GOS ตอนที 57 –  โคกะ

 

หนึ่งเดือนต่อมา

 

ณ ป้อมปราการยักษ์ ชั้นสอง

 

โรจายืนอยู่พร้อมกับกระชับดาบในมือแน่น เขาจ้องมองไปยังใบดาบของโฮโนะสึกิที่ในตอนนี้ถูกครอบคลุมไปด้วยกลิ่นอายแปลกๆ

 

กลิ่นอายที่ว่านี้คือ ฮาคิเกราะ!

 

“ฮาคิเกราะ … โคกะ!”

 

กล่าวจบ โรจาก็พยายามควบคุมฮาคิเกราะที่กระจายอยู่รอบๆ และบีบอัดมันเข้าไปในใบดาบ

 

ฟุ้ม—!

 

ฮาคิเริ่มตกอยู่ภายใต้การควบคุมของโรจา ก่อนที่มันจะถูกบีบอัดเข้ากับใบดาบ จนในที่สุดใบดาบก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำหมึก แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆมันก็สลายหายไป

 

“ระยะเวลาหนึ่งเดือนในการฝึก มันคงสั้นเกินไปจริงๆ ฮาคิเกราะของฉันยังคงแข็งแกร่งไม่เพียงพอ แถมฉันยังควบคุมมันได้ไม่ดีอีก ดังนั้นในตอนนี้ฉันจึงยังไม่สามารถใช้โคกะได้?”

 

เมื่อเห็นว่าตนเองพลาด เขาก็บ่นพึมพำออกมา ก่อนทีจะสูดหายใจลึก และเริ่มฝึกฝนอีกครั้ง

 

ในความเป็นจริง

 

โรจาสามารถใช้ฮาคิเกราะได้ตั้งแต่ช่วงครึ่งเดือนแรกแล้ว และในตอนนี้โรจากำลังฝึกฝนควบคุมฮาคิเกราะและบีบอัดมันลงไปในใบดาบ

 

แต่เขาก็ยังไม่สามารถบีบอัดมันเข้าไปในใบดาบหรือที่เรียกกันว่า โคกะ ได้

 

และ นอกจากฝึกฝนฮาคิเกราะแล้ว โรจายังฝึกฝนฮาคิสังเกตไปด้วยในเวลาเดียวกัน สำหรับโรจาแล้ว การฝึกฝนฮาคิสังเกตนั้นรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ไม่กี่วันเขาก็สามารถชำนาญฮาคิสังเกตได้อย่างง่ายดาย

 

ซึ่งโรจาคาดเดาว่า

 

พื้นฐานของฮาคิสังเกตนั้นน่าจะคล้ายคลึงกับสภาวะจดจ่อของเขา ที่มุ่งไปยังการสัมผัสลมหายใจของทุกสรรพสิ่ง เพียงแต่มันจะแตกต่างกันตรงที่ฮาคิสังเกตนั้นมีไว้เพื่อใช้หลบหลีก และการคาดเดาทิศทางการโจมตีของศัตรู ยิ่งฮาคิสังเกตอยู่ในระดับสูงขึ้นเท่าไหร่ ขอบเขตการรับรู้ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

 

นอกจากนั้นมันก็ไม่สามารถใช้ทำอะไรได้อีก

 

แต่ที่จริงแล้วฮาคิสังเกตยังมีอีกสภาวะหนึ่ง ซึ่งเป็นฮาคิสังเกตขั้นสูงสุด

 

ชื่อของมันก็คือ สภาวะรับรู้เสียงของทุกสรรพสิ่ง

 

นี่คือสภาวะขั้นสูงสุดของฮาคิสังเกต กล่าวกันว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงสภาวะนี้ได้ — ราชาโจรสลัด โกล D โรเจอร์

 

สภาวะนี้ทำให้โรเจอร์สามารถสื่อสารกับทุกสรรพสิ่งได้ ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย เช่นเดียวกับโพเนกลีฟ*ที่บันทึกประวัติศาสตร์โลกเมื่อ 800 ปีก่อน และช่วงเวลา100ปีแห่งความว่างเปล่า ซึ่งโรเจอร์ไม่จำเป็นที่จะต้องอ่านข้อความในนั้น แต่เขาก็สามารถรับรู้เนื้อหาได้โดยตรง

