…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ถังซิ่วหันกลับมามองที่เธอขณะที่เขากำลังพ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชาและไม่สนใจเธอ

หญิงวัยกลางคนที่ได้เห็นถังซิ่วเงียบอยู่นั้นก็ทำให้เธอได้ใจและคิดว่าถังซิ่วไม่กล้าที่จะตอบโต้ เธอเริ่มพ่นคำพูดที่หยาบคายออกมามากขึ้นเรื่อยๆ

“เงียบทำไมหละ, เอ๊ะ? คำพูดของฉันเป็นอย่างไร? รู้สึกเสียหน้าอย่างงั้นหรอ? ฉันแนะนำให้เธออย่าคิดเรื่องที่จะย้ายแม่ของเธอไปไหนเลย ไม่จำเป็นต้องโอ้อวดแล้วสร้างความอับอายให้ตัวเองหรอก ยิ่งไปกว่านั้น แม่ของเธอในตอนนี้ก็กำลังบาดเจ็บอยู่ด้วย อย่าสร้างปัญหาให้เธอมากไปกว่านี้เลยหนุ่มน้อย ”

ในที่สุดถังซิ่วก็หยุดการเคลื่อนไหวของเขาพร้อมกับมองไปที่ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนเตียงนอนและอ่านหนังสือ จากนั้นเขาก็ตอบเบาๆว่า

“เธอเชื่อไหมว่าฉันสามารถที่จะทำให้โรงพยาบาลเตะคนของคุณออกไปจากที่นี่ได้?หรือว่าฉันพูดผิดไป? เขาเป็นคนของคุณใช่ไหม? ”

หญิงวัยกลางคนจ้องที่เขาขณะที่เสียงของเธอเพิ่มขึ้นพร้อมเปล่งเสียงออกมาว่า

“นี่ยังจะกล้าพูดเรื่องไร้สาระอยู่อีกงั้นหรอ?เธอคิดว่าจะสามารถไล่เราออกไปได้หรอ ? คิดว่าตัวเองมีความสามารถ ? แม่คนนี้ก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าเด็กมัธยมธรรมดาๆจะสามารถทำอะไรได้หนะ ห๊ะ? ”

ชายวัยกลางคนผู้ที่นั่งอยู่บนเตียงนอนวางหนังสือพิมพ์ลงในขณะที่เขามองไปที่ถังซิ่วแล้วพูดเยาะเย้ยว่า

“ไอเด็กเปรต อย่าพูดโอ้อวดไปหน่อยเลย เดี๋ยวมันจะจบลงด้วยการกัดลิ้นของตัวเอง ! แม่ของเธอเป็นคนดีที่มีบุคลิกอ่อนโยนสมเหตุสมผลและรอบคอบแต่เธอกลับให้กำเนิดลูกชายที่เอาอ่าวแบบนี้ได้อย่างไรกัน? ฉันรู้สึกสงสารเธอจริงๆ! ”

ถังซิ่วส่ายหัวในขณะที่เขาหันกลับมาและแพ๊คของต่อไป

จริงๆแล้วมันเป็นคำพูดที่ว่า “หากจะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วก็ต้องเป็นคนประเภทเดียวกัน ”

ชายวัยกลางคนและหญิงคนนั้นเหมาะสมกันอย่างแท้จริง พวกเขามีหลายสิ่งหลายอย่างที่เหมือนกัน ถังซิ่วพยายามไม่แยแสกับคนประเภทดังกล่าว

ในทางตรงกันข้ามกันซูหลิงหยุนไม่เคยคาดคิดว่าลูกชายที่มีมารยาทของเธอจะเป็นคนก้าวร้าวเช่นนี้ ถึงขั้นที่จะพูดเพื่อรุกรานคนอื่น! เมื่อได้ยินคำพูดจากชายวัยกลางคนบนเตียง เธอรีบพูดออกมาว่า

“พี่ชาย โปรดอย่าลดตัวเองลงทะเลาะกับลูกชายฉันเลย ลูกชายของฉันไม่สมเหตุสมผลและไม่มีมารยาท ฉันจะสั่งสอนเขาในภายหลัง! ”

