แปลไทย : แพนด้าคุง | แก้ไข : แพนด้าคุง

“น้องชาย?” ชูหยงกล่าวอย่างเงียบๆ พลันดวงตาเบิกกว้างใหญ่โตขึ้น “เจ้าคือฉินหยุนรึ?” ในที่สุดชูหยงก็จำได้

ฉินเหล่ยฮู่ มีบุตรชายอยู่สองคน คนแรกคือฉินอัน ส่วนคนที่สองเคยได้รับฉายานามว่าจอมยุทธ์กระบี่รุ่นเยาว์ อย่างไรก็ตาม มันนั้นได้จากเมืองเกิดไปถึงปีเพื่อไปยังทวีปทั่วโลก อีกทั้งฉินหยุนในหกปีที่แล้ว ตัวมันนั้นแข็งแกร่งยิ่งนักหากเทียบกับหมู่คนรุ่นใหม่ที่อายุเท่ากัน แต่ในสายตาของผู้ที่แข็งแกร่งกว่า ฉินหยุนก็ยังคงอ่อนแออยู่ดี ชูหยงคือปีศาจที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ในเมืองหลวง มันไม่คิดว่ามันจะถูกเจ้าเด็กตัวจ้อยทำร้ายได้ถึงเพียงนี้?

“เจ้าอาจจะฆ่าข้าได้ แต่ทว่าเหล่าเทพเทวีจะไม่ยอมปล่อยเจ้าไปง่ายๆแน่นอน” ชูหยงกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาบาง มันนั้นยังไม่อาจที่จะทำใจได้ว่าตัวเองได้แพ้เสียแล้ว “เทพเจ้าวารีจะไม่ยอมปล่อยเจ้าไปตลอดกาล”

“เทพเจ้าวารีรึ? ร้อยละเจ็ดสิบของปีศาจในเมืองหลวงนั้น เป็นหนึ่งในลูกหน้าของเทพเจ้าวารียังงั้นสินะ?” ฉินหยุนกล่าวด้วยน้ำเสียงกระแทก “เจ้าคิดว่าข้ากลัวเทพเจ้าวารีนั้นจากการฆ่าหนึ่งปีศาจของมันสินะ?”

ในขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น ร่างกายของชูหยงก็ได้กลับมารูปแบบดั้งเดิม ครึ่งบนยังคงเป็นหมู่ป่าที่ไร้ซึ่งเสียงใดๆ หากคิดในแง่นี้ก็มองดูเหมือนมันนั้นตายแล้ว

ในห้องโถงบัดนี้มีเสียงเงียบสงัด

หัวหน้าของปีศาจ,เหล่าลูกน้องทั้งแปดคนที่รวมปีศาจแมวสาว และสาวเสื้อชมพูอีกทั้งตาเฒ่าเสื้อคลุมดำ ตายกันหมด

บัดนี้มีเพียงฉินหยุนยืนอยู่ในกลางห้องโถงเพียงลำพัง

“เพียงแค่ซากศพของหัวหน้าปีศาจที่ถูกตัดขาดครึ่งท่อนนั้น สามารถยืนยันได้ว่า เหล่าอสูรลูกน้องของมันที่ถูกควบคุมก็ตายลงไปด้วยเช่นกัน ในเมืองหลวงตอนนี้หาได้มีผู้เชี่ยวชาญบรรเลงเพลงกระบี่ได้มากมายเท่ากระบวนท่าของข้า ถ้าหากตัวตนของข้านั้นถูกเปิดเผย มันอาจทำให้ข้าต้องวุ่นวายได้ สงสัยต้องกำจัดเล็กน้อยเสียแล้วสิ ข้าที่เดินทางพึ่งกลับมาในรอบหกปี คงยังไม่เหมาะที่จะมาเฉือดเฉือนกับเทพวารี” ฉินหยุนกล่าวแผนอย่างระมัดระวัง ก่อนที่จะเดินเข้าไปในตัวบัลลังก์ห้องโถง พบเห็นกล่องไม้ที่ใส่เหล็กอักขระดารา