 

*(โพเนกลีฟ คือก้อนหินทรงลูกบาสก์ ที่สลักอักษรโบราณ บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับอาวุธโบราณอย่าง พลูตัน และโพไซดอนเอาไว้ โพเนกลีฟอันแรกในมังงะถูกค้นพบโดยโรบินที่อลาบาสต้า และบันทึกเกี่ยวกับอาวุธโบราณ พลูตัน เอาไว้ ส่วนโพเนกลีฟอันที่ 2 ถูกพบที่เกาะแห่งท้องฟ้า ซึ่งบันทึกเกี่ยวกับอาวุธทำลายล้างสูงที่มีชื่อว่าโพไซดอน และที่สำคัญใต้ฐานของโพเนกลีฟยังมีคำที่ถูกสลักเพิ่มเอาไว้ด้วยว่า ‘พวกเราได้พบข้อความแล้ว และจะไล่ล่ามันไปยังสุดขอบฟ้า – โกล D โรเจอร์’ ชิ้นที่ 3 ที่ถูกกล่าวถึงอยู่บนเกาะโอฮาร่า ที่ได้บันทึกข้อความเกี่ยวกับช่วง 100 ปีแห่งความว่างเปล่า แต่ต่อมาเกาะถูกทำลายโดยยุทธการบัสเตอร์คอล และโพเนกลีฟน่าจะจมอยู่ใต้ก้นทะเลลึกเพราะกล่าวกันว่ามันไม่สามารถทำลายได้)

 

ซึ่งสภาวะขั้นสูงสุดของฮาคิสังเกตนั้นไม่ใช่เพียงแค่ทำให้รู้รายละเอียดทั้งหมดของฝ่ายตรงข้าม แต่มันยังมีความสามารถใช้ดูอนาคตได้อีกด้วย

 

สำหรับคนธรรมดาแล้วเป็นเรื่องยากถึงยากที่สุดที่จะสามารถฝึกฝนจนบรรลุถึงขั้นนี้ได้

 

 

เซเฟอร์ค่อนข้างตกใจกับความรวดเร็วในการเติบโตของโรจา

 

ตอนแรกเขาเพียงแค่ให้คำแนะนำโรจา แค่หนึ่งถึงสองอย่าง แต่หลังจากนั้นโรจาก็ไม่ต้องการคำแนะนำใดๆจากเขาอีกเลย!

 

ตอนนี้ เซเฟอร์จ้องมองการเติบโตอย่างรวดเร็วของโรจาด้วยสีหน้าโง่งม

 

ในช่วงแรกๆ โรจาฝึกฝนแค่เพียงไม่กี่วันเขาก็สามารถเรียนรู้ฮาคิสังเกตได้แล้ว และหลังจากนั้นเพียงครึ่งเดือนเขาก็สามารถเรียนรู้ฮาคิเกราะได้ เซเฟอร์ตกใจมากเสียจนไม่รู้ว่าจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้อย่างไรดี

 

ในตอนนี้ เซเฟอร์รู้สึกว่า ถ้าหากโรจาเดินมาบอกเขาว่าสามารถควบคุมฮาคิเกราะและสามารถใช้งานโคกะได้แล้ว เซเฟอร์จะไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย

 

เห็นได้ชัดว่าเซเฟอร์นั้นต้องการที่จะช่วยสอนโรจาฝึกฝนฮาคิ อย่างไรก็ตาม เมื่อโรจาเริ่มฝึกฝน เขากลับแทบจะไม่ต้องสอนอะไรโรจาอีกเลย

 

โรจาฝึกฝนทุกอย่างด้วยตนเองเพียงคนเดียว ที่สำคัญทุกวิธีที่เขาฝึกยังเป็นวิธีที่ถูกต้องอีกด้วย! เซเฟอร์จึงไม่มีความจำเป็นสำหรับเขา

 

