงศรออกไปอย่างต่อเนื่องโหมกระหน่ำใส่เฮ่าน้อยราวกับห่าฝน ลูกธนูเหล็กมากมายกระหน่ำใส่เป้าหมายที่อยู่บริเวณป่าอีกฟากหนึ่ง

แม้ว่าเฮ่าน้อยจะยังเล็กนัก แต่ความรวดเร็วของเขาช่างน่าตื่นตระหนก ปราดเปรียวดั่งพยัคฆ์ พุ่งทะยานดั่งมังกร ในตอนนั้นเอง เขาใช้มือทั้งสองข้างผลักไปที่ธนูพวกนั้น ทำให้กลุ่มลูกธนูเปลี่ยนทิศทางพุ่งใส่กันและกันอย่างต่อเนื่อง ราวกับต้องการให้ลูกธนูกลับไปหักล้างกันเอง เคร้ง เคร้ง.. เสียงของลูกธนูพวกนั้นปะทะกันก่อให้เกิดคลื่นกระแทกกลางอากาศสั่นสะเทือนไปหมด

ความเร็วของเด็กน้อยช่างไม่เล็กน้อยเหมือนเด็กเอาเสียเลย เขาปิดช่องว่างของตนในชั่วพริบตา ท่วงท่าของเขาที่แสดงออกมานั้นเป็นท่วงท่าเฉพาะตัว ยากที่ใครเลียนแบบ

เฮ่าน้อยจดจ่อไปที่ห่าฝนธนูที่ยุ่งเหยิงนั่น เด็กน้อยตะโกนก้องก่อนจะใช้แรงเตะไปที่ก้อนหินหนักประมาณพันจิน จนเกิดเสียงดังสนั่นไปยังทิศทางหนึ่ง ก้อนหินพุ่งทะลวงฝ่าอากาศตรงไปยังใบหน้าอันเย็นชาของเด็กหนุ่ม เป่ยเฟิง!!

“เจ้าหนูนั่นไปเอาแรงมากจากไหนกัน นั่นแค่เด็กที่ยังไม่ถึงสี่ขวบไม่ใช่หรือ”

ผู้คนตกอยู่ในความหวาดผวาหลังจากโดนภาพตรงหน้าทำให้ตกตะลึง มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สังเกตเห็นว่าฉีเฮ่าใช้พลังออกด้วยพลังของอักษรอย่างรวดเร็ว

หินขนาดหนักพันจินปกคลุมท้องฟ้าแล้วพุ่งลงมาไปเส้นตรง

ดวงตาของเป่ยเฟิงแปรเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นแล้วหยุดมือจากการแผลงศร เขาควงคันธนูขนาดใหญ่ที่มีความยาวกว่า1เมตร ตามด้วยเสียงดังสนั่น ก้อนหินยักษ์ถูกฟาดด้วยคันธนูขนาดใหญ่จนแตกกระจายไปทั่วทิศทาง

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งของฉีเฮ่า และเขาเองก็คว้าไว้อย่างไม่ลังเล เด็กน้อยดีดตัวไปข้างพลางกล่าวออกด้วยความเกรี้ยวกราดว่า “ทำไมเจ้าจึงได้หยาบช้าและไร้เหตุผลยิ่ง ทำร้ายท่านลุงของข้าทั้งยังมาขโมยเหยื่อที่พวกเราหามาได้อีก”

เป่ยเฟิงถอนหายใจอย่างหงุดหงิดพลางทิ้งคันธนูยักษ์ไปอย่างไม่ไยดี แล้วคว้าทวนเหล็กกล้าสีแดงกล่ำดั่งโลหิตออกมาและจรดท่าด้วยมือทั้งสองข้างของเขา เด็กหนุ่มแทงออกไปโดยไม่ออมกำลังไว้ทะลวงไปที่หน้าอกของเฮ่าน้อยอย่างเหี้ยมโหด

ในช่วงเวลาที่เฮ่าน้อยกำลังลอยตัวอย่างกลาง ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลบเลี่ยงจากการจู่โจมที่รุนแรงเช่นนี้ เหล่าผู้เฝ้ามองจากหมู่บ้านหินผาต่างตื่นเต้นจนหัวใจแทบจะระเบิดออกมาจากอกของพวกเขา พวกเขาทั้งหมดต่างเกลียดชังเด็กหนุ่มผู้นี้มากมายนักเพราะการจู่โจมที่โหดร้ายเยี่ยงนี้

ควิ้ง!!