“เหล็กอักขระดารา” ฉินหยุนกล่าวพร้อมจ้องมองไปยังกล่องไม้ที่แตกหัก มันเปิดกล่องออกและเจอโลหะสีขาวเงิน “น้ำหนักหนักหลายจิน สามารถทำให้รากฐานของเคล็ดวิชากระบี่ทะยานฟ้าของข้าสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดระยะเวลาที่ข้าต้องมาปรับแต่งกระบวนท่าให้เสร็จเร็วขึ้นหนึ่งหรือสองเดือน”

ตัวเขายังคงมุ่งหารอบๆห้องโถงไปเรื่อยๆ,แม้กระทั้งซากศพของปีศาจ แต่ทว่าหาได้มีอะไรให้เขาตื่นตาเท่าเหล็กอักขระดาราได้

เมื่อเสร็จสิ้น ฉินหยุนได้หยิบถุงผ้าสีแดงขึ้นและเปิดออกมาเพื่อหยิบขวดเล็กๆ เมื่อหยิบออกมาแล้วนั้น ตัวมันได้เปิดและเทไปหนึ่งหยดบนซากศพเหล่าปีศาจ แต่ปีศาจอย่างชูหยงจำเป็นต้องหยดถึงเจ็ดแปดหยด เพื่อทำให้ร่างของเหล่าปีศาจที่นอนตายอยู่กอง ก็ได้หายไป

“ชี่..ชี่…ชี่”

หลังจากนั้น เขาก็ใส่ไฟเข้าไปในกองของซากศพ

ถ้ามันถูกไฟเผาไม้ด้วยปกติ อาจจะใช้เวลาหลายวันในการทำลายซากศพอย่างสมบูรณ์ แต่ถึงอย่างนั้น ร่องรอยจากกระดูกก็ยงัคงอยู่ แต่เมื่อได้หยดของเหลวนั้นลงไป และปล่อยเปลวเพลิง เปลวเพลิงสีฟ้านั้นจะกัดกินซากศพของเหล่าปีศาจ โดยใช้เวลาไม่กี่นาทีเพื่อไม่ให้หลงเหลือแม้แต่ร่องรอยใดๆ เมื่อเผาเสร็จสิ้นก็จะได้กลายเป็นขี้เถ้า

“‘น้ำใต้พิภพ’ ของข้าใกล้หมดแล้วสิ เห็นทีคงต้องทำมันเพิ่ม,”ฉินหยุนบนพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะก้าวไปบนบัลลังก์ เขาพักแขนเล็กน้อยเพื่อฟื้นฟูสภาพจากการใช้วิชา

“สะเทือน!” ประตูนพลันเปิดออกหลังจากที่ปิดไปเมื่อครู่อีกครั้ง

ฉินหยุนได้ใช้ดวงตาแห่งธรรมมองไปยังรอบๆ เพื่อหาว่ามีผู้ใดอยู่รึไม่ กลับพบกับขุมสมบัติของชูหยงที่ถูกซ่อนเอาไว้ หลังจากที่สำรวจมองไปอย่างระมัดระวังแล้ว เขาก็ได้ไปหาที่ตัวสมบัติและเปิดออกเพื่อคว้าสมบัติมากๆมายที่อยู่ในนั้นออกมา

“โอ้, มีถึงหกหมื่นสามพันตำลึงเชียว?” ฉินหยุนพลิกเหรียญตำลึงไปมาด้วยความประหลาดใจ “เจ้าปีศาจตัวนี้นอกจากจะเป็นลูกน้องของเทพวารีแล้ว มันยังมั่งคั่งอีกรึ ช่างร่ำรวยเสียนี่กระไร”

