…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

เหมี่ยวเหวินถังและเซ่าหมิงเซิงลุกขึ้นทันทีพร้อมท่าทางที่เย็นยะเยือกและปลดปล่อยจิตสังหารออกมา คนส่วนใหญ่นั้นรู้ถึงเปลือกนอกของพวกเขาดี แต่มีเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้นที่รู้ถึงอำนาจเบื้องหลังของพวกเขา

“คุณคือใคร?”

เหมี่ยวเหวินถังถามออกมาอย่างเย็นชา

ท่าทางของเธอนั้นสงบและใจเย็นอย่างมาก ขณะที่กำลังมองไปที่โอหยางลูลู่ที่กำลังผลักรถเข็นบนถนนด้านล่าง เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะพูดออกมาว่า

“นับตั้งแต่ที่คุณทั้งสองอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับตัวฉันแล้ว ฉันจะล้างความสงสัยของพวกคุณเอง ฉันคือแม่ของแมวป่าที่พวกคุณได้พูดออกมาและแน่นอนว่าฉันเองก็ไม่อยากถูกเรียกว่าเป็นแมวป่าแก่แน่นอน ”

แก่… แมวป่าแก่งั้นหรอ?

เหมี่ยวเหวินถังและเซ่าหมิงเซิงมองไปที่กันและกันด้วยสายตาว่างเปล่า พร้อมระงับท่าทางของพวกเขาทันที บนในหน้าของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความอึดอัดใจ พวกเขาได้นินทาลูกสาวของคนอื่นในที่นี้ยังไม่พอแถมเรียกเธอว่าเป็นแมวป่า พวกเขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าแม่ของเธอจะมาอยู่ที่นี่

“ผมขอโทษ!”

เซ่าหมิงเซิงป้องหมัดของเขาพร้อมยิ้มออกมาแบบฝืนๆ

เธอยิ้มอย่างแผ่วเบาแล้วตอบกลับว่า

“มันไม่เป็นไร! ฉันไม่ได้โกรธเคืองใครได้อย่างง่ายงายนัก ฉันเองก็พบว่ามันน่าสนใจเช่นกัน จะเป็นอะไรไหมหากฉันจะนั่งตรงนี้ ? แล้วพูดคุยอะไรกับพวกคุณสองคน? ”

เหมี่ยวเหวินถังโบกมือเป็นท่าทางเชิญให้นั่งพร้อมพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“นายหญิงของตระกูลโอหยางนั้นเป็นดั่งมังกรศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่สามารถเห็นได้แม้แต่หัวหรือหางวันนื้ถือว่าเป็นเกียรติของเรามากที่เราได้มาพบกัน เนื้อหาที่คุณสนใจจะพูดกับเราคงไม่พ้นเรื่องของถังซิ่วใช่ไหม? ”

เธอตอบด้วยรอยยิ้มว่า

“มีพูดคุยกับคนฉลาดนั้นเป็นอะไรที่ทำให้ฉันรู้สึกดีเสมอ ใช่ ประการแรกนั้นฉันอยากจะพูดเกี่ยวกับเรื่องของถังซิ่ว ส่วนประการที่สองนั้นฉันก็อยากจะลองดูว่าเราจะมีโอกาสที่จะร่วมมือกันได้ไหม ”

ในช่วงเย็น …

ห้องพักในวิลล่าหรูในพื้นที่เกาะจิงเหมินที่งดงามสไตล์ยุโรปเป็นวิลล่าส่วนตัวของโอหยางลูลู่ที่มีคนรับใช้มากกว่า10คน

“ฉันได้สั่งให้คนไปจัดการเตรียมห้องสำหรับแขกแล้ว คุณอยากจะไปพักผ่อนก่อน? หรือจะไปทานอาหารเลย ? เพราะยังไงอาการก็ได้ถูกเตรียมไว้หมดแล้ว ”

