จางลั่วเฉินนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้น้ำ สงบใจลง สีหน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย เขากระตุ้นลมปราณในร่างกาย ให้โคจรไปตามเส้นชีพจรทั้ง 3 เส้น

 

ทุกครั้งที่โคจรลมปราณครบหนึ่งรอบ ความเจ็บปวดก็จะลดลง

 

จากระดับการฝึกของเขาในตอนนี้ เขาไม่สามารถที่จะกลั้นหายใจในการฝึกใต้น้ำตลอดได้ ทุก ๆ 5 นาที  เขานั้นจะต้องขึ้นมาหายใจ  1 ครั้ง !

 

ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ความเจ็บปวดก็ค่อย ๆ หายไป แต่กลับมีความเย็นเยือกสายหนึ่งเข้ามาในร่างกาย เพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกายในส่วนที่เสียหาย ทั่วทั้งร่างรู้สึกกระปรี้กระเปร่า จนอยากจะร้องตะโกนออกมา

 

ติ้ง…ติ้ง!”

 

จางลั่วเฉินลุกขึ้นยืน แล้วใช้ผ้าขนหนูเช็ดน้ำตามตัว เขามองไปที่กระจกที่ตั้งอยู่ตรงข้าม เพื่อตรวจสอบดูตัวเอง แล้วพยักหน้า

 

ฝึกฝนมา 10 กว่าวัน ยิ่งรวมกับการแช่น้ำยาฝึกฝนร่างกายด้วยแล้ว ร่างกายหนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่เหมือนกับแต่ก่อน ที่ผอมบางราวกับคนป่วย

 

แน่นอนว่า การอยู่ในหินผลึกมิติมา 10 กว่าวัน ในความเป็นจริงพึ่งจะผ่านไป 4 วันเท่านั้น !

 

สี่วันก่อน เขายังเป็นแค่คนอ่อนแอคนหนึ่ง นั๋มซ้ำยังถูกองค์ชายแปดไล่ออกมาจากวังยวู่ซู่ ถูกทุกคนหัวเราะเยอะและเหยียบย่ำ ใครจะไปรู้ว่า สี่วันต่อมา เขาจะกลายเป็นผู้ฝึกฝนในขั้นอเวจีระดับกลางไปแล้ว

 

นี่มันเป็นเรื่องที่น่าตกใจเป็นอย่างมาก!

 

“ยังไม่พอ! ขั้นอเวจีระดับกลาง มันยังเป็นแค่เพียงการเริ่มต้นเท่านั้น!” จางลั่วเฉินกำหมัดแน่น แววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

 

พอใส่ชุดเรียบร้อยแล้ว เขาก็กินเสวียตันหนึ่งเม็ด แล้วเข้าไปในมิติของหินผลึกมิติเพื่อฝึกฝนต่อ

 

สามารถใช้เวลาเพียงแค่สี่วัน เลื่อนมาได้ถึงขั้นอเวจีระดับกลาง ไม่เพียงแค่เพราะเขามีประสบการณ์การฝึกจากชีวิตที่แล้วเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะมีหินผลึกมิติช่วยอีกด้วย

 

ครอบครองหินผลึกมิติ เขาจึงมีเวลาฝึกมากกว่าจอมยุทธ์คนอื่นถึงสามเท่า นี่คือความได้เปรียบที่เขามี!

 

“ตูม!”

 

“ตูม!”

 

“คชสารสะท้านปฐพี!”

 

จางลั่วเฉินงอขาทั้งสองข้าง แล้วก้าวไปตามท่วงท่าเท้า แขนทั้งสองก็ปล่อยฝ่ามือออกไปไม่หยุด ทุก ๆ ฝ่ามือที่ปล่อยออกไปก็จะกระตุ้นกำลังในกล้ามเนื้อและกระดูกทุกส่วนของร่างกาย

 

หลังจากแช่น้ำยาแล้ว จำเป็นต้องใช้ฝ่ามือช่วยในการจะนำน้ำยาทั้งหมดให้เข้าไปหลอมรวมกับร่างกาย แล้วเปลี่ยนเป็นพละกำลัง

