“ปัง——”

 

กรงเล็บดุดันราวกับอุ้งมือหมีก็มิปาน มุ่งตรงไปยังบริเวณคอหอยของเยี่ยจง เพียงแต่ว่าในขณะที่ใกล้จะถึงคอหอยของเยี่ยจงนั้นเอง ก็พบว่ากระบี่ยาวเงินหยกในมือเยี่ยจงค่อยๆสั่นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ทิ่มแทงออกมา ยังคงอยู่ในบริเวณข้างกาย แต่ทว่าในบริเวณของชายหนุ่มผอมแห้งตอนนี้ ก็ได้เปลี่ยนเป็นสีหน้าดุร้ายออกมา ความจริงร่างกายที่พุ่งออกไปยังบริเวณเมื่อครู่ ในขณะที่เท้ากำลังลงอยู่นั้น ก็จำต้องถอยหลังออกมาหลายก้าว จากนั้นก็จ้องมองไปยังเยี่ยจงด้วยสายตาแข็งทื่อ ใบหน้าปกคลุมไปด้วยความกลัว

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่แปลกประหลาด หากเมื่อครู่ตนเองยังฝืนลงมือต่อไปแล้วละก็ ในเวลาเดียวกันนั้นที่กงเล็บยังไม่ทันไปถึงตัวเยี่ยจง บริเวณหัวใจของตนคงต้องถูกเสียบด้วยกระบี่ยาวเงินหยกไปแล้ว เพียงแต่ความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมนั้นคอยแจ้งเตือนอยู่ ก่อนที่จะมีการลงมือ เยี่ยจงในสายของเขาก็เป็นเพียงแค่เจ้าขยะคนหนึ่ง ไม่มีอะไรที่จะต้องให้ความสนใจ แต่ในตอนที่ทั้งสองประมือกันเพียงกระบวนท่าเดียว เขาก็ทราบกระจ่าง เด็กน้อยเบื้องหน้ามิใช่คู่ต่อสู้ที่ควรต่อกรด้วย

 

“ เป็นไปได้อย่างไร ? “

 

“ เจ้านั้นน่าจะมีความสามารถอยู่ขั้นก่อเกิดขั้นที่สี่นิ เหตุใดถึงถูกทำให้ตกใจจนถอยหนีไปละ ? “

 

“ ทว่าเจ้าเด็กน้อยนั้น พวกเจ้าอย่ามองเขาเพียงแค่อายุสิบสามสิบสี่ แต่ว่าพวกเราไม่มีวันลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นบริเวณหน้าประตูทางเข้าเมืองอย่างแน่นอน “

 

“ ในข่าวลือตอนนั้นกล่าวว่าเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่งลงมือ คงมิใช่สองคนนี้ละมั่ง ? “

 

หลังจากที่มองไปยังเบื้องหน้า กลุ่มคนทางด้านหลังต่างก็ส่งเสียงซุบซิบกันออกมา เห็นได้ชัดว่าเยี่ยจงยังมิมีวี่แววที่จะพ่ายเลย อีกทั้งยังลงมือได้อย่างนอกเหนือความคาดหมายอีกด้วย

 

ชายหนุ่มผอมแห้งกวาดตามองไปด้วยสายตาดุดัน เยี่ยจงไม่ได้สนใจเขาแล้ว ทว่าเพียงสะบัดกระบี่ยาวเงินสีหยกในมือไปมา มุ่งหน้าไปยังทางกลุ่มคนชุดดำที่อยู่ทางด้านหลังของชายหนุ่มผอมแห้ง ความกล้าหาญระดับนี้ พวกเขานั้นไม่อาจเทียบได้แม้เพียงปลายเล็บเลย

 

“ กลุ่มคนเหล่านี้ช่างโชคร้ายเสียจริง “ ซูหยี่รู้สึกได้ถึงรังสีฆ่าฟันอันเข้มข้นไหลออกมาจากร่างของเยี่ยจง แม้จะเป็นนางก็ยังคิดไม่ออกว่า ศิษย์น้องคนเล็กของตนเองจะสามารถปลดปล่อยรังสีฆ่าฟันอย่างหนาแน่นเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร ทั้งอายุทั้งความเยือกเย็นและความเด็ดเดียวในระดับนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีตระกูลใดๆในโลกนี้จะชุบเลี้ยงออกมาได้เช่นนี้

 