นี้เป็นครั้งแรกที่เธอเชิญบุคคลภายนอกมาที่บ้านพักส่วนตัวของเธอ แม้กระทั่งการต้อนรับอย่างอบอุ่นโดยเฉพาะการตอนรับมู่ขวินปิง เธอประทับใจต่อมู่ขวินปิงเป็นอย่างมาก ในความคิดจองเธอนั้นการที่จะสามารถสละทุกสิ่งได้เพื่อลูกของเธอ รวมถึงเร่ร่อนไปทุกที่เพื่อที่จะหาหมอที่มีชื่อเสียงหรือแม้กระทั่งคุกเข่าขอร้องกับคนอื่นนั้นได้สะกิดใจเธอเป็นอย่างมาก ความรักของผู้เป็นแม่นี้ช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน

ถังซิ่วได้ตอบทันทีว่า

“ไปหาอะไรกินกันก่อน ให้คนไปเตรียมอาหารมาให้หยินหยินด้วย ”

“ฉันไม่ได้ขอความคิดเห็นของนายซักหน่อย!”

โอหยางลูลู่ตะคอกใส่ถังซิ่วพร้อมจ้องมองอย่างดุร้าย เธอเป็นคนที่อบอุ่นมากกับมู่ขวินปิงและลูกสาวของเธอ แต่มันแตกต่างกันกับถังซิ่วโดยสิ้นเชิง เห็นได้ชัดว่าเธอยังคงไม่พอใจเขา

ถังซิ่วไม่แยแสท่าทางของเธอ เขาเพียงเพลิดเพลินกับความรู้สึกของการมีคนรับส่วนตัวตั้งแต่ที่โอวหยางลูลู่เชิญเขามา เขาก็ไม่สนใจที่จะลดตัวไปทะเลาะกันเธอ

หลังจากเพลิดเพลินกับอาหารมื้อค่ำแสนอร่อยแล้ว ถังซิ่วได้มองไปที่โอหยางลูลู่แล้วเอ่ยปากถามเธอว่า

“ถ้าฉันเดาไม่ผิด นี้คงไม่ใช่วิลล่าเดียวที่เธอมีบนเกาะแห่งนี้ใช่ไหม ? ”

โอวหยางลูลู่ตอบอย่างภูมิใจว่า

“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว! แม้ว่าฉันมักจะอาศัยอยู่ที่นี่เป็นส่วนใหญ่ แต่เนื่องจากฉันเป็นเจ้าหญิงที่น่าเคารพนับถือขากตระกูลโอหยาง มันจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับฉันที่จะมีบ้านอยู่เป็นจำนวนมากบนเกาะแห่งนี้ ”

ถังซิ่วยกนิ้วโป้งขึ้นมาแล้วตอบทันทีว่า

“ในกรณีนี้ เธอก็สามารถออกไปได้แล้ว อ่อ แล้วก็บอกให้คนรับใช้ในวิลล่าหยุดพักวันนี้หนึ่งวันได้เลย”

“นายพูดว่าอะไรนะ?”

โอหยางลูลู่ได้ตกตะลึงไม่มีแม้แต่ในความฝันของเธอ ที่จะคิดว่าถังซิ่วจะกล้าพูดคำนี้ออกมา

เธอคือใคร ?

นี่ก็วิลล่าของเธอ มันมีที่ไหนกันที่แขกจะมาไล่เจ้าของบ้านออกไป

“หมอศักดิ์สิทธิ์ถัง …คุณ”

มู่ขวินปิงเองก็ยังตกตะลึง เธอมองที่โอหยางลูลู่ที่ท่าทางเปลี่ยนแปลงอย่างมากและได้พูดด้วยเสียงต่ำอย่างรวดเร็ว

ถังซิ่วยกมือขึ้นเพื่อขัดจังหวะมู่วขวินปิงและพูดเบาๆว่า

“มิสโอวหยาง ฉันขอขอบคุณสำหรับการต้อนรับของคุณในวันนี้ แต่เราต้องขอยืมวิลล่าของคุณสำหรับคืนนี้จริงๆและเราจะออกไปในวันพรุ่งนี้ นอกจากนี้ฉันก็มีสิ่งสำคัญที่ต้องทำในคืนนี้และก็ไม่สามารถถูกรบกวนโดยบุคคลภายนอกได้ ถ้าคุณไม่ต้องการที่จะออกไปหรือให้คนรับใช้หยุดพัก เราก็ต้องขอลา ณ ที่นี้ ”

สิ่งสำคัญ?