 

หลายวันต่อมา จางลั่วเฉินแทบจะอยู่ในมิติของหินผลึกมิติตลอดเวลา ทุกๆสามวันถึงจะออกมาหนึ่งครั้ง

 

สนมหลินรู้ว่าจางลั่วเฉินพึ่งจะเปิดผนึกอักษรสวรรค์ได้ คงจะปิดตัวฝึกซ้อม เพื่อเปิดบ่อลมปราณ ผลัดกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น ดังนั้นจึงไม่ได้ถามอะไร เพียงแต่กำชับอวินเอ๋อร์ว่าให้ดูแลการกินอยู่ให้กับจางลั่วเฉินให้ดีเท่านั้น

 

สนมหลินนางยังคงเอาเครื่องประดับของตัวเองออกไปขาย แล้วนำเงินที่ได้มาไปซื้อเสวียตันให้กับจางลั่วเฉินอยู่เรื่อย ๆ

 

และทุกวัน จางลั่วเฉินมักจะให้อวินเอ๋อร์นำเงินไปซื้อเครื่องประดับเหล่านั้นกลับมาในราคาที่สูง

 

นี่เป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้ มันเป็นความรักที่ไม่เห็นแก่ตัว ทำให้จางลั่วเฉินตื้นตันใจอย่างมาก

 

จางลั่วเฉินนั้นค่อย ๆ ยอมรับฐานะที่ตัวเองเป็นอยู่ของร่างนี้อย่างช้า ๆ แล้วมองสนมหลินเป็นแม่ของตัวเองจริง ๆ

 

“องค์ชายเก้า พวกเราไม่ต้องบอกความจริงกับสนมหลินหรือ ถ้าหากสนมหลินรู้ว่าตอนนี้ท่านเป็นจอมยุทธ์จริง ๆ แล้วล่ะก็ จะต้องดีใจมากแน่ ๆ ” อวินเอ๋อร์กล่าว

 

“ยังไม่ใช่ตอนนี้ ข้าอยากจะรอให้ถึงตอนสอบครั้งสุดท้ายก่อน ข้าอยากจะให้ท่านแม่ประหลาดใจ อีกอย่าง การฝึกฝนของข้าในตอนนี้ยังไม่แข็งแกร่งมาก ข้าอยากจะแข็งแกร่งกว่านี้” จางลั่วเฉินกล่าว

 

ตอนนี้ อวินเอ๋อร์รู้ว่าจางลั่วเฉินมีความลับอยู่มากมาย

 

นอกจากความลับเรื่องชีวิตที่แล้วของเขากับเรื่องหินผลึกมิติ จางลั่วเฉินก็แทบจะบอกนางไปหมด

 

ในสายตาของอวินเอ๋อร์แล้ว องค์ชายเก้าเป็นผู้ที่เก่งมากในการฝึกยุทธ์ ภายในระยะเวลาสั้น ๆ ก็สามารถฝึกได้ถึงขั้นอเวจีระดับกลางแล้ว องค์ชายคนอื่น ๆ นั้นพอมาเทียบกับองค์ชายเก้าแล้วยังห่างกันอีกไกลมากนัก

 

ในตอนนี้คงจะมีเพียงแค่องค์ชายเจ็ดผู้ที่เป็นอันดับหนึ่งในคนรุ่นเดียวกันเท่านั้น ถึงจะสามารถเทียบกันกับองค์ชายเก้าได้

 

พอเขามาถึงขั้นอเวจีระดับกลางแล้ว จางลั่วเฉินนั้นก็ยังฝึกในหินผลึกมิติอีก 1 เดือน และทุกๆ 6 วันก็จะกินยารวมปราณ 1 เม็ด ทุก ๆ 10 วันก็จะแช่ยาฝึกฝนร่างกาย 1 ครั้ง

 

ส่วนเวลาอื่นๆ ล้วนใช้ไปกับการฝึกฝ่ามือคชสารกระบวนท่าที่สอง “มังกรเหินนภา” กับ “ภาพชีพจร” ของคัมภีร์เก้าวิถีจักรพรรดิ์หมิง