เสียงโลหะตัดผ่านจนอากาศสั่นสะเทือนแสดงให้เห็นถึงความรุนแรง แต่สีหน้าของเฮ่าน้อยยังคงเยือกเย็นไร้กังวล แล้วหมุนฝ่ามือขวาของเขาว่าเป็นเส้นโค้งที่งดงามด้วยเคล็ดวิชาอย่างไร้ที่ติ เกิดเสียงตัดอากาศ เฮ่าน้อยลากฝ่ามือผ่านปลายทวนจนขาดครึ่งทันที มือเล็กที่อ่อนนุ่มแล้วข่าวผ่องดูเหมือนจะไม่มีร่องรอยบาดเจ็บให้เห็นแม้แต่น้อย

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนออกอาการเหวอ เด็กน้อยฉีเฮ่าสามารถต่อกรกับเป่ยเฟิงผู้เหี้ยมโหดได้ และยังไม่มีทีท่าจะเสียเปรียบแต่อย่างใด แล้วเด็กน้อยก็ดีดตัวเข้าประชิดทันที

วู้ว!!

เป่ยเฟิงซัดทวนเหล็กกล้าที่เหลือเพียงครึ่งทะลวงใส่ที่ดวงตาของฉีเฮ่าอย่างเผ็ดร้อน ด้วยความรุนแรงและแม่นยำในระยะประชิด การโจมตีเช่นนี้ช่างน่าสะพรึงกลัวนัก

ฉีเฮ่าโยกหัวหลบอย่างง่ายดายแม้ว่าร่างกายยังคงอยู่กลางอากาศ พลางส่งพลังไปที่ขาขวาแล้วเตะไปที่ใบหน้าของเป่ยเฟิง เกิดเป็นกระแสลมกระแทกตามมา แม้ว่าจะมีร่างกายที่เล็ก แต่การเคลื่อนไหวร่างกายช่างสง่างาม ท่วงท่าที่ไหลลื่นอย่างเป็นธรรมชาติราวกับเทพทวงวิญญาณร่อนลงมาจากฟากฟ้า

เปรี้ยง!!

เป่ยเฟิงยกแขนซ้ายขึ้นมาป้องกันจนเกิดเสียงทึบสะท้อนไปในอากาศสร้างความสั่นสะท้านให้ป่าไม้ในบริเวณใกล้เคียงทำให้ใบไม้ปลิวว่อนเหมือนดั่งอยู่ในฤดูใบไม้ร่วงยามที่ลมหนาวพัดผ่าน

“แข็งแกร่งยิ่ง”

เหล่าผู้คนหมู่บ้านหมาป่าส่งเสียงออกมาด้วยความไม่เชื่อในสายตาของตนเอง พวกเขาต่างรู้ดีถึงพลังอันน่ามหัศจรรย์ที่เป่ยเฟิงมีอยู่ เขายังเยาว์นักและภายในขอบเขตพันลี้นี้มีเพียงไม่กี่คนพอจะต่อกรกับเด็กหนุ่มได้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขากลับไม่ท่าทีจะเหนือกว่าเด็กน้อยได้เลย

ฉีเฮ่าทิ้งตัวลงบนพื้น เขายังเด็กนักทั้งยังมีความสูงด้อยกว่าเป่ยเฟิงอยู่มาก อย่างไรก็ตามเฮ่าน้อยไม่ได้ใส่ใจตรงจุดนี้เลยแม้แต่น้อย ใบหน้าเล็กๆนั่นส่อประกายเคร่งขรึมดวงตาเบิกกว้างพร้อมเผชิญหน้ากับศัตรู

