…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

เมื่อมองไปที่การแสดงออกที่หดหู่บนใบหน้าแม่ของเขา ถังซิ่วก็เงียบสักครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็พยักหน้าและพูดช้าๆว่า

“ผมจะเชื่อคำพูดของแม่แล้วกันและจะไม่ไปสร้างปัญหาให้พวกเขา ถ้าแม่ต้องการอะไรก็สามารถบอกบั่นโฉวและดิ่งซี่ได้เลยพวกเขาจะเป็นคนจัดการให้ทุกอย่างและผมจะคอยดูแลแม่อยู่ที่โรงพยาบาลนี่ ”

ซูหลิงหยุนตอบด้วยความโกรธว่า

“ไม่ได้ ลูกต้องกลับไปที่โรงเรียนเดี๋ยวนี้ ถ้าหากว่าเรื่องนี้จะส่งผลต่อการสอบเข้าของลูกนั้น แม่ขอตายตรงนี้ซะยังดีกว่า ”

“…”

ถังซิ่วเปิดปากแต่ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ เขาเข้าใจความคิดของแม่ดี หากว่าเขายังอยู่ที่นี้แล้วละก็เธออาจทำอะไรที่ไม่คาดคิดได้

“ก็ได้ ผมจะกลับไป!”

ถังซิ่วถอนหายใจออกมาก่อนที่จะมองไปรอบๆแล้วพูดว่า

“อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ผมจะไป แม่ต้องยอมรับข้อเรียกร้องของผมก่อน”

ซูหลิงหยุนถามออกมาว่า

“เรื่องอะไรงั้นหรอลูก ?”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า

“แม่จะต้องย้ายไปยังห้องอื่น ที่นี่นั้นสกปรกเกิดไป ห้องนี้ไม่ใช่สถานที่สำหรับมนุษย์ที่จะนอนพักได้ หากว่าแม่ต้องอยู่ในสถานที่แบบนี้เพื่อพักฟื้นแล้วละก็ ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจซักเท่าไหร่ ”

หลังจากที่ผู้ป่วยและญาติประมาณ7-8คนได้ยินคำพูดของถังซิ่วนั้น พวกเขารีบพูดออกมาด้วยความโกรธว่า

“เห้ เห้ เห้ เมื่อกี้เธอน้อยพูดว่าอะไรน่ะ?!ที่นี่หนะเป็นโรงพยาบาลแพทย์จีนเมืองสตาร์ซิตี้นะ!!! มันจะสกปรกและวุ่นวายได้อย่างไร ? แล้วมันจะไม่ได้ที่อยู่สำหรับมนุษย์ได้อย่างไรกัน? เธอพูดอย่างงี้ได้อย่างไร? ”

“ที่นี้ก็ออกจะดีอยู่แล้วหรือเธอมีความสามารถพอที่จะย้ายแม่ไปห้องระดับสูงได้งั้นหรอ? แม่ของเธอคงมีค่าใช้จ่ายไม่น้อยกว่าหลายล้าน หน้าอย่างเธอคงทำได้แค่แอบเข้าไปเท่านั้น! ”

“เธอเป็นเพียงแค่นักเรียนเท่านั้นแต่ทำไมถึงได้พูดจาโอ้อวดแบบนี้! ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ของเธอเปิดร้านอาหารด้วยความยากลำบากและหาเงินสำหรับการศึกษาและเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่แล้วละก็ เธอจะต้องอดตายอยู่ข้างถนนอย่างแน่นอน แล้วตอนนี้คิดว่าตัวเองมีความสามารถมากนักหรอถึงได้จะไปแก้แค้นแทนแม่ของเธอหนะ ?หรือมีความสามารถพอที่จะย้ายแม่เธอไปในห้องวีไอพีห๊า !”