เมื่อหญิงวัยกลางคนได้ยินเช่นนั้นก็จึงตะโกนออกมาว่า

“น้องสาว! สามีของฉันพูดถูกต้องแล้ว คุณเกิดเด็กแบบนี้มาได้อย่างไร? คุณก็ได้ยินว่าลูกชายของคุณพูดอะไรใช่ไหม? เขากล่าวว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่มนุษย์สามารถอยู่ได้แถมยังเพิ่งจะบอกว่าเขาจะไล่เราออกไป ความหยิ่งยโสและความไร้มารยาทของเขานั้นสูงเสียดฟ้าจริงๆ”

“เสียงดังเอี๊ยด …”

คิ้วของถังซิ่วกำลังเหี่ยวย่นและกำลังจะพูดสวนกลับไป แต่เขากลับได้ยินเสียงประตูห้องที่ถูกเปิดออกพร้อมกลุ่มแพทย์ในเสื้อคลุมสีขาวที่รายล้อมหมอวัยกลางคนขณะที่พวกเขาเดินเข้ามาในห้อง ผู้คนจำนวนมากในห้องนี้รู้ดีว่าเขาเป็นผู้อำนวยการแผนกผู้ป่วยในและเป็นผู้ที่มีอำนาจอย่างแท้จริง

“ขอโทษที่เข้ามารบกวนนะครับ ไม่ทราบว่าคนไหนคือคุณถังซิ่ว? ”

ผู้อำนวยการแผนกผู้ป่วยในถามด้วยท่าทางละเอียดรอบคอบพร้อมน้ำเสียงที่สุภาพมาก

กำลังมองหาถังซิ่ว?

ด้วยท่าทางที่สุภาพ?

คู่สามีภรรยาได้มองหน้ากันอย่างว่างเปล่าขณะที่ในใจของพวกเขาเริ่มเกิดอาการวิตกกังวล

“ฉันเอง!”

ถังซิ่วหยุดการแพ๊คสิ่งของและตอบออกมาเบาๆ

ผู้อำนวยการแผนกผู้ป่วยในได้รีบตรงมาที่เขาพร้อมพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“สวัสดีคุณถัง ผมขอโทษอย่างสุดซึ้งที่เราไม่ทราบว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคุณแม่ของคุณดังนั้นเราจึงได้ละเลยเธอเล็กน้อย ผมหวังว่าคุณจะไม่ถือสาหาความในเรื่องดังกล่าว ผมเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากรองประธานเก่า เพื่อนำแพทย์มาที่นี่ เขาได้บอกว่ากำลังรีบมาที่นี้และห้องวีไอพีได้ถูกเตรียมไว้แล้ว แม่ของคุณสามารถย้ายไปที่นั่นเมื่อไหร่ก็ได้ ”

“ขอบคุณ!”

ถังซิ่วพยักหน้าและตอบกลับไป

ผู้อำนวยการแผนกผู้ป่วยในตอบซ้ำๆด้วยคำพูดประจบประแจงว่า

“คุณไม่จำเป็นต้องสุภาพกับเราเลยครับ นี่เป็นสิ่งที่เราควรจะทำอยู่แล้ว! ”

ถังซิ่วพูดตอบไปว่า

“โปรดรอสักครู่! ฉันจะต้องแพ๊คของอีกหน่อยและอีกอย่างช่วยส่งคนมาเข็นรถด้วยเพราะเธอไม่ค่อยจะแข็งแรงซักเท่าไหร่ ”

ผู้อำนวยการแผนกผู้ป่วยในรีบตอบว่า

“ผมจะรีบส่งคนมาในทันที”

ด้านข้าง…

คู่สามีภรรยาได้กลัวจนหัวหดไปหมดแล้วและไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้นแต่รวมไปถึงผู้ป่วยคนอื่นๆที่ได้เยาะเย้ยถังซิ่วไปเมื่อสักครู่ พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าถังซิ่วจะสามารถทำในสิ่งที่ได้พูดโอ้อวดออกมาได้

ใครคือผู้อำนวยการแผนกผู้ป่วยใน?

ในสายตาพวกเขา คนทั่วไปจะต้องคุยกับผู้อำนวยการแผนกผู้ป่วยในอย่างยิ้มแย้มและเลียแข้งเลียขาแต่ทว่าเขากลับพูดคุยกับถังซิ่วด้วยความเคารพและประจบแทน

เขาเป็นแค่นักเรียนระดับมัธยมปลายใช่หรือ?