 

ตอนนี้เขายังฝึกฝนฝ่ามือคชสารกระบวนท่าที่สองไม่สำเร็จ แต่ก็ฝึกลมปราณจนเต็มบ่อลมปราณแล้ว

 

“ตอนนี้ข้าสามารถเริ่มฝึกขั้นอเวจีระดับปลายได้แล้ว !”จางลั่วเฉินกล่าว

 

พอได้ยินอย่างนี้ สีหน้าอวินเอ๋อร์เต็มไปด้วยความยินดี แล้วกล่าวว่า “ขั้นอเวจีระดับปลาย องค์ชายเก้าพึ่งจะเลื่อนมาขั้นอเวจีระดับกลางได้เพียงสิบกว่าวัน ก็สามารถเลื่อนขั้นไปขั้นอเวจีระดับปลายได้แล้ว องค์ชายแปดนั้นต้องใช้เวลาถึง 4 ปี ถึงจะเลื่อนขั้นอเวจีระดับกลางไปเป็นขั้นอเวจีระดับปลายได้ ! ”

 

 

อวินเอ๋อร์นั้นไม่รู้ถึงการมีอยู่ของหินผลึกมิติ จึงคิดว่าจางลั่วเฉินพึ่งจะฝึกได้แค่สิบกว่าวัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว จางลั่วเฉินฝึกฝนมาเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ๆ

 

นี่ยังเป็นเพราะว่า เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับฝึกฝนร่างกาย ไม่อย่างนั้น ความเร็วในการฝึกฝนของเขาจะยิ่งเร็วกว่านี้

 

“เร็วงั้นหรือ ข้าว่านี่แค่ธรรมดา ๆ เท่านั้น!”

 

จางลั่วเฉินไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองฝึกฝนได้เร็วแต่อย่างใด ถ้าหากอัจฉริยะคนอื่นๆมีของที่ใช้ในการฝึกแบบเดียวกันกับเขา การฝึกก็คงเร็วเหมือนกัน

 

องค์ชายแปดใช้เวลาสี่ปีในการเลื่อนมาถึงขั้นอเวจีระดับปลาย บอกได้เพียงแค่ว่าความสามารถของเขานั้นแย่เกินไป !

 

ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ตอนนี้ ในใจของอวินเอ๋อร์ตื่นเต้นมาก พลางกล่าวว่า “องค์ชายเก้า ข้าเชื่อว่าท่านจะต้องทำสำเร็จ ขอเพียงแค่ท่านสามารถเลื่อนได้ถึงขั้นอเวจีระดับปลาย ภายภาคหน้าพวกเราก็ไม่ต้องกลัวองค์ชายแปดอีกต่อไปแล้ว”

 

“อืม!เจ้าออกไปก่อน!คืนนี้ อย่าให้ใครเข้ามารบกวนข้า” จางลั่วเฉินกล่าวขึ้น

 

อวินเอ๋อร์พยักหน้าแรง ๆ เหมือนกับไก่กำลังจิกข้าว แล้วกล่าวว่า “คืนนี้ ข้าจะเฝ้าอยู่นอกประตู ใครกล้ามารบกวนการฝึกขององค์ชายเก้า ถึงข้าจะต้องตายก็ต้องกันเอาไว้ให้ได้ ! ”

 

จางลั่วเฉินมองลึกไปที่อวินเอ๋อร์ พยักหน้าเบาๆแล้วกล่าวว่า “ขอบคุณ!”

 

พออวินเอ๋อร์เดินออกไปจากห้องของจางลั่วเฉิน จางลั่วเฉินก็รีบเข้าไปในหินผลึกมิติทันที

 

“ถ้าอยากจะเลื่อนไปขั้นอเวจีระดับปลาย ข้าจะต้องทะลวงชีพจรสามสายในครั้งเดียว แล้วดันชีพจรไปยังอัวยวะทุกส่วน รวมแขนและขาทั้งสองข้าง”

 

จางลั่วเฉินหยิบขวดหยกออกมาทีเดียวสามขวด แล้ววางไว้เป็นแถว ทุกๆขวดใส่น้ำล้างกระดูกไว้

 

เมื่อเขากระตุ้นตัวเองจนมีสภาพที่พร้อมที่สุดแล้ว จางลั่วเฉินก็กลืนน้ำล้างกระดูกในขวดแรกลงไป เขาใช้ฤทธิ์จากน้ำล้างกระดูก แล้วทะลวงชีพจรในร่างกายเส้นที่สี่ !