“ถึงโรงพยาบาลแพทย์จีนนี้จะมีห้องพักวีไอพีอยู่ก็จริงแต่มันไม่ใช่สำหรับคนอย่างเธอ มันเป็นของคนที่ร่ำรวยและมีอิทธิพลเท่านั้น เธอมีแค่ร้านอาหารเล็กๆร้านนึงเท่านั้น แม้แต่ฉันก็สามารถบอกได้ว่าพวกเธอนั้นยากจนและไม่มีความมั่งคั่งอะไรเลย เธอไม่มีเส้นสายอะไรแล้วเธอจะได้ย้ายไปห้องวีไอพีได้อย่างไร หึ ? เธอกำลังสร้างความอับอายให้กับตัวเองที่นี่ ! ”

“หนุ่มสาวในยุคปัจจุบันนี้เสียคนจริงๆ! เมื่อพวกเขาได้เข้าสู่สังคมจริงๆเท่านั้นถึงจะได้รู้จักความยากลำบากในการหาเงินอย่างแท้จริง เธอต้องเป็นคนที่มีความสามารถและมีไหวพริบถึงมีสิทธิที่จะหยิ่งยโสได้! ”

“น้องสาว ลูกของคุณนี่มัน อ๊า … ! โอ้ …”

“…”

ถังซิ่วไม่คิดเลยว่าคำพูดบางคำของเขาจะสร้างความรำคานให้กับคนเหล่านี้ ในหัวใจของเขาตอนนี้ได้มีเพลิงที่กำลังปะทุขึ้นหลังจากได้ยินเสียงตำหนิดังกล่าวจากคนเหล่านั้น เขาตะโกนด้วยความโกรธทันทีว่า

“หุบปากของพวกแกซะไอ้*******!”

ทุกคนเงียบกริบ! พวกเขามองไปที่การแสดงออกถึงความโกรธบนใบหน้าของถังซิ่ว ชายหนุ่มสองคนได้มองไปที่ถังซิ่วด้วยท่าทางน่าเกลียดและดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการที่จะลงมือจัดการถังซิ่ว อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขานึกถึงกลุ่มคนที่กำลังรอซูหลิงหยุนอยู่ข้างนอกนั้นทำให้ความกล้าของพวกเขาหดหายไป แกล้งผู้ที่อ่อนแอกว่าและกลัวผู้ที่แข็งแกร่งนี่เป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ ดังนั้นชายหนุ่มทั้งสองจึงเลือกที่จะไม่ทำอะไร

“ลูก ห้ามหยาบคายนะ!”

ซูหลิงหยุนมองไปที่ถังซิ่วด้วยท่าทางตลกและมีความสุข หลังจากนั้นเธอก็ได้ตำหนิเขาแล้วขอโทษคนในห้องทันที

ถังซิ่วรีบหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาแล้วโทรหาหลงเซ้งหยูทันที

“ฮาโหล น้องชายถัง?ในที่สุดนายก็เปิดโทรศัพท์ซักที! ฉันโทรหานายหลายครั้งในสองวันมานี้และติดต่อนายไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียว ฉันก็ได้ไปที่วิลล่าในเมืองประตูทิศใต้มาเหมือนกันแต่กลับถูกขวางได้โดยแม่บ้านของนาย ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนแล้ว? ฉันต้องการที่จะเห็นคุยกับหน้าแบบต่อหน้าเนื่องจากมีบางอย่างที่ฉันต้องพูดกับนาย ”

เสียงของหลงเซ้งหยูดังออกมาจากโทรศัพท์

“ฉันไม่มีเวลาว่างในตอนนี้ เหตุผลที่ฉันโทรหานายก็คือฉันต้องการถามว่านายมีคนรู้จักที่โรงพยาบาลแพทย์จีนเมืองสตาร์ซิตี้บ้างหรือไม่? แม่ของฉันได้รับบาดเจ็บและกำลังพักอยู่ในห้องผู้ป่วยธรรมดา ฉันต้องการที่จะย้ายเธอไปยังห้องผู้ป่วยวีไอพี ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายนั้นเป็นปัญหา ”

หลงเซ้งหยูตอบด้วยความโกรธว่า

“ไอเวรที่ไหนกล้าทำร้ายคุณป้า ? นายรออยู่ที่นั่นแล้วฉันจะรีบไปทันที ฉันจะโทรติดต่อผู้อำนวยการโรงพยาบาลให้ระหว่างทาง เขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของพ่อของฉัน โรงพยาบาลแห่งใหม่ในเครือของเขาที่กำลังสร้างอยู่นั้นก็สร้างโดยตระกูลของเรา ”

“งั้นมาที่นี่เร็วๆ!”