ความคิดนี้ได้เกิดขึ้นภายในจิตใจของทุกคน

“อ๊ะฉันขอโทษจริงๆที่มาสาย ขอโทษนะ ฉันขอถามหน่อยว่าคนไหนคือคุณถัง? … ”

นอกห้องผู้ป่วย เก่าเจียนหมินเกือบจะวิ่งไปกระแทกกับผนังขณะที่ด้านหลังของเขาก็มีหมอตามมามากว่า4-5คน เมื่อเขาได้เห็นท่าทางบอกใบ้จากผู้อำนวยการแผนกผู้ป่วยในแล้วเขาก็รู้ได้ทันทีว่าคนไหนคือถังซิ่วพร้อมพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“คุณถัง, แผนกวีไอพีของเราได้รับการจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว แม่ของคุณจะถูกส่งไปที่นั่นทันที นอกจากนี้ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดของเธอนั้นโรงพยาบาลจะออกให้ทั้งหมด หากคุณต้องการสิ่งอื่นที่จำเป็นเราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้มันมา ”

อะไร?

ผิวของหญิงวัยกลางคนที่เหน็บแนมถังซิ่วเมื่อสักครู่กลายเป็นซีดเผือด สายตาของความไม่อยากจะเชื่อได้กระพริบอยู่ในดวงตาของเธอขณะที่ร่างของเธอกำลังสั่นสะท้าน เธอจะไม่หวั่นไหวได้อย่างไร? รองผู้อำนวยการคนนี้บอกว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะตอบสนองข้อเรียกร้องของถังซิ่วและหากว่าถังซิ่วพูดว่าจะให้ขับไล่เธอและสามีออกไป เธอจะไม่ถูกสามีเธอฆ่าตายและจะกลายเป็นเป้าของการสาปแช่งจากญาติที่น้องทั้งหมดงั้นหรอ?

นอกจากนี้สามีของเธออยู่ที่นี่เพื่อรอการผ่าตัดและเขาต้องรอกว่าครึ่งเดือนเพื่อที่จะได้ผ่าตัด แล้วตอนนี้เวลาผ่าตัดก็ใกล้เข้ามาถึงแล้วแต่เธอจะทำให้สามีต้องยืดเวลาออกไป?แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับเธอในอนาคต?

ชายวัยกลางคนที่ป่วยก็ตื่นตระหนก เขาจ้องมองภรรยาของเขาอย่างดุเดือดในขณะที่เขามองกลับไปที่ถังซิ่วด้วยความกลัวและความกังวลใจ

ภายในออฟฟิศของผู้อำนวยการ

หลี่ฮงจี้กำลังถูศีรษะของเขา เขาได้ใช้สมองมาเป็นเวลานานและเขาก็ยังคิดไม่ออกว่าเขาเคยได้ยินชื่อนี้มาจากใครนอกเหนือจากหลงฮานเหวิน ?

“ริ้งงงงงงงงงงงงงงง ริ้งงงงงงงงงงงง… ”

โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นอีกครั้ง

หลี่ฮงจี้คว้าโทรศัพท์ของเขาและเมื่อเห็นผู้โทรเข้านั้นรอยยิ้มก็โผล่ขึ้นมาบนใบหน้าของเขาพร้อมกับพูดว่า

“ศิษย์น้องฉันกำลังจะกลับไป ถ้านายเบื่อแล้วละก็ นายสามารถเข้าไปในห้องหนังสือของฉันเพื่อหาอะไรทำก่อนได้ มีบางส่วนที่เขียนและมีความรู้ความเข้าใจด้านการแพทย์ของท่านอาจารย์อยู่ในนั้น ”

“ศิษย์พี่ใหญ่ ฉันได้อ่านพวกมันหมดแล้ว อยู่ที่บ้านของพี่นั้นน่าเบื่อเป็นอย่างมาก ฉันตั้งใจที่จะไปยังเมืองแห่งจักรพรรดิในวันพรุ่งนี้เช้าเพราะฉันได้ยินข่าวเกี่ยวกับท่านอาจารย์ว่าท่านได้ปรากฏตัวขึ้นที่นั่น ”

เสียงของชูเก่าซองได้ถูกส่งผ่านทางโทรศัพท์ (*ใครยังจำไม่ได้ก็คือไอหมอที่รักษาหยินหยินไม่ได้แล้วถูกถังซิ่วฉีกหน้าไปอะ)

เมืองของจักรพรรดิ?