 

ใช้เวลาไปครึ่งชั่วยาม ก็ทะลวงชีพจรเส้นที่สี่สำเร็จ

 

ชีพจรเส้นที่สี่เริ่มมาจากบ่อลมปราณ ผ่านคอ ทรวงอก แขนซ้าย แขนขวา จากนั้นผ่านแผ่นหลังแล้วขึ้นไปสู่ส่วนหัว จากนั้นจึงย้อนกลับไปที่บ่อลมปราณระหว่างคิ้ว หมุนวนจนครบโคจร

 

จางลั่วเฉินไม่ได้หยุดพัก เขากับหยิบเอาขวดหยกขวดที่สองขึ้นมา แล้วกินน้ำยาล้างกระดูกต่อ จากนั้นรีบทะลวงชีพจรเส้นที่ห้าต่อทันที !

 

ชีพจรเส้นที่ห้า เป็นเส้นที่ยาวลงมาจากบ่อลมปราณ ผ่านทรวงอก เอว ขาซ้าย ขาขวา แล้วย้อนกลับไปยังบ่อลมปราณ

 

ชีพจรเส้นนี้ยาวกว่าเดิม จางลั่วเฉินใช้เวลาถึงสามชั่วยามถึงจะทะลวงสำเร็จ

 

ลมปราณในร่างกายถูกใช้ไปมากกว่าครึ่ง ทั่วทั้วร่างเต็มไปด้วยเหงื่อ จางลั่วเฉินรีบหยิบหินผลึกมากำไว้ในมือ แล้วเริ่มซึมซับหลิงชี่ที่อยู่ในนั้นอย่างรวดเร็ว แล้วเปลี่ยนเป็นลมปราณเก็บไว้ภายในบ่อลมปราณ

 

ลมปราณในบ่อลมปราณ กลับมาเต็มบ่ออีกครั้ง

 

จางลั่วเฉินรีบหยิบยาล้างกระดูกในขวดหยกมากิน แล้วเริ่มทะลวงชีพจรเส้นที่หกต่อทันที !

 

ชีพจรเส้นนี้ไหลจาก ม้าม ตับ ไต ปอด หัวใจ ซึ่งก็คืออวัยวะภายในทั้งห้าของมนุษย์ ชีพจรที่ไหลผ่านอวัยวะทั้งห้า สามารถทำให้อวัยวะทั้งห้านี้แข็งแรงขึ้น เพราะปกติอวัยวะทั้งห้านี้จะอ่อนแอเป็นอย่างมาก ดังนั้นจางลั่วเฉินจึงต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง

จางลั่วเฉินใช้เวลาถึง 6 ชั่วยามเต็ม ๆ ลมปราณภายในร่างกายถูกใช้ไปจนเกือบหมด แต่ก็ยังไม่สามารถทะลวงชีพจรทั่วทั้งร่างได้ ยังขาดอยู่อีกเล็กน้อย

 

ถ้าหากว่าลมปราณหมดระหว่างนี้ ก็จะล้มเหลวในทันที นอกจากนี้ อวัยวะภายในทั้งห้าเองก็จะบอบช้ำด้วย !

 

และหากวันหลังอยากจะทะลวงชีพจรเส้นนี้อีก มันจะยิ่งกว่ากว่าในตอนนี้ขึ้นอีกสิบเท่า !

 

จางลั่วเฉินตัดสินใจทำเรื่องบ้าบิ่น แล้วรีบหยิบยารวมปราณมากินอย่างรวดเร็ว

 

“ตูม!”

