…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

 

ร่างกายของชายชราก็สั่นไหวพร้อมพ่นก้อนเลือกออกมาอีกสองครั้ง คำพูดของถังซิ่วนั้นเป็นเหมือนการแทงเขาที่จุดอ่อน เขาต้องการที่จะขุดหลุมเพื่อที่ฝังตัวเองจริงๆแล้วจะไม่ออกมาจากหลุมนั่นอีกตลอดไป

สุดท้ายแล้ว ชายชราก็ไม่ยอมตอบคำถามถังซิ่วในขณะที่เขาเดินไปอย่างเงียบๆภายใต้สายตาดูถูกของทุกคน

ผู้คนรอบๆเริ่มเข้าไปรายล้อมถังซิ่วในขณะนี้ หลังจากที่ทุกคนได้เห็นความสามารถในการรักษาอาการเจ็บป่วยที่แปลกประหลาดที่แพทย์ที่มีชื่อเสียงนับไม่ถ้วนหรือแม้กระทั่งผู้สืบทอดฉายาหมอศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถที่จะรักษาได้

“ช่างน่าทึ่ง! ความสามารถของน้องชายคนนี้ช่วยเปิดโลกทัศน์ให้ฉันอย่างแท้จริง ตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยเห็นหมอศักดิ์สิทธิ์คนไหนเก่งขนาดนี้มาก่อนเลย!”

“เขาเป็นร่างสถิตของฮัวโต๋แน่ๆ!มู่ขวินปิงสองแม่ลูกคนนี้เป็นที่รู้กันดีในวงการแพทย์ว่าไม่สามารถรักษาได้แต่เด็กหนุ่มนั้นสามารถที่จะทำมันได้ นี้มันเปรียบดั่งคำพูดที่ว่า คลื่นเก่าที่ถูกพัดออกไปกระแทกชายฝั่งมักจะถูกแทนที่ด้วยคลื่นลูกใหม่เสมอ! ”

“อัศจรรย์! วันนี้นั่นฉันเป็นหมาตาบอดแท้ๆถึงได้ดูถูกความสามารถของเขาไป!ดั่งเช่นคำพูดที่ว่า คนเรานั้นไม่สามารถมองคนที่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้ ไม่สามารถวัดความลึกของมหาสมุทรด้วยถังน้ำได้ ”

“พวกเรานั้นมีความคิดตื้นเกินไป ชายหนุ่มคนนี้เป็นหมอศักดิ์สิทธิ์โดยแท้จริง ดูเหมือนว่าคำพูดที่ว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้านี่เป็นสิ่งที่มีอยู่อย่างแท้จริง!”

“หึ ไอผู้สืบทอดฉายาของหมอศักดิ์สิทธิ์เมื่อกี้ชื่ออะไรนะ? ชูเชง…..เหมยซองอะไรหรือเปล่า? เขาไม่มีความสามารถพอที่จะเทียบกับอาจารย์ผู้น่านับถือของเขาได้เลย เจ้าเจ้าแก่อีกคนที่ขึ้นไปบนเวทีนั่นพร้อมโอ้อวดหละ ? สุดท้ายแล้วไงหละ ? ตบหน้าของตัวเองชัดๆ ! ”

“…”

ในฝูงชน …

รอยยิ้มที่สดใสได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของโอหยางลูลู่ ดวงตาคู่งามของเธอได้เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลรินออกมา เอาแต่จ้องไปที่ถังซิ่วโดยไม่ละสายตาไปไหนอยู่นาน เธอรู้สึกว่าถังซิ่วในตอนนี้นั่นยากที่จะหยั่งถึงยิ่งกว่าเดิมและรู้สึกว่าชายที่ยิ่งยโสคนนี้น่าดึงดูดและหลงไหลยิ่งกว่าเดิมเช่นกัน เธอต้องการแก้ปมลึกลับเกี่ยวกับสิ่งที่ปกคลุมตัวตนของเขาและมองมันอีกครั้งอย่างชัดเจน

เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะเดินไปที่หน้าเวที เมื่อเธอมองไปที่ถังซิ่วที่ยืนอยู่ห่างจากเธอ7-8เมตรแล้ว เธอก็ได้พูดขึ้นว่า

“ถังซิ่ว ไปทานอาหารค่ำกันนะคืนนี้ ”

ถังซิ่วหันไปรอบๆและรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อเขาเห็นโอหยางลูลู่ เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะพบเธอที่ตลาดสมุนไพร แต่เขาก็เตรียมที่จะกลับไปที่สตาร์ซิตี้ในคืนนี้ เขาส่ายหัวและพูดออกมาว่า

“ไม่ว่าง ไม่มีเวลา ” (*อะไรวะ เป็นแอดนะแอดจะรีบโยนเด็กในมือทิ้งแล้ววิ่งไปหามันเลย)

ฝูงชนจำนวนมากได้ถูกดึงดูดด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงามของโอหยางลูลู่และอกหักเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ แต่การปฏิเสธของถังซิ่วทำให้พวกต้องจ้องมองกันด้วยความตกตะลึง

“สวรรค์!? นี่ฉันเข้าใจผิดไปใช่ไหม ผู้ชายที่เพิ่งปฏิเสธคำเชิญทานอาหารค่ำของเทพธิดา? เขายังมีความเป็นชายอยู่ใช่ไหม?”

“ฉันยอมรับนะว่าพวกเขาทั้งสองดูคู่กันจริงๆ ผู้ชายที่มีความสามารถย่อมคู่กับหญิงงาม แต่เด็กชายคนนี้กลับ…………….ปฏิเสธคำเชิญของผู้หญิงสวยเช่นนี้ ?อ๊า”

“เขาไม่ได้เป็นผู้ชาย!”

“สามารถได้รับคำเชิญจากหญิงงาม?!หากว่าเธอมาเชิญฉันแล้วละก็ ต่อให้ต้องเหลือเวลาใช้ชีวิตอยู่อีกแค่สองปี ฉันก็จะไป!”

“…”

ถังซิ่วไม่สามารถที่จะเข้าใจคำพูดของคนเหล่านั้น ผู้หญิงงาม?อย่าบอกนะว่าเป็นผู้หญิงที่งามแล้วจะมีสิทธิ์ดังกล่าว?

เขาเป็นคนที่ขาดทักษะการเข้าสังคมเป็นอย่างมาก เขารีบส่ายหัวของเขาแล้วเก็บฌสมป่า500ปีเข้าไปพร้อมกับมองไปที่มู่ขวินปิงแล้วพูดออกมาว่า

“ไปหาที่เงียบๆคุยกันหน่อยได้ไหม? ”

ขณะนี้มู่ขวินปิงนั้นได้เชิดชูบูชาถังซิ่วเป็นดั่งพระเจ้าในใจของเธอ เมื่อได้ยินคำพูดของถังซิ่วแล้วเธอได้ตอบอย่างไม่ลังเลทันทีเลยว่า

“ค่ะ ค่ะ ฉันจะทำตามที่คุณพูดทุกอย่าง แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องอะไรกัน?”

ถังซิ่วพูดพลางหัวเราะว่า

“ฉันต้องการที่จะพูดคุยเกี่ยวกับสภาพร่างกายของลูกสาวคุณ”

เมื่อมู่ขวินปิงได้ยินคำพูดของถังซิ่วนั้นเธอก็คิดผิดไปไกลพร้อมถามออกมาอย่างกระจนกระวายใจว่า

“ห-หนุ่ม … หมอศักดิ์สิทธิ์ตัวน้อย ไม่ใช่ว่าอาการเจ็บป่วยของลูกสาวฉันจะหายไปหมดแล้วหรอ??”

ถังซิ่วส่ายหัวแล้วพูดว่า

“ถ้าคุณไม่ได้มีแผนจะทำอะไรต่อก็เดินตามฉันมา! ฉันให้สัญญาว่าตราบใดที่มีฉัน ลูกสาวของคุณจะปลอดภัยอย่างแน่นอน ”

“ตกลง!”