จิตวิญญาณของหลี่ฮงจี้สั่นไหวทันทีพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มลึกว่า

“ศิษย์น้อง หากได้พบท่านอาจารย์แล้วละก็ให้รีบแจ้งฉันทันที ! ฉันจะไปพบกับท่านโดยทันที! ”

“ดี!”

ชูเก่าซองตอบตกลงโดยทันที

หลี่ฮงจี้พูดด้วยเสียงหัวเราะว่า

“ศิษย์น้อง นายมาครั้งนี้นั้นรีบมารีบกลับจริงๆ ฉันยังไม่ได้สร้างความบันเทิงให้แก่นายแม้แต่น้อย! ส่วนเรื่องที่ผ่านมาเมื่อสองสามวันก่อนนั้นอย่าได้ไปสนใจมันหละ จำไว้ว่ามีผู้เชี่ยวชาญมากมายที่หลบซ่อนตัวอยู่ทั่วทุกที่ในโลกของคนธรรมดา หากว่าท่านอาจารย์รู้เรื่องนี้แล้วละก็ ท่านคงจะต้องหัวเราะ………………….. ”

คำพูดของเขาได้ชะงักโดยทันที

ดวงตาของเขาโตขึ้นเป็นไข่ห่าน คำตอบที่เขาพยายามจะหาได้ถูกเปิดเผยออกมาในคำพูดของเขาเอง

ถังซิ่ว?

ไม่ใช่ชื่อของหมอศักดิ์สิทธิ์หนุ่มผู้ซึ่งรักษาอาการป่วยแปลกๆให้กับลูกสาวของมู่ขวินปิงงั้นหรอ?และเป็นคนที่ฉีกหน้าศิษย์น้องของเขาออกเป็นชิ้นๆ? ใช่แล้ว ศิษย์น้องของเขาเคยพูดถึงชื่อๆนี้และเด็กหนุ่มนั้นมีชื่อว่าถังซิ่วอย่างแน่นอน

เป็นไปได้ไหมว่าถังซิ่วบนในเกาะจิงเหมินจะเป็นคนเดียวกับคนๆนี้

หลี่ฮงจี้รีบวางสายของชูเก่าซองอย่างรวดเร็วพร้อมกับคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วรีบโทรหาหลงเซ้งหยู

“สวัสดีคุณลุงหลี่”

เสียงของหลงเซ้งหยูได้ส่งออกมาจากโทรศัพท์มือถือ

หลี่ฮงจี้ถามอย่างรวดเร็วว่า

“เซ้งหยู ลุงขอถามอะไรหลานหน่อย หลานต้องตอบลุงมาอย่างซื่อสัตย์นะ เมื่อไม่กี่วันมานี้นั้น เด็กหนุ่มที่ชื่อถังซิ่วที่หลานพูดถึงได้อยู่ที่ไหนกัน? ”

หลงเซ้งหยูตอบด้วยน้ำเสียงสับสนวาส

“ลุงหลี่ ทำไมคุณถึงถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ? ถังซิ่วได้มีบางสิ่งบางอย่างที่ต้องจัดการเมื่อไม่กี่วันมานี้และเขาได้ไปที่เกาะจิงเหมินและเพิ่งกลับมาเมื่อเร็วๆนี้เอง ”

“เกาะจิงเหมิน?”