 

หลิงชี่ในเม็ดยา ระเบิดขึ้นมาในร่างกาย

 

จางลั่วเฉินด้านหนึ่งก็รีบใช้เส้นชีพจรที่ทะลวงเสร็จแล้ว ภายในอวัยวะทั้งห้า เริ่มซึมซับหลิงชี่ในเม็ดยา แล้วเปลี่ยนเป็นลมปราณเข้าไปในบ่อลมปราณ

 

อีกด้านหนึ่ง ก็พยายามควบคุมลมปราณ ให้ทะลวงไปยังชีพจรเส้นที่หกต่อ

 

นี่เป็นการทดสอบที่ยิ่งใหญ่มากในการรวบรวมพลังสมาธิ โชคดีที่ชีวิตที่แล้วของเขาเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นสวรรค์ระดับสูงสุด สมาธิเขาจึงเข้มแข็งมาก ในสถานการณ์ที่ต้องแบ่งสมาธิเช่นนี้ เขาจึงสามารถทำให้สำเร็จได้!

 

ทะลวงชีพจรเส้นที่หกสำเร็จแล้ว!

 

บ่อลมปราณระหว่างคิ้ว เปล่งแสงสีขาวเป็นประกายออกมา ปริมาณเพิ่มขึ้นอีกสิบเท่า !

 

ขั้นอเวจีระดับกลางนั้น บ่อลมปราณมีความใหญ่แค่บ่อน้ำเท่านั้น

 

แต่ตอนนี้ บ่อลมปราณของจางลั่วเฉินใหญ่เท่ากับบ่อน้ำสิบบ่อ มันกว้างใหญ่มาก สามารถเก็บลมปราณได้เป็นจำนวนมาก

 

“ในที่สุดก็เลื่อนเป็นขั้นอเวจีระดับปลายได้แล้ว!”

 

จางลั่วเฉินกำหินผลึกไว้ในมือ ผนึกอักษรสวรรค์บริเวณระหว่างคิ้วปรากฏขึ้นมา แล้วเริ่มซึมซับหลิงชี่ในผลึก

 

เส้นชีพจรทั้งหกเส้นก็เริ่มเคลื่อนไหว ความเร็วในการซึมซับหลิงชี่ของผนึกอักษรสวรรค์เร็วขึ้นอีกหนึ่งเท่า !

 

เมื่อการเลื่อนขั้นมั่นคงแล้ว จางลั่วเฉินก็หยุกฝึกฝน

 

เขาลืมตาทั้งสองข้างขึ้น ดวงตาทั้งคู่เปล่งประกาย ราวดั่งกับดวงดาวสองดวง

 

เมื่อทะลวงชีพจรอีกสามเส้นแล้ว ภายในร่างกายของเขาก็มีการขับสิ่งเจือปนในร่างกายออกมา ทำให้มีกลิ่นเหม็นกระจายออกมา

 

จางลั่วเฉินออกมาจากมิติในหินผลึกมิติ แล้วอาบน้ำในถังที่เตรียมเอาไว้ก่อนแล้ว เขาใส่เสื้อผ้า แล้วผลักประตูออกไปข้างนอก

 

ตอนนี้ เป็นเวลาดึก

 

ในอากาศนั้น มีละอองหิมะปลิวไปทั่ว แล้วร่วงลงมาที่พื้น ทั่วทั้งจวนถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาว

 

อวินเอ๋อร์นั่งอยู่ที่บันไดหน้าห้องของจางลั่วเฉิน นางห่อตัว บางครั้งก็ถูมือทั้งสองข้าง เพื่อให้ความอบอุ่นแก่มือ

 

“เอี๊ยด!”

 

พอได้ยินเสียงประตูเปิด อวินเอ๋อร์รีบลุกขึ้นยืนทันที แล้วมองไปที่จางลั่วเฉินที่เดินออกมาจากด้านใน พลางถามอย่างดีใจว่า  “องค์ชายเก้า สำเร็จแล้วใช่มั๊ย”

(จบแล้วครับ)

สามาอ่านก่อนใครได้ที่เพจ BOXKINGS หรือเพจหลัก WGSD เทพจักรพรรดินิรันดร์กาล – จีนแปลไทย ฝากกดไลค์เพจกันด้วยนะครับ