มู่ขวินปิงวางลูกของเธอลงแล้วพากันลงจากเวทีพร้อมถังซิ่ว เธอไม่ได้รู้สึกมีความสุขเท่านี้มากว่าสองปีแล้ว เธอสามารถที่จะจับมือเดินไปพร้อมกับลูกของเธอได้แล้ว

ข้างล่างเวที …

ตอนนี้แห้วได้เต็มหัวใจของโอหยางลูลู่ เธอแอบเสียใจที่ตื่นตูมมากเกินไป เธอรู้ดีเกี่ยวกับบุคลิกภาพของเขา แต่ทำไมเธอถึงได้ชวนเขาต่อหน้าฝูงชนกัน?

แต่แม้ว่าเธอถูกปฏิเสธแต่เธอไม่ได้ท้อแท้แม้แต่น้อย ถังซิ่วอาจจะเป็นเหมือนป้อมปราการ แต่เธอมีความเชื่อมั่นในการโจมตีและยึดครองมัน แน่นอนอยู่แล้วว่าการทานอาหารค่ำด้วยกันนั้นเป็นการสร้างความสัมพันธ์เพื่อตีสนิทเขา

พร้อมกับฝูงชนที่ได้กระจายตัวกันออกไป โอหยางลูลู่ได้ตามติดถังซิ่วอยู่ด้านหลัง พร้อมกับสายคาที่งงงวยของนักขนสินค้า

“หนุ่มน้อย คุณไม่ต้องการซื้อสมุนไพรอีกแล้วงั้นหรอ?”

เมื่อชายวัยกลางคนไว้หนวดเห็นถังซิ่วกำลังมุ่งหน้าไปทางด้านหน้าทางเข้าตลาดสมุนไพร เขาถามขณะที่กำลังเข็นรถเข็นของเขา

ถังซิ่วหยุดเท้าลง เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า

“ขายรถเข็นนี่ให้ฉันแล้วกัน ฉันจะจ่ายค่ารถเข็นนี่รวมกับเงินค่าจ้างของคุณในวันนี้”

ชายวัยกลางคนที่ไว้เครานั้นได้ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นแล้วพูดขึ้นว่า

“หนุ่มน้อย คุณได้จ้างฉันทั้งวันแต่นี่มันพึ่งจะครึ่งวันเท่านั้น…”

“มันไม่เป็นไร!”

ถังซิ่วโบกมือแล้วตอบทันที

ชายวัยกลางคนที่ไว้หนวดคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า

“เอามาให้ฉัน2000หยวนแล้วรถเข็นเล็กๆนี่เป็นของคุณ.”

“ตกลงl!”

ถังซิ่วเอาเงินออกมาจากกระเป๋าสตางค์ของเขา2,000หยวนพร้อมส่งมันให้ชายวัยกลางคน จากนั้นเขาก็มองไปที่โอหยางลูลู่และพูดออกมาว่า

“ถ้าคุณยังต้องการที่จะช่วย ก็ช่วยเข็นรถนี่ให้ฉันหน่อย ยิ่งไปกว่านั้นคุณยังมีอิธพลบนเกาะจิงเหมินนี้ ช่วยโทรเรียกรถอะไรก็ได้มารับเราหน่อยและหาที่พักให้เราด้วย ”

“คุณพูดว่าอะไรนะ!!!?”

โอหยางลูลู่ยกแขนของเธอขึ้นพร้อมชี้ไปที่ใบหน้าของตัวเองด้วยการแสดงออกที่โง่งมแล้วพูดออกมาว่า

“คุณหมายความว่ายังไงนะ ? ฉันต้องเข็นรถเข็นให้คุณ? ฉันที่เป็นที่เคารพ…”

ถังซิ่วขัดจังหวะเธออย่างไม่สบอารมณ์

“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบๆเข็นมันไปเร็วๆ หรือไม่อย่างนั้นก็มาทางไหนไปทางนั้น ฉันไม่ต้องการขยะตามตูดฉัน”

“นายนั่นแหละขยะ!ไอคนบ้า!”