ทั้งฝ่ายต่างหยุดต่อสู้กัน พวกเขาต่างก็มุ่งความสนใจไปที่การเผชิญหน้ากันระหว่างเด็กหนุ่มผู้เหี้ยมโหดกับเด็กน้อยผู้น่าตื่นตระหนก เพื่อรอดูผลลัพธ์ของการต่อสู้

ใบหน้าของเป่ยเฟิงค่อยๆหมองหม่นและความเย็นชาที่ลดหายไปจากสายตาของเด็กหนุ่ม เขาอายุ14ปีแล้วแต่กลับไม่อาจชี้วัดผมแพ้ชนะกับเด็กน้อยผู้ที่อายุยังไม่ถึงสี่ขวบด้วยซ้ำ ช่างเป็นความอัปยศอดสูยิ่งนัก

ตูม!!

ร่างกายอันสูงสมส่วนของเป่ยเฟิงพลันเคลื่อนไหว เด็กหนุ่มส่งกำลังไปที่ขาที่เหมือนกับแท่งเหล็กเตะกวาดที่เฮ่าน้อยด้วยกำลังอันน่าเกรงขามเกิดเป็นเสียงระเบิดในอากาศแสดงถึงความรุนแรงดุจดั่งสัตว์ร้ายขนาดยักษ์โจมตีเลยทีเดียว

ฉีเฮ่าถอนตัวไปข้างหลังในทันที เพราะเขากำเนิดเติบโตในหมู่บ้านสิลา แม้ว่าประสบการณ์การต่อสู้จะเป็นศูนย์ แต่เขาก็ค่อนข้างรู้ว่าควรทำอย่างไรบ้าง  เด็กน้อยหลบเลี่ยงจากจุดปะทะโดยการกระโดดถอยออกมาหลายเมตร

อย่างไรก็ตาม เป่ยเฟิงนั้นสังหารสัตว์ร้ายมามากมายนักทั้งยังเคยฆ่าคนที่เก่งกาจมาแล้ว ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงมีประสบการณ์มากพอทำให้เขาไม่ได้หยุดชะงัก เด็กหนุ่มเข้าใจโดยธรรมชาติถึงประโยชน์ของการเป็นฝ่ายโจมตีก่อนและการรักษาความได้เปรียบนี้ไว้

เด็กหนุ่มกระโจนไปกลางอากาศพุ่งไปทางคู่ต่อสู้ที่ด้านหน้าในชั่วอึดใจเดียว แล้วพลิกตัวใช้ขาขวาพลิกตัวเตะเหมือนดั่งแส้ เป็นการจู่โจมที่ยากจะหลับเลี่ยงนักและแรงกระแทกที่เกิดจากการเตะอันหนักหน่วงกระจายเข้ากรีดใบหน้าผู้คนจนเกิดการบาดเจ็บ

ต้นไม้เก่าแก่ที่อยู่ข้างหลังเฮ่าน้อยได้ปิดเส้นทางของเขาเอาไว้ ทำให้การหลบหลีกของเด็กน้อยเป็นเรื่องยากยิ่ง เฮ่าน้อยจำเป็นต้องตั้งรับโดยตรงเท่านั้น คิดได้ดังนั้นเด็กน้อยพลันประสานแขนทั้งสองข้างคล้ายทรงกากบาทแล้วเร่งพลังมาช่วยรับการโจมตีครั้ง ก่อเกิดอักษรเปล่งแสงออกมาแวบนึงแล้วหายไป

ตูม!!