ก็ได้แต่เพียงแค่รู้สึกใจหายใจคว่ำ ทันใดนั้นซูหยี่ก็ได้เคลื่อนไหวร่างกาย ก็เพื่อที่จะหยุดยั้งชายหนุ่มผอมแห้งที่อยู่ทางด้านหน้า มองไปยังใบหน้าอันน่าสงสารของเขา หากว่าเจ้านี้ทราบเรื่องราวร้อยก้าวไร้พ่ายที่ล้ำลือกันของศิษย์น้องเล็กของตนแล้วละก็ เกรงว่าต่อให้เขามีขวัญกล้ากว่านี้สิบเท่า เขาก็คงไม่กล้าที่ทำเช่นนี้หรอก

 

“ เจ้าหนู อย่าทะนงตนไป “

 

กลุ่มคนชุดดำทางด้านหลังที่เห็นเหตุการณ์เบื้องหน้า แต่ละคนต่างสบตากันไปมา ใบหน้าต่างก็ปกคลุมไปด้วยความหนาวเหน็บออกมา พวกเขามิทราบว่าเรื่องราวเมื่อครู่เกิดขึ้นได้อย่างไร หรือต่อให้พวกเขาทราบ เจ้าเด็กน้อยเบื้องหน้าที่กำลังมุ่งหน้ามาหาพวกเขาอย่างเร้าอารมณ์

 

“ ซวบ—— ”

 

ในเวลาต่อมา ชายชุดดำหนึ่งซ้ายหนึ่งขวาต่างลงมือพร้อมกับยิ้มออกมา ขณะเดียวกันดาบในมือก็ได้เปร่งประกายสายรุ้งยาวออกมา พุ่งตรงไปยังหน้าอกข้างซ้ายของเยี่ยจง

 

เยี่ยจงยังคงสงบนิ่ง กระบี่ยาวในมือค่อยๆขยับ พุ่งออกไปบริเวณทางด้านหน้าอย่างเรียบง่าย จากนั้นปลายกระบี่ให้ความแปลกประหลาดชนิดหนึ่งมุ่งไปทางข้อมือคนชุดดำทางด้านซ้าย จากนั้นก็ได้หมุนกายไปรอบหนึ่ง กระบี่ใบมือก็ได้ฟันออกไป คนทางด้านขวาก็ได้กรี๊ดร้องออกมาในเวลาเดียวกัน แขนของเขาได้ถูกเยี่ยจงสับจนหล่นลงมา

 

เพียงกระบวนท่าเดียวก็จัดการไปแล้วสองคนจนบาดเจ็บหนัก เยี่ยจงยังคงดูเหมือนไร้ความรู้สึกก็มิปาน ร่างกายก้าวไปทางด้านหน้า กระบี่ยาวในมือก็ได้เปร่งประกายแสงออกมาบริเวณส่วนปลาย ดูเหมือนว่าจะต้องการที่จะลงมือปลิดชีวิตคนทั้งสอง

 

“ สหายท่านนี้ ยังคงยั่งมือไว้ไมตรีเถอะ “

 

ในช่วงเวลาคับขัน ทางด้านใจกลางหุบเขา ได้มีเสียงดังกึงก้องออกมา จากนั้นเสียงก็ได้หายไป แต่ทว่าก็ให้ความรู้สึกถึงความแข็งแกร่งของบุคคลนี้

 

เยี่ยจงขมวดคิ้ว หลังจากที่วิเคราะห์ไปชั่วครู่ก็มิได้ลงมือฆ่าฟัน เพียงแต่สะบัดกระบี่ยาวในมือเพื่อให้เลือดกระเด็นออกไป จากนั้นก็ได้จ้องมองไปยังบริเวณหุบเขาลี้ลับทางด้านหน้า เมื่อสักครู่เขารู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล หากว่าตนเองยังแข็งข้อลงมือต่อไปแล้วละก็ ไม่แน่ว่าอาจจะถูกสายฟ้าฟาดลงทัน อีกทั้งความรู้สึกเช่นนี้ก็ทำให้รู้สึกไม่ดี

 

ทันใดนั้น คนชุดดำทั้งสองที่ได้รับบาดเจ็บหนักใบหน้าต่างก็เปลี่ยนเป็นสีขาวซีดถอยหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นในช่วงบริเวณกลุ่มคนชุดดำเกือบร้อยคนก็ได้ถูกแหวกออกมาเป็นสองกลุ่ม แต่ละคนต่างคุกเข่าลงข้างหนึ่งไว้บนพื้น

 

“ นายน้อย ข้าน้อยไร้ความสามารถ “

 

ชายหนุ่มผอมแห้งใบหน้าได้เปลี่ยนสีทันที จากนั้นก็ถอยหลังคุกเข่าลงบริเวณเบื้องหน้า กัดฟันกล่าวออกมา

 