เมื่อได้ยินคำอธิบายของถังซิ่ว โอหยางลูลู่รู้สึกดีขึ้นมาก แต่ถังซิ่วยังคงยืนยันว่าจะไล่เธออกไปจากบ้านของเธออยู่ดี นี้ทำให้เธอรู้สึกค่อนข้างขมขื่น

“นายกำลังขู่ฉัน?”

ถังซิ่วได้ตอบทันทีว่า

“มันไม่ใช่การขู่ มันเป็นการอธิบายต่างหาก ”

“นาย …”

โอหยางลูลู่สังเกตการณ์แสดงออกที่ดูจริงจังของถังซิ่วแล้ว เธอก็รู้ได้ทันทีว่าผู้ชายคนนี้ต้องบ้าอย่างแน่นอน ถ้าหากเป็นผู้ชายคนอื่นที่ได้อยู่กับเธอช่วงค่ำนั้น พวกเขาจะต้องนอนไม่หลับอย่างน้อยก็คืนหนึ่งเต็มแน่นอน แต่ไอ้ผู้ชายคนนี้กลับไล่เธอออกไป นี่เขายังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า ?

“เอาไปเลย !!!!”

เธอรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก เธอรีบไล่คนรับใช้ออกไปจากบ้านทันทีพร้อมเปิดประตูรถด้วยเสียงดังกระหึ่มของเครื่องยนต์ เธอรีบพุ่งออกไปจากวิลล่าเหมือนลูกธนูทันที

ภายในวิลล่ามีเพียงถังซิว, มู่ขวินปิงและลูกสาวของเธอที่ยังเหลืออยู่ ตอนนี้ถังซิ่วนั้นดูเหมือนเป็นเจ้าของวิลล่านี้โดยแท้จริง เขาได้ให้สองแม่ลูกไปนั่งลงที่โซฟาในห้องนั่งเล่นพร้อมถ้วยชาสองถ้วยที่ตั้งอยู่ตรงหน้าพวกเขา

มู่ขวินปิงนั้นกำลังกระสับกระส่ายเป็นอย่างมาก เธอยังจำได้ดีว่าถังซิ่วได้บอกไว้ว่าจะพูดคุยเกี่ยวกับสภาพของลูกสาวของเธอ เธอไม่รู้ว่าเขาจะบอกข่าวดีหรือหรือร้ายแก่เธอ หลังจากนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งนั้น เธอก็เปิดปากพูดทันทีว่า

“หมอศักดิ์สิทธิ์ถัง เกิดปัญหาอะไรขึ้นกับลูกสาวของฉัน ได้โปรดบอกฉันเกี่ยวกับมัน ฉันสามารถที่จะแบกรับมันได้!”

ถังซิ่วได้ตอบกลับว่า

“เล็กๆน้อยๆเท่านั้น ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคุณสองคนเลย ดังนั้นคุณช่วยบอกฉันหน่อยสิ เกี่ยวกับสถานการณ์ของคุณ ฉันต้องรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของคุณก่อนที่ฉันจะค่อยตัดสินใจอีกที”

มู่ขวินปิงจ้องอย่างงงงันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะตอบว่า

“ฉันและสามีเป็นเด็กกำพร้า เราเติบโตขึ้นมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าด้วยกันและแต่งงานกัน แล้วต่อมาหลังจากที่เราอาศัยอยู่ด้วยกันก็ค่อนข้างจะมีชีวิตที่อุดมสมบูรณ์ดี สามีของฉันเป็นคนที่มีความสามารถมากทั้งในการจัดการครอบครัวหรือบริษัท กว่า2ปีมาแล้วที่เขาได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์และทำให้ฉันเป็นม่ายและลูกสาวของฉันกำพร้า เพราะเหตุผลเรื่องการจากไปของสามีฉันได้ทำให้ลูกสาวของฉันเศร้าเป็นอย่างมากและนำไปสู่การเจ็บป่วยด้วยอาการแปลกๆนี้ ”