“การบ่มเพาะพลังของพลังแห่งธรรมจำเป็นต้องตอบสนองด้วยทรัพยากรเงินล้ำค่า ซึ่งกระบวนการของพลังแห่งธรรม มันค่อนข้างยากลำบากอยู่แล้ว แต่ถ้าหากขาดปัจจัยเช่นเงินเช่นนี้แล้ว มันคงยากมากพอตัว” ฉินหยุนสายหัวไปมา “ข้าที่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางจอมกระบี่อมตะแล้วไซร้ ถ้าหากเป็นปุถุชนธรรมดาข้าคงเป็นไม่เสียค่าใช้จ่ายมากมาย แต่ด้วยการที่ข้าฝึกเคล็ดวิชากระบี่ทะยานฟ้าและพลังแห่งธรรม จำเป็นต้องใช้เงินมากมายคณานับ ข้าได้เก็บหอมรอมริบมากกว่าหกปีในช่วงเดินทาง บัดนนี้โชคดียิ่งที่ได้เงินตำลึงมากมายอีกทั้งเหล็กอักขระดารา คงมาทดแทนในส่วนนี้ได้ พวกมันเหล่านี้จะช่วยให้เคล็ดวิชาที่ข้ามีแข็งแกร่งยิ่งขึ้น!!”

การเป็นผู้ฝึกตนช่างเป็นอะไรที่น่าปวดหัวยิ่ง

ยกตัวอย่างเช่นเครื่องรางทั่วไปที่จะสร้างขึ้นมา, จำเป็นต้องใช้ค่าใช้จ่ายเช่นค่ากระดาษและค่าหมึกในการตวัดลายเส้น เพื่อให้ได้เครื่องรางที่มีคุณภาพ และหากผ่านไปเวลานานๆ มันก็ยิ่งมีค่ามากขึ้น

แม้แต่กระบวนการสร้างโอสถ และสมบัติแห่งธรรมก็ยังจำเป็นต้องใช้การลงทุนอย่างเดียว เมื่อคิดเช่นนี้ก็น่ากลัวยิ่ง

เขายังคงมุ่งหาของหลายๆอย่างในวังใต้ดิน แม้ว่าจะได้สมบัติมาบางอย่างเขาก็นับว่าคุ้มค่า ไม่นานเขาก็ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ทรงอำนาจสั่นสะเทือนไปทั่ววัง “ข้าฆ่าปีศาจหมดแล้ว พวกเจ้าออกไปที่นี่ให้ไวซะ หากยังอยากมีชีวิตอยู่!” เมื่อกล่าวเสร็จเขาก็จากไป

ในวังใต้ดินเป็นสถานที่ที่เหล่าปีศาจชื่นชอบ และเป็นสถานที่ที่มนุษย์มีแต่ความสิ้นหวังและทุกข์ทรมาน

แม้ว่าจะได้ยินเสียงดังที่มาจากห้องโถงแล้วนั้น เหล่านักดนตรี นางรำ และคนรับใช้ที่ซ่อนตัวด้วยความหวาดกลัว ก็ก้าวออกมา ก่อนที่จะมองไปที่ฉินหยุนที่ยืนอยู่ พวกมันนั้นก็รีบวิ่งออกไปทันที ทำให้ถูกค้นพบโดยเหล่ายามลาดตระเวนยามค่ำคืน

เหล่าเจ้าหน้าที่ของทางการเมืองหลวง ต่างรับรู้ว่าในสถานที่แห่งนี้มีวังใต้ดิน และหัวหน้าของมันนั้น คือชูหยง

ในเมืองหลวง ชูหยงคือหนึ่งในปีศาจที่ดุร้ายและน่าเกรงขามมากที่สุด มันได้สร้างหายนะมามากมายนับสิบปี และสถานที่ที่มันอยู่ก็เป็นเรื่องที่ลึกลับ

ข่าวนี้ทำให้ขุนนางและชนชั้นสูงของเมืองหลวงดีใจเป็นอย่างมาก

******

ในคืนนั้นตำหนักฉิน,ห้องหนึ่งห้อง ฉินหยุนได้ก้าวออกมาจากแสงไฟอ่อนๆ

“ตุบ”