โอหยางลูลู่โกรธจัด แต่เมื่อเห็นท่าทางไม่สบอารมณ์ของถังซิ่วแล้วเธอก็ได้หดตัวเล็กลง เธอสงบอารมณ์ที่อยู่ภายในใจของเธอก่อนที่จะเลือกรถเข็นอย่างหมดทางเลือก

ดังนั้น ตอนนี้ในตลาดสมุนไพรของเกาะจิงเหมินได้มีนางฟ้าจุติลงมาสู่โลกที่กำลังเข็นรถเข็นตามหลังผู้ชายเหมือนกับค่ารับใช้ ยิ่งไปกว่านั้นคือผู้ชายคนนั้นไม่ได้สนใจที่จะช่วยเธอแม้แต่น้อย นั่นทำให้ความโกรธภายในใจของเธอยิ่งปะทุมากขึ้นแต่เธอก็ยังทำตามสิ่งที่เขาสั่ง

ภายในโรงน้ำชาที่ตลาดสมุนไพร เซ่างหมิงเซิงและเหมี่ยวเหวินถังกำลังนั่งอยู่บนชั้นสองใกล้หน้าต่าง แม้ว่าพวกเขากำลังคุยกันแต่สายตาของพวกเขาก็กวาดไปทางถนนด้านล่างอย่างต่อเนื่อง

“พี่ชายเหมี่ยว คิดว่าถังซิ่วที่ได้ถามเกี่ยวกับที่นี่ไปเมื่อวันนี้นั้น เขาจำเป็นที่จะต้องมาที่นี่ในวันนี้จริงๆงั้นหรอ?”

เซ่าหมิงเซิงดื่มชากลิ่นหอมของเขาพร้อมรอยยิ้มที่เบี้ยวเล็กน้อยได้ถูกเปิดเผยบนใบหน้าของเขา

เหมี่ยวเหวินถังพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“แม้ว่าเราจะรู้จักกับเขาได้ไม่นาน แต่ฉันก็สามารถบอกอะไรบางอย่างเกี่ยวกับบุคลิกของเขาได้เลย เขาจะทำทุกอย่างในลักษณะที่เป็นระเบียบ เขานั้นเด็ดขาดและเด็ดเดี่ยว ดังนั้นฉันกล้าพูดว่าเขาจะมาในวันนี้ ”

เซ่าหมิงเซิงหัวเราะอย่างไม่ตั้งใจแล้วพูดว่า

“พี่ชายเหมี่ยว นายก็น่าจะรู้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่แปลกเกี่ยวกับตัวของเขา เขายังเป็นหนุ่มแต่ความประพฤติและการกระทำของเขาทุกอย่างนั้นเด็ดขาดและมีประสบการณ์เช่นเดียวกับเจ้าพวกจิ่งจอกเฒ่า ฉันได้พบเจอผู้คนที่โดดเด่นมามากมายจากการเดินทางของฉัน ตราบใดที่ฉันตั้งใจมองดีๆก็จะสามารถรู้ได้ถึงสิ่งที่คนอื่นนึกคิดและทุกๆอย่างเกี่ยวกับคนๆนั้น แต่กลับถังซิ่ว……… ฉันไม่เคยเข้าใจความคิดของเขาแม้แต่น้อย ”

เหมี่ยวเหวินถังได้พูดว่า

“ถ้านายถามฉันนะ เราไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขา เราจำเป็นต้องรู้แค่เพียงลักษณะที่แข็งแกร่งของเขา”การวางแผนและวัตถุประสงค์ของเขา” ลักษณะของเขานี้ก็เพียงพอที่จะบอกได้ว่า วันนี้เขาจะต้องมาที่นี่อย่างแน่นอน ”

“ฉัน …”

เซ่าหมิงเซิงต้องการที่จะพูดบางอย่าง แต่เมื่อเขามองไปที่ถนนแล้วเสียงของเขาก็ได้หยุดชะงักทันทีพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

เหมี่ยวเหวินถังตระหนักถึงการตอบสนองที่ผิดปกติของเซ่าหมิงเซิงได้ เขาได้มองตามสายตาของเซ่าหมิงเซิงพร้อมการแสดงออกที่แปลกใจยิ่งกว่า