“มันเป็นเวลากว่า2ปีนับตั้งแต่ที่ฉันลาออกจากงาน ฉันขายที่ดินทั้งหมดของเราบวกกับค่าชดเชยจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่สามีของฉันได้รับ รวมเกือบ2ล้านหยวน หลังจากที่ได้ใช้จ่ายเป็นเวลากว่า2ปี ตอนนี้เหลือเพียงแค่300,000หยวนเท่านั้น ในเมื่อคุณเป็นคนที่รักษาลูกสาวของฉันได้ ฉันก็จะให้ทั้งหมดนั่นแก่คุณ ”

ถังซิ่วโบกมือและพูดว่า

“ฉันไม่ต้องการเงินของคุณ ฉันเพียงแค่ต้องการทราบสถานการณ์ของครอบครัวของคุณ ในเมื่อหยินหยินและคุณมีเพียงแค่กันและกัน แล้วคุณคิดจะทำอะไรในอนาคต? คุณจะอยู่ที่ไหนและอะไรคือวิธีการที่คุณจะทำมาหากิน? ”

มู่ขวินปิงส่ายศีรษะของเธอและพูดว่า

“วันนี้โชคดีมากที่เราได้เจอหมออันยิ่งใหญ่อย่างคุณ เนื่องจากความเจ็บป่วยที่แปลกประหลาดของลูกสาวฉันได้รับการรักษาให้หายไปอย่างฉับพลัน นั้นเป็นเหตุให้ฉันไม่มีเวลาพอที่จะคิดถึงเรื่องนี้และเตรียมตัวสำหรับชีวิตของเราในอนาคต ”

ถังซิ่วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า

“เนื่องจากคุณยังไม่ได้วางแผนสำหรับอนาคต งั้นเอาเป็นว่าฉันจะจัดการมันให้คุณเอง คุณมีข้อคิดเห็นอย่างไร?”

“คุณจะวางแผนอย่างไร ? ”

มู่ขวินปิงมองไปที่ถังซิ่วด้วยความประหลาดใจ เธอไม่เข้าใจความหมายของสิ่งที่เขาพูด

ถังซิ่วได้ตอบเธอกลับว่าว่า

“ในความเป็นจริงนั้น หยินหยินไม่ได้ป่วยแต่เป็นเพราะเธอมีกายศักดิ์สิทธิ์ที่พิเศษและมีอยู่น้อยมาก มันมีชื่อว่า “กายศักดิ์สิทธิ์นกฟีนิกซ์น้ำแข็ง”มันหายากมากซึ่งเป็นที่ต้องการของผู้บ่มเพาะพลังแห่งนิรันด์ ”

“ผู้บ่มเพาะพลังแห่งนิรันด์?!”

มู่ขวินปิงตกใจเป็นอย่างมาก เธอไม่เชื่อเรื่องการดำรงอยู่ของพระเจ้า วิญญาณแม้กระทั่งบรรดาหมอดู เธอคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงคำโกหกและถูกนำมาใช้เพื่อหลอกลวงคนเท่านั้น

ถังซิ่วได้พูดต่อว่า

“ใช่ ฉันเป็นผู้บ่มเพาะแห่งนิรันด์ บางทีในโลกนี้อาจจะมีเพียงแค่สองคนเท่านั้น อีกคนหนึ่งคือศิษย์อย่างไม่เป็นทางการที่ฉันพึ่งได้รับเข้ามา แน่นอนอยู่แล้วว่าในโลกนี้ยังมีผู้บ่มเพาะพลังแบบอื่นๆอีก เช่น ผู้บ่มเพาะพลังแห่งเซียนหรือผู้บ่มเพาะพลังแห่งพระพุทธเจ้าและอื่นๆอีกมากมาย”

มู่ขวินปิงส่ายหน้าและพูดออกมาขณะที่เธอหัวเราะว่า

“หมอศักดิ์สิทธิ์ถัง โปรดอย่าอำฉันเล่นสิ ในโลกนี้จะไปมีพระพุทธเจ้าได้อย่างไร ? สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับผู้ที่ไม่มีจิตใจที่เข้มแข็ง ”

“โง่เขลา!”