หลี่ฮงจี้ตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจ

หลงเซ้งหยูเองก็ถามอีกครั้งด้วยความสงสัยว่า

“ลุงหลี่ เกิดอะไรขึ้น? ทุกอย่างเรียบร้อยหรือเปล่า? ทำไมลุงถึงถามถึงเรื่องของถังซิ่ว?และดูเหมือนว่าสิ่งที่น่าแปลกใจบางอย่างเกิดขึ้นเมื่อเขาไปที่เกาะจิงเหมินใช่ไหม? ”

หลี่ฮงจี้พูดด้วยรอยยิ้มที่ฝืนๆออกมาว่า

“ไม่กี่วันนี้หน้านี้ ศิษย์น้องของฉันได้โดนฉีกหน้าอย่างมากจากเกาะจิงเหมินและอาจรวมไปถึงชื่อเสียงของอาจารย์ฉันด้วยและคนที่ทำให้เขาสูญเสียใบหน้าขนาดนั้นก็ถือถังซิ่ว เอาหละฉันไม่พบถังซิ่วคนนี้ไม่ได้แล้วหละ ”

“เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยว…”

หลี่ฮงจี้ไม่ได้รอว่าหลงเซ้งหยูกำลังจะพูดอะไรพร้อมกับรีบวางสายเขาโดยทันทีและวิ่งตรงไปยังแผนกผู้ป่วยในโดยทันที

“ปึ๊ก …”

ภายในห้อง405ชั้นที่ 6 หญิงและชายวัยกลางคนที่กำลังมีใบหน้าที่ซีดเผือดอยู่นั้นได้คุกเข่าลงต่อหน้าถังซิ่วพร้อมพูดออกมาวิงวอนว่า

“ถังซิ่ง …อ๊าไม่ …น้องถัง,ได้โปรดตำหนิฉันที่มองไม่เห็นภูเขาไท ฉันผิดเองที่มีดวงตาของสุนัขแต่ท่านเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สูงส่งดังนั้นโปรดอย่าให้เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลขับไล่สามีของฉันออกไป! เราอยู่ที่นี่มานานกว่าครึ่งเดือนถึงได้คิวผ่าตัดและกำลังจะถึงคิวของเราแล้ว ได้โปรดยกโทษและเมตตาเราด้วย อย่าให้พวกเขาเหล่านี้ไล่เราออกไปเลย ”

ทันใดนั้นหมอที่มาที่นี้ทุกคนต่างก็มีท่าทางแปลกๆ ส่วนในทางตรงกันข้ามกันนั้น ทุกคนที่ได้เยาะเย้ยถังซิ่วก่อนหน้านี้ได้มีท่าทางที่น่าวิตกอย่างเห็นได้ชัด

ผู้ป่วยอีกคนหนึ่งบนเตียงนอนยิ้มฝืนๆให้กับเขาขณะพูดว่า

“น้องชายถัง เป็นความผิดพลาดของเราและเราทำผิดคุณก่อน ฉันได้ทำผิดพลาดมากมายในการตัดสินคนอื่นในชีวิตของฉัน แต่คราวนี้เป็นเรื่องที่ผิดพลาดมากที่สุด โปรดยกโทษให้คนที่โง่เขลาเช่นพวกเราและอย่าลดตัวลงมาในระดับเดียวกับเราเลย แม่ของคุณเป็นคนดีและฉันมั่นใจว่าคุณเองก็เป็นคนดีเช่นกัน ”

เก่าเจียนหมินพูดด้วยเสียงประหลาดว่า

“คุณถัง,นี่คือ … ”

ถังซิ่วส่ายหัว เขาโบกมือไปให้ผู้หญิงวัยกลางคนที่คุกเข่าอยู่ข้างหน้าเขาลุกขึ้นยืนแล้วพูดเบาๆว่า

“เมื่อรู้ว่าตัวเองตาต่ำเหมือนสุนัขแล้วก็ดี คราวหน้าคราวหลังจะทำอะไรก็ให้มองและตัดสินดีๆ จำใส่หัวไว้ว่าคำพูดของเธออาจจะชักนำหายนะมาสู่ครอบครัวและคนที่เธอรักได้ ”

หลังจากพูดจบแล้วเขาก็หันไปตอบเก่าเจียนหมินว่า

“นี่เป็นเพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ฝากจัดการเรื่องการย้ายห้องของแม่ของฉันด้วยแล้วกัน! ”

เก่าเจียนหมินมองไปที่ผู้หญิงวัยกลางอย่างลึกซึ้งก่อนที่เขาจะตอบถังซิ่วด้วยรอยยิ้มว่า

“คุณถัง โปรดมั่นใจว่าผมจะจัดการทุกสิ่งด้วยสามารถทั้งหมดที่ผมมีอย่างแน่นอน “