ฉินหยุนได้วางเหรียญสมบัติและธนบัตริมากมายไว้ที่พื้น จากนั้นก็วางของอื่นๆไว้ที่เตียง เขาเปิดออกมาดูทีละชิ้น ทีละอัน เขาเปิดกล่องไม้หยิบเหล็กอักขระดาราออกมา “เหล็กอักขระดารานี่ หากใครได้ครอบครองจะผิดกฏหมาย ซึ่งมีโทษร้ายแรง จำเป็นต้องเก็บไว้กับตัว หากใครรับรู้ตระกูลจะถูกสังหารชั่วโครต ต่สำหรับข้านั้นเรื่องนี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างเล็กน้อย แต่ถ้าหากถูกค้นพบก็คงจะลำบาก”

ฉินหยุนนั่งจัดขา และเริ่มทำสมาธิเข้าสู่ห้วงจิตใจ

เขามุ่งจุดพลังไปยังจุดันเถียน

จุดดันเถียนของเขา กว้างใหญ่คล้ายมหาสมุทรที่ไร้ก้นบึ้ง พลังภายในร่างผลัดหมุนเวียนอยู่ภายใน เหล็กสีขาวเงินได้ส่องกระกายณใจกลางห้อง

ทันใดนั้นเอง มันได้แปรเปลี่ยนเป็นเส้นและเริ่มหมุนเรื่อยๆ ตอนนี้กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า “เส้นโลหะ” ตัวโลหะมันมีเงินคล้ายดั่งลูกบอล เล็กยิ่งยากจับตามอง มันถูกขยายพลังไปเรื่อยๆ จะคล้ายกับเส้นผมของมนุษย์แล้วตอนนี้

“ฟิ้ว!”

เส้นผมโลหะได้หลุดออกจากจุดพลังที่เขารวบรวมที่ดันเถียน ตอนนี้มันได้ขับเคลื่อนไปที่ปลายนิ้ว เจาะเข้าสู่ผิวหนัง ขับเคลื่อนไปทั่วร่างกาย

หลังจากที่ได้เจาะทะลางแล้วนั้น มันก็เริ่มกระบวนการงอกเงยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

มันแปรเปลี่ยนเป็นกระบี่สีเงินที่ยาวถึงสามนิ้ว และลอยมาอยู่ตรงหน้าฉินหยุนทันที

“แก่นแท้กระบี่บิน” ฉินหยุนยังนั่งขัดสมาธิ จ้องมองไปยังกระบี่บินที่ลอยยาวสูงถึงสามนิ้ว “มันยังคงต้องใช้เวลาปีกว่าก่อนที่กระบี่ทะยานฟ้าข้าจะสำเร็จเสร็จสิ้น เมื่อถึงเวลานั้น มันรวบรวมเข้ากับพลังของข้า และทำให้จุดดันเถียนข้านั้นเติบโตยิ่งกว่าเก่า”

ในปัจจุบัน เคล็ดกระบี่ทะยานฟ้าของมันนั้น ยังไม่สมบูรณ์มากพอ กระบี่ที่ถูกขับออกจากร่างยังมิอาจที่จะแยกมิตรหรือศัตรูได้ แต่ทว่า เมื่อยามใดที่มันจะหยุดการโจมตีของกระบี่อย่างกระทัน มันนั้นต้องยอมรับการบาดเจ็บจากเคล็ดวิชาของตัวเอง มันขดตัวเพื่อกลบจุดดันเถียนไว้และเก็บกระบี่เอาไว้ภายในร่าง ถ้าหากเคล็ดวิชายังไม่สมบูรณ์แบบ และยิ่งใช้ ก็ยิ่งยากที่จำสำนึกเมื่อมันสายไป

เมื่อกระบี่ทะยานฟ้าสมบูรณ์แบบเมื่อใด และได้หลอมรวมเข้ากับสมบัติแห่งธรรม มันจะกลายเป็นพลังที่น่ากลัวยิ่งนัก