หลังจากพูดจบแล้วถังซิ่วรีบวางสายทันที

หลังจากนั้นสักครู่ หลงเซ้งหยูก็โทรกลับมาหาถังซิ่วพร้อมถามด้วยเสียงที่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีว่า

“น้องชาย นายยังไม่ได้บอกชื่อคุณป้าและเลขห้องที่เธออยู่ในโรงพยาบาลเลย!หากฉันโทรหาผู้อำนวยการแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเธออยู่ที่ห้องไหน อ๊า! ”

ถังซิ่วหน้าแดงขึ้นด้วยความอับอายพร้อมบอกข้อมูลทุกอย่างกับหลงเซ้งหยูไป หลังจากนั้นเขาก็วางสายทันที

โรงพยาบาลแพทย์จีนเมืองสตาร์ซิตี้

ภายในสำนักงานผู้อำนวยการที่กว้างขวางและสะอาด หลี่ฮงจี้ได้ยืนอยู่ตรงหน้าต้นบอนไซและกำลังรดน้ำ เขามีอายุเกือบ 60 ปีและทำงานหนักมานานหลายปีเพื่อหาเลี้ยงชีพโดยไม่คำนึงถึงความยากลำบากในทุกๆปี เวลาของการเกษียณของเขาก็ใกล้เข้ามาทุกที ดังนั้นเขาจึงเริ่มที่จะมอบหมายงานและการกระจายอำนาจให้กับคนอื่นๆ ตอนนี้เขาได้แต่ปลูกพืชสมุนไพรและเลี้ยงนกไปวันๆ

เขาเคยหมกมุ่นอยู่กับงานด้านการแพทย์เป็นเวลาหลายปีแล้วและความสำเร็จของเขาในศิลปะการแพทย์แผนจีนก็สูงมากแม้กระทั่งเป็นหนึ่งในผู้มีอิทธิพลด้านการแพทย์ของจีนในประเทศนี้ แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งของเขาคืออาจารย์ของเขาคือหมอศักดิ์สิทธิ์กุยเจียนเฉา

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้นั้นมีคนที่รู้อยู่ไม่มากนัก ผู้คนส่วนใหญ่ไม่รู้ถึงสถานะนี้ของเขา

“โอ้ไอ้เด็กเก่าซองที่หน้าแหกไปอย่างมากบนเกาะจิงเหมินเมื่อไม่กี่วันมานี้ได้มาถึงเมืองนี้แล้วอย่างงั้นหรอ บางทีถ้าท่านอาจารย์รู้แล้วละก็ เขาจะต้องโดนตำหนิเป็นอย่างมากแน่นอน ”

ท่าทางที่ยิ้มแย้มได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลี่ฮงจี้ เขารู้สึกค่อนข้างตลกเมื่อคิดถึงศิษย์น้องของเขาที่เพิ่งจะหน้าแหกไปเมื่อไม่นานมานี้

“อย่างไรก็ตาม เด็กหนุ่มที่สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยแปลกๆของเด็กหญิงคนนั้นเป็นใครกัน?ผู้หญิงที่ชื่อมู่ขวินปิงเองก็ได้มาที่เมืองแห่งนี้เมื่อปีที่แล้วเช่นกันและฉันเองก็วินิจฉัยว่าโรคนั้นอยู่เหนือความสามารถของฉันเช่นกัน แล้วเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นลูกศิษย์ของหมอศักดิ์สิทธิ์ท่านไหนกัน?”

หลี่ฮงจี้วางกระถางบนหน้าต่าง เมื่อเขาเพิ่งกลับไปที่โต๊ะทำงานนั้นโทรศัพท์ที่เขาวางอยู่บนโต๊ะก็ได้ดังขึ้น เมื่อเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเห็นหมายเลขผู้โทรนั้นการแสดงออกถึงความประหลาดใจได้เกิดขึ้นโดยทันทีเพราะเขารู้ว่าผู้โทรนั้นคือลูกชายของเพื่อนเก่าของเขาซึ่งปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นนักธุรกิจที่ยอดเยี่ยมชื่อหลงเซ้งหยู

เขาโทรหาฉันทำไม?