“ เหอะ เหอะ โฮ่วอู่ ( แซ่โฮ่ว อันดับห้า ) เจ้าถอยไปก่อน เรื่องนี้ไม่สามารถโทษเจ้าได้ ได้พบพานก็คนของลัทธิแห่งดวงดาว ต่อให้นายน้อยอย่างข้าออกหน้าลงมือเองก็ใช่ว่าจะมีประโยชน์ ยังต้องถึงคราของเจ้า ? “

 

เสียงหัวเราะดังออกมา จากนั้นก็พบว่าบริเวณหุบเขา มีบุคคลหนึ่งบนร่างสวมคลุมยาวชุดสีม่วงอมทองค่อยๆก้าวเท้าเดินออกมา จากนั้นทางด้านหลังของเขาเองนั้น ก็มือหญิงสาวสวมชุดกระโปรงนางหนึ่งตามออกมา บนมือถือไว้ด้วยร่มใบไผ่ที่ใช้บดบังแสงอาทิตย์

 

ชายหนุ่มผู้นี้มีอายุราวๆยี่สิบปี รูปร่างนั้นช่างดูธรรมดา แต่ว่าบริเวณระหว่างคิ้วนั้นให้ความรู้สึกที่ดูเข็มแข็งเมื่อมีคนมองดู แม้ว่าเขาจะเพียงแค่ยืนอยู่เฉยๆ อีกทั้งมีคนชุดดำนับร้อยก็ได้เคลื่อนไหวไปอยู่บริเวณทางด้านหลังพร้อมกัน

 

“ กำลังภายในขั้นก่อเกิดขั้นที่ห้า “

 

ความรู้สึกที่ได้รับจากชายหนุ่มแผ่พุ่งออกมา เหมือนดั่งพลังที่ระเบิดออกมาด้วยความดุดัน เยี่ยจงยังคงหมวดคิ้วต่อ บุคคลระดับนี้ยังไงซะก็สร้างความรำคาญได้เต็มสิบส่วน หรือต่อให้เขาลงมือทันที ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถเอาชนะได้

 

“ แม่นางซูหยี่ มิได้พบกันนาน “ ชายหนุ่มก่อนที่จะก้าวเดินออกจากบริเวณหน้าหุบเขา ก็ได้กวาดตามองสำรวจเยี่ยจง ทว่าก็เป็นแค่ครู่เดียว จากนั้นก็ทอดสายตาหยุดอยู่ที่ซูหยี่ จากนั้นเขาก็ยิ้มพร้อมกับกล่าวออกมา

 

“ คุณชายคงซวี ( ว่างเปล่า ) ? “

 

หลังจากที่มองไปยังชายหนุ่มอย่างชัดเจนแล้ว รูม่านตาของซูหยี่ก็ได้ขยายใหญ่ขึ้นเท่าตัว นางเริ่มที่จะขยับเคลื่อนไหว จากนั้นก็บรรลุถึงด้านหลังของเยี่ยจง ใบหน้าแข็งทื่อไร้ที่เปรียบ

 

“ คุณชายคงซวี ? “  หลังจากเงียบงันไป เยี่ยจงก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย พบเห็นท่าทางของซูหยี่เช่นนี้ ดูเหมือนว่า บุคคลเบื้องหน้าคงเป็นคนใหญ่คนโตแล้วละสิ ?

 

“ หนึ่งในสี่คุณชายใหญ่แห่งรัฐเหร่ยเทียน คุณชายคงซวี นามเหร่ยโหย่วซวี “ ใบหน้าของซูหยี่เริ่มค่อยๆทวีความหนาวเหน็บมากขึ้น จากนั้นก็กล่าวต่อเสียงแผ่วเบา “ อธิบายง่ายๆ ก็คือกลุ่มยอดฝีมือรุ่นเยาว์แห่งรัฐเหร่ยเทียน อีกทั้งยังเป็นถึงหนึ่งในสี่จ้งเหิง ( ประกายสายรุ้ง ) ก่อนหน้านี้ในตอนที่พวกเราไปไหว้ขุนเขาแห่งดวงดาวนั้น ในตอนนั้นเองที่ข้าและเขามีวาสนาได้พบกันหนหนึ่ง “

 

“ หนึ่งในสี่คุณชายแห่งรัฐเหร่ยเทียน ? “ หลังจากเงียบงันชั่วครู่ เยี่ยจงก็นิ่งเงียบนัยน์ตาได้ปกคลุมไปด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความตื่นตะลึง หากเทียบด้านกองกำลังรัฐเหร่ยเทียนนั้นถือว่าแข็งแกร่งกว่ารัฐต้าโจวอยู่ สี่ยอดฝีมือรุ่นเยาว์นั้น มีฝีมือไร้ที่เปรียบปาน