ถังซิ่วพูดพร้อมกับหัวเราะเยาะ

“พวกคุณเป็นเหล่าผู้คนที่ถูกล้างสมองด้วยกาลเวลา คุณคิดจริงๆหรือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นจริงๆ ? คุณเชื่อหรือว่าคนสมัยโบราณจะเป็นคนที่โง่เขลา? โลกนี้ไม่เพียงแต่มีผู้บ่มเพาะเท่านั้นแต่ยังมีผู้เป็นนิรันด์ ปีศาจ ผี พระพุทธเจ้า และยังมีสิ่งที่เหนือกว่านั้นซึ่งก็คือการดำรงอยู่ของพระเจ้าด้วย ”

หลังจากที่ได้พูดจบ ถังซิ่วได้สะบัดนิ้วทำให้โต๊ะที่มีน้ำหนักกว่า100กิโลกรัมด้านหน้าลอยขึ้นไปทันที แต่ก่อนที่โต๊ะจะหล่นลงมาถึงพื้นนั้น เขาได้ขยับนิ้วอีกครั้งพร้อมควบคุมพลังพร้อมจิ้มไปที่ขอบโต๊ะแล้ววางมันลงมาอย่างง่ายดาย

“นี่……”

ดวงตาของมู่ขวินปิงกำลังเบิกกว้างเป็นอย่างมากพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกช๊อค หัวใจที่กระสับกระส่าย, สิ่งที่ถังซิ่วได้ทำนั้น มันได้ทำลายความตักกะทั้งหมดของเธอในทันที

“พี่ชายถังสุดยอดไปเลย! แปะ แปะ แปะ”

กู่หยินตบมือขณะที่เธอโห่ร้องออกมาด้วยรอยยิ้ม

ถังซิ่วพูดพร้อมหัวเราะว่า

“จับตามองมาที่ฉันให้ดีๆ”

ขณะที่เสียงของเขาพึ่งจะจบลง ร่างกายของเขาหายไปทันทีจากจุดที่เขายืนอยู่และปรากฏตัวอีกครั้งในห้องโถงราวกับผีและ หลังจากนั้นอีกไม่กี่วินาทีที่มู่ขวินปิงกำลังสับสนนั้น เขาได้หายตัวไปอีกครั้งแล้วนั่งอยู่ที่โซฟาข้างๆ

“คุณ … คุณเป็นคนหรือผี?”

ร่างกายของมู่ขวินปิงสั่นอย่างหนัก เธอกอดลูกของเธอไว้ในอ้อมอกพร้อมโห่ร้องออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

ถังซิ่วยิ้มแล้วพูดว่า

“คุณไม่ได้บอกว่าคุณไม่เชื่อในเรื่องผีและพระเจ้า? ทำไมคุณถึงถามคำถามไร้สาระเช่นนี้? ระดับการบ่มเพาะของฉันในตอนนี้นั้นต่ำมาก แต่ในอนาคตฉันจะกลายเป็นนิรันด์และกลับคืนสู่ดินแดนของฉัน โลกที่เราอยู่ตอนนี้นั้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวของมิติในจักรวาล ยังมีโลกที่เหนือกว่าที่แห่งนี้อีกมากมายและดินแดนแห่งนิรันด์ก็เป็นหนึ่งในนั้น ”

มู่ขวินปิงตกใจเป็นอย่างมาก มุมมองเกี่ยวกับโลกของเธอเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เธอได้เชื่อคำพูดของถังซิ่วอย่างง่ายดาย เพราะเขาเป็นผู้ช่วยชีวิตลูกสาวของเธอ คนที่มีความสามารถลึกลับ

“ถัง… หมอหมอศักดิ์สิทธิ์ถัง ทำไมคุณถึงอยากจะบอกเรื่องนี้กับฉัน?”

มู่ขวินปิงลังเลขณะที่ถามด้วยเสียงต่ำ

ถังซิ่วตอบด้วยความสงบว่า

“ฉันต้องการที่จะนำลูกสาวของคุณมาเป็นศิษย์และสอนให้เธอก้าวเข้าสู่เส้นทางของผู้บ่มเพาะพลังแห่งนิรันด์”