ดุจดั่งสองสัตว์ร้ายขนาดยักษ์ปะทะกันเอง ทั้งหินและดินทรายต่างปลิวกระจายไปทั่วทุกที่ ฝุ่นควันฟุ้งกระจายไปเต็มท้องฟ้า ทั้งสองฝั่งเกิดการสั่นสะเทือนอย่างหนักหน่วง ยามที่เป่ยเฟิงฟาดเขาลงไปนั้นต้นไม้ที่มีลำต้นกว้างไม่ต่ำกว่าหนึ่งเมตรด้านหลังของฉีเฮ่าขาดครึ่งทันที

ท่ามกลางเสียงดังกึกก้อง ต้นไม้ปลิวกระจายขึ้นไปในอากาศแล้วตกลงมาจนเกิดเสียงดังสนั่นสะกดผู้คนให้หยุดนิ่ง

ในเวลานั้นเอง ทุกคนในหมู่บ้านหมาป่าสังเกตเห็นสัญลักษณ์บางอย่างที่กำลังส่องแสงที่ใจกลางฝ่ามือของฉีเฮ่า และจะต้องเป็นพลังที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอนจึงสามารถต้านทานความพลังตามธรรมชาติที่มากกว่าพันจินของเป่ยเฟิงได้

“อาติแฟ็กแน่ เด็กนั่นต้องครอบครองอาติแฟ็กที่หายากแน่นอน”

ไม่ว่ายังไงก็ตาม พวกเขาไม่มีทางเชื่อว่าฉีเฮ่าจะใช้แค่พลังของตนเองหรือก็คือพลังเจตลี้ลับนั่นเอง พวกเขาเชื่อนั่นเป็นพลังของกำไลเขี้ยวอสูรที่อยู่ตรงข้อมือของเด็กน้อย เนื่องจากเห็นประกายแสงมาจากบริเวณนั้น

หลังจากทำลายต้นไม้ด้วยการเตะเพียงครั้งเดียว เป่ยเฟิงยังคงเข้าประชิดอย่างไม่หยุดหย่อน การจู่โจมยังคงดุดันโดยการเตะกวาดกระหน่ำด้วยขาทั้งสองข้างที่แข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้าอย่างไม่เว้นลมหายใจ

ทางด้านฉีเฮ่านั้นไม่ได้ถอยร่นแต่กลับเริ่มตอบโต้สวนกลับไป แม้ว่าเด็กน้อยจะมีรูปร่างที่เล็กแต่การกระโดดในแต่ละครั้งกลับสูงหลายเมตร เด็กน้อยดีดตัวไปข้างหน้าดั่งอินทรีน้อยโผบินด้วยปีกทั้งสองข้าง

เป่ยเฟิงออกหมัดด้วยความเร็วดั่งสายฟ้า หลังจากที่ฉีเฮ่าหลบการจู่โจมของเขาได้ แต่ก็ไม่อาจสัมผัสตัวของฉีเฮ่าได้แม้แต่น้อย หมัดนั้นได้ฝังไปที่ก้อนหินด้านหลังของฉีเฮ่า และเด็กหนุ่มก็ถอนหมัดออกมาในทันทีส่งผลให้ก้อนหินก้อนนั้นแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที

หากพิจารณาพลังของเด็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับคู่ต่อสู้ของเขา แม้ว่าเด็กน้อยจะมีพลังมหาศาลแต่ก็ยังคงด้วยกว่าอีกฝ่ายหนึ่งอยู่ดี อย่างไรก็ตามด้วยความช่วยเหลือจากพลังลี้ลับของตำรากระดูก เด็กน้อยก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวฝ่ายตรงข้ามแม้แต่น้อย

“กระต่ายเปรียวและเหยี่ยวโฉบ” ทั้งคู่ต่างก็ปราดเปรียวและคล่องแคล่วยิ่งนักและการประมือแต่ละกระบวนท่าแฝงด้วยพลังอันน่ากลัว คลื่นกระแทกที่เกิดจากหมัดของทั้งคือรวดเร็วดุจสายฟ้าก่อเกิดเสียงดังกึกก้องจนสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งป่า

หลังจากปะทะกันผ่านไปแล้วสิบกระบวนท่า สีหน้าของเป่ยเฟิงเปลี่ยนไปอย่างน่ากลัว เขาคืออัจฉริยะได้รับพรจากสวรรค์ เขาไม่สามารถทำใจเชื่อได้ว่าคนที่กำลังต่อสู้กับเขาเป็นเพียงเด็กอายุไม่เกินสี่ขวบเท่านั้น จะให้เขาทนทานได้อย่างไร