 

“ เหอะ เหอะ ไม่เจอกันนาน แม่นางซูหยี่ยังถึงกับจดจำได้ นายน้อยเช่นข้าคงถือว่าได้รับเกียรติอยู่ไม่น้อย “เหร่ยโหย่วซวีที่สวมชุดคลุมสีม่วงค่อยๆก้าวเดินออกมา ในขณะที่มองไปยังซูหยี่ สายตาก็เต็มไปด้วยประกายเร้าร้อนลุกโชนออกมา

 

“ ในเมื่อแม่นางมาในฐานะของคนลัทธิแห่งดวงดาว อีกทั้งครั้งนี้ยังปรากฏตัวที่หนานเจียงอีก อีกทั้งยังน้องชายท่านนี้มาอีกด้วย ? “

 

ความจริงมิได้รับรู้นัยน์ตาอันเล้าร้อนของเหร่ยโหย่วซวีเลย ซูหยี่ก็ยิ้มออกมาอย่างมีเสน่ห์กล่าว “ ในครั้งนี้ ข้าและศิษย์น้องสองคนได้ออกมาทำภารกิจประจำสำนักเท่านั้น แต่ก็มิอาจทราบได้ว่าในระหว่างทางจะพบพานบุคคลสูงส่งเช่นนี้ ดูเหมือนว่าครั้งนี้ หากไม่นำแผนที่เข้าสู่อารามมามอบให้ คุณชายคงซวีคงจะไม่ให้พวกเราผ่านเข้าไปแล้วละมั่ง “

 

“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า แม่นางซูหยี่ เห็นแก่ความสัมพันธ์ของเราท่านมิต้องกล่าวคำพูดเกรงอกเกรงใจเช่นนี้ “ เหร่ยโหย่วซวียิ้มออกมาเล็กน้อยเผยให้เห็นลักยิ้มออกมา “ แม่นางซูหยี่หากว่ามีความสนใจแล้วละก็ ครั้งนี้มาร่วมมือกับคุณชายอย่างข้าดีหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นคัมภีร์หรือสมบัติต่างๆที่ได้มา เราท่านแบ่งกันคนละครึ่งอย่างทัดเทียมดีหรือไม่ ? “

 

ซูหยี่เริ่มขมวดคิ้ว จากนั้นก็ยิ้มแล้วกล่าว “ ร่วมมือนั้นคงมิบังอาจ อีกทั้งในครั้งนี้พวกเราเพียงออกมาหาประสบการณ์เท่านั้น ยังหวังไว้ว่าคุณชายจะเห็นแก่ในฐานะที่เราเคยรู้จักกัน เปิดทางให้ผ่านไปได้หรือไม่ ? “

 

เหร่ยโหย่วซวีสายตาสาดเป็นประกาย จากนั้นก็พยักหน้า แสดงท่าทางราวกับกำลังเชื้อเชิญ ยิ้มแล้วกล่าวออกมา “ ถ้าหากว่าแม่นางซูหยี่มิมีความต้องการที่จะร่วมมือด้วยแล้วละก็ ถ้าเช่นนั้นข้าน้อยก็มิอาจบังคับขืนใจ แม่นางเชิญ ในระหว่างที่อยู่ในเทือกเขาชิงเสียนนี้ หากแม่นางยังต้องการที่จะร่วมมือกับคุณชายเช่นข้า คุณชายเช่นข้าก็มิมีปัญหาแต่อย่างไร “

 

เหร่ยโหย่วซวีแสดงท่าทางออกมาอย่างเรียบง่าย เหล่าคนชุดดำที่อยู่บริเวณทางด้านหลังก็ได้ลุกขึ้นเหินหลบทางให้อย่างรวดเร็ว หลังจากที่ถอยออกไปแบ่งเป็นทั้งสองฟาก ก็เผยให้เห็นเส้นทางของหุบเขาอันลี้ลับ

 

“ ถ้าอย่างนั้น ก็ขอขอบคุณคุณชายคงซวีมากแล้ว หากว่าข้าต้องการจะร่วมมือด้วยแล้ว สาวน้อยเช่นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว “ซูหยี่ก็ยิ้มอย่างมีเสน่ห์ จากนั้นก็ค่อยๆเดินเข้าไปยังเส้นทางสู่หุบเขา

 

เยี่ยจงก็ได้ขมวดคิ้ว แต่ว่าเขาก็ได้ตัดสินใจที่จะเดินตามหลังซูหยี่ไป เพื่อที่จะมุ่งหน้าสู่ใจกลางของหุบเขา