ด้วยอาการประหลาดใจที่กำลังปรากฏอยู่บนในหน้านั้น เขาได้กดปุ่มตอบรับขณะที่เขาพูดด้วยเสียงหัวเราะว่า

“เซ้งหยู หลานโทรหาลุงทำไมงั้นหรอ?หรือพ่อของเธอได้ส่งไวน์ชั้นดีมาให้ฉัน? ”

หลงเซ้งหยูได้ตอบกลับว่า

“ลุงหลี่ ลุงไม่ได้เพิ่งดื่มไวน์ชั้นดีของพ่อผมไปงั้นเมื่อไม่นานที่ผ่านมา?”

หลี่ฮงจจี้พูดทั้งหัวเราะว่า

“ฮ่าๆเด็กน้อย ฉันนั้นสุดยอดยังไงหละ!เอาหละ มาเข้าประเด็นกัน เธอโทรหาฉันเพราะเรื่องอะไรงั้นหรอ อยากจะให้ช่วยอะไรก็ลองว่ามาสิ? ”

หลงเซ้งหยูพูดอย่างรวดเร็วว่า

“ลุงหลี่นี้มันเกินว่าคำขอช่วยไปไกลมากสิ่งที่ผมต้องพูดนั้นมันเป็นสิ่งที่สำคัญจริงๆ ”

สิ่งที่สำคัญ?

หลี่ฮงจี้ไม่ค่อยได้ยินเสียงที่จริงจังของหลงเซ้งหยูบ่อยซักเท่าไหร่ นั่นทำให้การแสดงออกของรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาจางหายไปอย่างรวดเร็วในขณะที่เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า

“พูดมาเลย ฉันกำลังฟังอยู่!”

หลงเซ้งหยูรีบพูดว่า

“ลุงหลี่ แม่ของเพื่อนของผมกำลังเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของคุณ เขาต้องการที่จะย้ายแม่ของเขาไปที่แผนกวีไอพี คุณสามารถมองข้ามกฎและตอบรับคำขอของเขาได้หรือไม่? ”

หลี่ฮงจี้รู้สึกประหลาดใจและพูดว่า

“มันเป็นเพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆแค่นี้ ?”

หลงเซ้งหยูฝืนยิ้มและพูดออกมาว่า

นี่”อาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับคุณแต่สำหรับผมนั้นมันสำคัญเป็นอย่างมาก เมื่อเร็วๆนี้คุณได้ดื่มกับพ่อของผมแล้ว คุณต้องเคยได้ยินเกี่ยวกับเขาบ้างใช่ไหม? เขาชื่อถังซิ่วที่เป็นเด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าผมและยังเป็นเด็กมัธยม

ถังซิ่ว?

ชื่อนี้หมุนวนอย่างรวดเร็วภายในจิตใจของหลี่ฮงจี้ ก่อนที่ท่าทางของเขาจะเปลี่ยนเป็นจริงจังทันทีพร้อมถามออกมาว่า

“เขาที่เป็นอาจารย์ของเฉินซีซ่งหรือเปล่า?”

“ใช่!”

หลงเซ้งหยูรีบตอบทันที

หลีฮงจี้ได้พูดว่า

“ในเมื่อเขาเป็นอาจารย์ของเฉินซีซ่งแล้วทำไมเขาถึงไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากเฉินซีซ่งหละ? เธอรู้ไหมว่าเฉินซีซ่งเป็นเพื่อนกับฉันมานานหลายทศวรรษแล้วและโรงพยาบาลแห่งนี้มีข้อตกลงทางธุรกิจกับเขามากมาย ตราบเท่าที่เขาพูดขึ้น เขาไม่จำเป็นต้องพบฉันเพราะฉันสามารถจัดให้คนบางคนดูแลเขาได้ทันที ”