หลังจากใช้ออกด้วยกระบวนท่าที่แฝงพลังทั้งหมดของเด็กหนุ่มแล้วเขาก็ก้มตัวลงและกดหัวลงในทันที ด้านหลังของเด็กหนุ่มมีคลื่นลูกศรจากหน้าไม้พุ่งผ่านหัวของเด็กหนุ่มไปสะท้อนแสงเย็นเยียบของโลหะออกมาตรงไปที่บริเวณใบหน้าของเด็กน้อย

บรรดาผู้คนแห่งหมู่บ้านหินผาอุทานด้วยความตื่นตระหนก มันจะชั่วช้าเกินไปแล้ว เจ้าพวกที่กลุ่มตัวเลวร้ายพวกนั้นทั้งเจ้าเป่ยเฟิงก็แสนอำมหิตนัก อย่างไรนั่นก็เป็นเพียงเด็กเล็ก พวกนั้นกลับไร้ยางอายใช้กลวิธีที่สกปรกเพื่อเอาชัย

เด็กน้อยผู้ถูกลอบทำร้ายแต่ก็ไม่ได้เกิดการหวาดกลัวแต่อย่างใด เขาวาดฝ่ามือทั้งสองมือขึ้น พลังอักษรลี้ลับปรากฏบนปลายนิ้วทั้งสิบแล้ววาดเป็นรูปจันทร์เสี้ยวขนาดเล็ก เด็กน้อยคงสภาพจันทร์เสี้ยวไว้ที่กลางฝ่ามือก่อนผลักออกด้วยแรงทั้งหมด ก่อนกลายเป็นจุดแต้มคล้ายแสงหิ่งห้อยเข้าทำลายล้างลูกศรทั้งหมดไป

บรรดาชาวบ้านหมู่บ้านหินผาต่างก็ปล่อยลมหายใจออกมาด้วยความโล่งใจสถานการณ์ที่เปลี่ยนผันไม่สิ้นสุดนี้ ทำให้พวกต้องหลั่งเหงื่อเย็นเยียบออกมา

“เจ้าเด็กเวรนั่นช่างอำมหิตนัก หากเติบโตไปต้องกลายเป็นภัยร้ายอย่างแน่นอน” ฉีเฟยเฉียวกล่าวออกด้วยความโมโห

ในใจของเป่ยเฟิงเหมือนถูกสาป เขายังไม่สามารถจัดการกับเด็กน้อยนี่ได้ เขากระโดดปลีกตัวออกมาประมาณเจ็ดเมตรให้อยู่ในตำแหน่งได้เปรียบที่สุด แล้วกระทืบออกไปเข้าใส่เด็กน้อยด้วยพลังเต็มที่

ฮู่..

ดวงตากลมโตของฉีเฮ่ากระจ่างใส เด็กน้อยตัดสินใจสะสมพลังอย่างรวดเร็วแล้วหงายฝ่ามือขึ้นไปบนท้องฟ้าเหมือนกับอินทรีที่กำลังสยายปีก ท่วงท่าของเด็กน้อยทั้งเหนือชั้นและทรงพลัง กระบวนท่าของเขาในตอนนี้เสมือนอินทรีเกล็ดเขียวที่ทลายหมู่เมฆ

ซู่ว..

จันทร์เสี้ยวปรากฏขึ้นที่กลางฝ่ามือฉายแสงอันงดงามอีกครั้งหนึ่ง พลังจันทร์เสี้ยวถูกผลักออกแล้วพุ่งตรงไปปะทะเป่ยเฟิงอย่างรุนแรง สร้างแรงระเบิดอย่างรุนแรง

ผลที่เกิดขึ้น เป่ยเฟิงกระอักเลือดออกมา ร่างของเด็กหนุ่มกระเด็นขึ้นไปกลางอากาศ ปลิวผ่านกิ่งไม้มากมายแล้วกระแทกกับต้นไม้ใหญ่ก่อนจะตกลงมาที่พื้น เด็กน้อยพุ่งตัวตามไปยังร่างของเป่ยเฟิงในทันที