“นั่น … ควรจะเป็นเจ้าหญิงของตระกูลโอหยางและเจ้านายใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังของพาราไดซ์คลับของเกาะแห่งนี้ไม่ใช่หรอ? โอหยางลูลู่ใช่ไหม … ทำไมเธอถึงได้มีลักษณะเหมือนกว่า เธอกำลังเป็นเพียงสาวใช้ส่วนตัวที่เดินตามก้นถังซิ่วกันหละ? ”

เหมี่ยวเหวินถังพึมพำออกมาพร้อมการแสดงออกที่นึกไม่ถึง

ดวงตาของเซ่าหมิงเซิงสดใสขึ้นทันทีขณะที่เขายกนิ้วโป้งขึ้นมาอย่างเงียบๆและพูดยกย่องว่า

“สมแล้วที่เป็นคนที่ฉันไม่สามารถเข้าใจอะไรได้เลย สุดยอด นี่มันสุดยอดเกินไปแล้ว! สามารถทำให้เจ้าหญิงของตระกูลโอหยางมาเป็นสาวใช้ส่วนตัวได้ ในโลกนี้คงมีแค่เขาคนเดียวใช่ไหม? ผู้หญิงสวยมักชอบผู้ชายที่โดดเด่น ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยเชื่อในคำพูดนี้เลย ในวันนี้เมื่อได้คิดแล้วก็สามารถเข้าใจได้อย่างท่องแท้! ”

ปากของเหมี่ยวเหวินถังกระตุกสองสามครั้งก่อนเขาจะพูดพร้อมกับหัวเราะว่า

“ก่อนหน้านี้ฉันรู้แต่เพียงว่าถังซิ่วเป็นปรมาจารย์นักพนันและยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกล แต่ฉันไม่เคยคาดคิดว่าเขายังเป็นกูรูในการชนะใจเจ้าหญิง เขาเป็นคนเดียวในโลกที่สามารถที่จะฝึกแมวป่าตัวน้อยของตระกูลโอหยางให้เชื่องได้ หากว่าฉันอายุน้อยกว่านีซัก20ปีละก็ ฉันจะไปคุกเข่าคาราวะเขาเป็นอาจารย์เลยด้วยซ้ำ ”

“พุฟ ……”

ผู้หญิงโต๊ะถัดไปที่กำลังกินของหวานอยู่นั้น สำลักชาของเธอทันทีพร้อมหัวเราะออกมาเสียงดังด้วยรอยยิ้ม เธอลุกขึ้นแล้วเดินมาที่หน้าต่างที่เหมี่ยวเหวินถังอยู่พร้อมมองออกไปนอกถนนด้วยหน้าตาที่กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

“คุณเป็นใคร?”

เหมี่ยวเหวินถังและเซ่าหมิงเซิงมองหน้ากันด้วยความสงสัยและสับสนโผล่ออกมาบนใบหน้าของพวกเขา

เธอก็พูดด้วยรอยยิ้มจางว่า

“คำพูดของพวกคุณทั้งสองทำให้ฉันสนใจเล็กน้อยแต่สิ่งที่ทำให้ฉันสนใจยิ่งว่านั้นคือชื่อของชายที่คุณได้เอ่ยออกมาเมื่อซักครู่ ถังซิ่วคนนั้น คุณคือเหมี่ยวเหวินถังใช่ไหม ? หัวหน้าตระกูลเหมี่ยวที่ชิงไห่แล้วเจ้าของเหมี่ยวกรุ๊ปและนั่นรวมไปถึงเจ้าของที่อยู่เบื้องหลังบริษัทรักษาความปลดภัยกิเลนไฟที่เป็น1ใน3ของโลก ส่วนคุณก็คงจะเป็นเซ่าหมิงเซิง คนสาธารณะจากเมืองเจียงซูทางเหนือ อัจฉริยะด้านวิทยายุทธที่เปลือกนอกนั้นบริหารบริษัทร่วมทุนแต่เบื้องหลังนั้นควบคุมพื้นที่กว่า60%ของเจียงซู ฉันพูดถูกต้องไหม? ”