หลงเซ้งหยูพูดด้วยเสียงหัวเราะว่า

“ผมหวังว่าเขาจะขอความช่วยเหลือจากผมและนี่เป็นความโปรดปรานครั้งใหญ่! ลุงหลี่ตอนนี้ลุงไม่รู้หรอกว่าความโปรดปรานของถังซิ่วในตอนนี้นั้นมีค่ามากแค่ไหน ผมมีเพื่อนอยู่สองคนจากเมืองแห่งจักรพรรดิและพวกเขาอยากจะเป็นเพื่อนกับถังซิ่ว พวกเขาตัดสินใจที่จะใช้ความมั่งคั่งของครอบครัวของพวกเขาเพื่อลงทุนเงินเป็นพันล้านและโอนเงินทุนสำหรับการลงทุนทางธุรกิจมายังเมืองสตาร์ซิตี้ของเราพร้อมให้หุ้นเขาไปฟรีๆ ”

หลี่ฮงจี้ถามด้วยเสียงตกใจว่า

“ภูมิหลังของถังซิ่วมีอะไรบ้าง? ลุงไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนจากพ่อของเธอ ในเมื่อเธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาก็ควรจะรู้มากกว่าพ่อของเธอใช่ไหม? ”

หลงเซ้งหยูยิ้มแบบฝืนๆและพูดออกมาว่า

“สิ่งที่ผมรู้เกี่ยวกับตัวเขาจริงๆแล้วน้อยกว่าพ่อของผมด้วยซ้ำ ถังซิ่วคนนั้น……………….เป็นคนที่ยากจะหยั่งถึงอย่างแท้จริง ”

หลี่ฮงจี้ได้พูดต่อว่า

“ตกลง แล้วฉันจะดูแลเรื่องนี้เอง ฉันจะย้ายแม่ของเขาไปอยู่แผนกวีไอพีทันที ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดจะได้รับการยกเว้น ”

หลงเซ้งหยูตอบด้วยเสียงหัวเราะว่า

“ขอบคุณลุงหลี่”

หลีฮงจี้หัวเราะเบาๆและพูดว่า

“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ หลังจากนี้ก็อย่าลืมไปขโมยไวน์ชั้นดีที่พ่อเธอซ่อนไว้มาให้ฉันบ้างก็โอเคแล้ว ”

หลงเซ้งหยูตอบกลับด้วยเสียงหัวเราะว่า

“ลุงมั่นใจได้เลย! ผมจะไปขโมยไวน์ชั้นดีของพ่อมาให้ลุงอย่างแน่นอน! ”

การสนทนาได้จบลงตรงนี้

การแสดงออกของรอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่ฮงจิได้หายไปและท่าทางของเขากลับกลายเป็นจริงจังอย่างมาก เขาขบคิดสักครู่แล้วโทรออกไปยังหมายเลขของรองผู้อำนวยการและหลังจากที่ได้ถ่ายทอดคำสั่งของเขาแล้วเขาก็เดินไปที่เก้าอี้พร้อมนั่งลงอย่างเงียบๆ

ถังซิ่ว ?

ชื่อนี้มันคุ้นๆแหะ หรือจะเป็นตอนที่ได้พบกับหลงฮานเหวิน?

ไม่! มันไม่ใช่!

นอกเหนือจากหลงฮานเหวินแล้ว เขาน่าจะได้ยินชื่อนี้มาจากคนอื่นเช่นกัน

ได้ยินมาจากใครกัน?

ดวงตาของหลี่ฮงจื้ได้จ้องมองออกไปขณะที่กำลังนั่งคิด

ภายในห้อง405บนชั้นที่6ของแผนกผู้ป่วยใน

ถังซิ่วได้แพ๊คของให้แม่ของเขาทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับชีวิตประจำวัน ในขณะที่ได้ยินเสียงของหญิงวัยกลางที่กำลังตำหนิอย่างรุนแรง

“เธอจะแพ๊คของไปทำไม?คิดจริงๆหรือว่าแค่เด็กมัธยมโทรศัพท์ไปนั้นจะสามารถทำให้ย้ายไปอยู่ห้องวีไอพีได้หนะ หือ ? แม่ของเธอที่ไม่ได้มีความมั่งคั่งหรืออำนาจอะไรเลยหนะ หือ ? ไร้ …”

หลังจากที่เธอพูดออกมาก็ได้เช็ดน้ำมูกบนจมูกของเธอด้วยกระดาษชำระและโยนมันลงไปบนพื้นก่อนที่จะกลับไปนั่งที่ข้างเตียงของตัวเอง