แม้ว่าฉินหยุนจะหากระบี่บินมาฝึกฝนมากเพียงใด ก็มิอาจที่จะเทียบเคียงกับกระบี่ทะยานฟ้าของเขาได้แม้แต่น้อย อะไรคือกระบี่ทะยานฟ้า? กระบี่ทะยานฟ้าคือกระบี่ที่ถูกหล่อหลอมกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต พลังของมันน่าสะพรึง หากกระบี่ถูกทำลาย ฉินหยุนย่อมบาดเจ็บ อาจทำให้ร่างของเขาล้มป่วยและตายลงได้

“ไป!” เขายกเหล็กอักขระดารา ที่น้ำหนักมากกว่าสิบจินขึ้น โยนออกไป พลันกลายเป็นอัตสารดูดกลืนเข้าสู่กระบี่ของมัน ซึมซับเข้าสู่ตัวกระบี่ ทำให้กระบี่เติบโตยิ่งขึ้น

ชี่—

ตามวิถีไหลเวียนโลหิตของมันนั้น มันมีความแวววาวกระจายไปอยู่ทั่วกระบี่บินที่สูงถึงสามนิ้ว ตัวกระบี่ยังคงดูดซับพลังจากเหล็กอักขระดารา ปล่อยลำแสงเหล็กอักขระดารา ซึมซับเข้าสู่กระบี่ ไม่นานตัวเหล็กอักขระดาราก็ไร้ซึ่งรูปและพลังจะกลายเป็นก้อนเหล็กโลหะทั่วๆไป

หลังจากนั้นชั่วโมงนึง กระบี่บินของมัน พลั่นสั่นไหวไปทั่ว

“ข้าจะให้มันสิ้นสุดลงวันนี้ให้ได้!” ฉินหยุนเอื้อมมือหยิบเหล็กอักขระดารามาอีกหนึ่งหดมันให้เท่าขนาดกับก้อนหิน หากชั่งน้ำหนักก็หนักร้อยจินขึ้นไปได้ “ถ้าหากข้าปรับแต่งก้อนเหล็กอักขระดารานี่นั้น ตัวฐานของกระบี่ทะยานฟ้าข้า ก็จะมั่นคงยิ่งขึ้น”

“การเพิ่มกระบี่บินของข้า หาใช่เรื่องที่ปุถุชนทั่วไปจะทำได้นัก แม้ว่าข้าจะมีเชื้อสายของ จอมยุทธ์กระบี่อมตะ แต่ทว่า ข้ายังจำเป็นต้องใช้เวลาหลายสิบปีในการฝึกฝนเคล็ดวิชากระบี่บินทะยานฟ้า โชคดีนัก ที่ข้าได้เข้าใจถึงกระบวนการ เคล็ดวิชาเพลงกระบี่พิรุณพร่ามัว มันสามารถทำให้ข้าดัดแปลงและฝึกฝนเจ้ากระบี่บินได้เร็วกว่าผู้ฝึกฝนคนอื่นนับสิบเท่า แต่ข้าต้องใช้เวลาหลายปีในการทำให้มันสมบูรณ์แบบ น่าเสียดายที่กระบี่พิรุณหมอกฝนข้า ไม่อาจช่วยข้าได้มากมายนัก ยังต้องมีทรัพยากรมากมายที่ต้องช่วยกระบี่บินให้มาก” ฉินหยุนถอนหายใจในขณะที่นั่งขัดสมาธิ

มันเหมือนกับการขว้างทองคำและเงินเข้าหม้อไฟร้อนๆให้กลายเป็นเนื้อเดียวกัน

//ผมจะแปลเรื่องนี้สองตอนต่อวัน แปลฟรีไม่เก็บตังใดๆทั้งสิ้น ถ้าอยากสนับสนุนก็โดเนทเอาอะไรงี้นะครับ https://www.facebook.com/sfspth/ ฝากเพจ