 

“ ชิ —— ”

 

จากนั้น ในระหว่างที่เยี่ยจงก็ได้ก้าวเท้าค่อยๆเดินไปนั้นเอง เหร่ยโหย่วซวีก็ได้ดีดนิ้วออกมาในเวลาเดียวกันนั้นเอง จากนั้นก็ได้ยินเสียงบางอย่างกำลังวิ่งผ่านอากาศมา หลังจากนั้นก็พบกับประกายสายฟ้าสายหนึ่งแลบมาเข้าหาฝ่าเท้าของเยี่ยจง

 

“ ระวัง “ ซูหยี่ที่อยู่ทางด้านหน้ามีปฏิกิริยาทันที เพียงแต่ว่านางในตอนนี้ก็ไม่อาจที่จะช่วยไว้ได้ทัน

 

เยี่ยจงได้ใช้ออกด้วยกระบี่ยาวในมือต้านทาน ตัวกระบี่ทอประกายกล้าอยู่ชั้นหนึ่ง เพียงแต่ว่าในขณะที่พลังปกคลุมส่องสว่างอยู่ กระบี่ยาวเงินสีหยกก็ได้ค่อยๆสั่นไหวไปมา จากนั้นก็ค่อยๆปรากฏรอยแตกร้าวออกมา

 

เยี่ยจงขมวดคิ้วทันที ใช้ออกกระบี่ยาวในมือเพื่อขวางกั้นอย่างเรียบง่าย จากนั้นก็เงยหน้ามองไปทางด้านเหร่ยโหย่วซวี สายตาที่ส่งไปนั้นได้ทอประกายแข็งกร้าว เหร่ยโหย่วซวีผู้นี้ ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก

 

“  เหร่ยโหย่วซวี เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน ? “ ขนตาของซูหยี่ก็ได้สั่นกระตุกคราหนึ่ง ใบหน้าอันมีเสน่ห์ได้เปลี่ยนเป็นเย็นชาอย่างรวดเร็ว นางจ้องมองไปที่เหร่ยโหย่วซวีอย่างแข็งกร้าว ส่งเสียงดังออกมา

 

“ เหอะ แม่นางซูหยี่ เห็นแก่ไมตรีของการไปมาหาสู่กันระหว่างข้าและท่าน ข้าจะให้ท่านผ่านเข้าไปอย่างไม่มีเงื่อนไข แต่ถ้าท่านต้องการที่จะพาศิษย์น้องเล็กท่านนี้เข้าไป คุณชายข้านั้นมิอาจให้ปล่อยผ่านไปได้…… “ ใบหน้าของเหร่ยโหย่วซวียิ้มออกมาด้วยความเจ้าเล่ห์ ในระหว่างที่ส่งสายตามองไปเยี่ยจงอยู่ นัยน์ตานั้นช่างลึกซึ้ง อีกทั้งยังทอประกายดุดันออกมา “ เพียงแต่ว่า ศิษย์น้องท่านนี้ของท่านลงมือได้โหดเหี๊ยมไปหน่อย เขาตัดแขนลูกน้องของข้าไป หากข้าไม่ให้ความเป็นธรรมแก่ลูกน้องแล้วละก็ เกรงว่าคงยากที่จะออกไปแล้วละ “

 

“ เจ้า——” ซูหยี่ใช้หางตามองไป ร้องเสียงดังเฮอะออกมาคำหนึ่ง

 

ทว่าในเวลานี้ เยี่ยจงก็ได้มุ่งไปทางด้านหน้า สะบัดมือไปทางซูหยี่ทำให้นางต้องกลืนคำพูดกลับไป หลังจากนั้นเขาก็ส่งสายตาไปยังคุณชายคงซวีที่อยู่ทางด้านหน้า กล่าวเสียงดังกังวาน “ ถ้างั้นท่านต้องการอันใดเป็นการชดเชย ? “

 

“ เหอะ ในที่สุดก็ไปไม่ยืนอยู่หลังผู้หญิงแล้วหรือ ? ข้ายังนึกว่าเจ้าเตรียมการให้แม่นางซูหยี่ช่วยเจ้าจัดการกับปัญหานี้ซะอีก “ เหร่ยโหย่วซวียิ้มร่าพร้อมกล่าวต่อ “ งั้นเอาอย่างนี้ละกัน ขอเพียงเจ้าสามารถต้านทานคุณชายเช่นข้าสามกระบวนท่า เรื่องราวในวันนี้ จะถือว่าผ่านแล้วต่อกัน ดีหรือไม่ ? “