แต่ก็นับว่ายังโชคดี

 

ที่การฝึกฝนฮาคินั้นแตกต่างจากการฝึกฝนร่างกาย เพราะมันต้องใช้วิธีฝึกฝนที่หลากหลาย และเนื่องจากโรจาไม่จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำใดๆในการฝึกฝนฮาคิอีกต่อไป เซเฟอร์จึงใช้เวลาว่างมาฝึกฝนโดยการต่อสู้จริงๆกับโรจาแทน

 

และการ์ปก็แวะเวียนมาดูพวกเขาบ้างเป็นบางครั้ง แต่เมื่อเห็นการเติบโตของโรจา เขาก็ค่อนข้างตกใจ อย่างไรก็ตาม เขาดูจะมีความสุขเสียมากกว่า

 

นอกจากนี้ หลังจากที่ได้เห็นเซเฟอร์ทุ่มเทฝึกฝนโรจาอย่างสุดความสามารถ จู่ๆการ์ปก็เกิดความคิดแปลกๆขึ้นในจิตใจว่า ตกลงแล้วโรจาเป็นญาติของเขาหรือของเซเฟอร์กันแน่ ..

 

 

สำหรับฮาคิสังเกตนั้นค่อยๆฝึกฝนไปก็ได้ แต่สำหรับฮาคิเกราะนั้นคงต้องฝึกฝนอย่างหนักเพราะจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่สามารถใช้โคกะได้

 

จนกระทั่งเข้าสู่เดือนที่สอง ในที่สุดโรจาก็สามารถใช้โคกะได้ อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่สามารถควบคุมมันได้โดยสมบูรณ์ และยังมีโอกาสผิดพลาดค่อนข้างสูง

 

ความรวดเร็วในการฝึกฝนของโรจาช่างน่าหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่ง!

 

ในเวลาเพียงแค่สองเดือนเขากลับควบคุมฮาคิเกราะและสามารถบีบอัดมันลงในดาบของเขาได้ ถ้าไม่ใช่เพราะจิตวิญญาณของโรจาที่แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป เขาคงไม่สามารถที่จะฝึกฝนได้ขนาดนี้!

 

ในการใช้โคกะ 10 ครั้ง โรจาทำสำเร็จแค่เพียง 1 – 2 ครั้ง

 

แต่เมื่อฝึกฝนไปเรื่อยๆ โอกาสสำเร็จของเขาก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้น จากสำเร็จแค่ 1 – 2 /10 มันก็ค่อยๆเพิ่มสูงขึ้นกลายเป็น 3 – 4 /10 และ 5 – 6/10 ตามลำดับ

 

จวบจนระยะเวลาได้ล่วงเลยผ่านพ้นไป 2 เดือน ในตอนนี้โรจามีอัตราความสำเร็จได้การบีบอัดฮาคิเข้าไปในดาบถึง 80%!

 

ตูม—!

 

ในสนามฝึกซ้อม โรจาใช้กำปั้นสีดำราวกับหมึก ต่อยแผ่นเหล็กหนาจนทะลุได้อย่างง่ายดาย

 

“ความรุนแรงของกำปั้นที่บีบอัดฮาคิลงไปช่างแตกต่างจากความรุนแรงในตอนที่ปล่อยให้ฮาคิกระจายไปทั่วทั้งตัวจริงๆ”

 

โรจาก้มลงมองกำปั้นสีหมึกของเขาและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

 

ก่อนหน้านี้เขาลองใช้กำปั้นต่อยแผ่นเหล็กในตอนที่ฮาคิเกราะกระจายไปทั่วทั้งตัว แต่กลับพบว่าพลังโจมตีไม่ได้เพิ่มขึ้นมากมายนัก แต่เมื่อใช้โคกะโดยการบีบอัดฮาคิเข้าไปยังกำปั้นเป็นจุดๆเดียว พลังโจมตีของมันกลับเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล!

 

หลังจากที่โรจาใช้โคกะเขาพบว่าพลังโจมตีของมันรุนแรงกว่าฮาคิเกราะที่กระจายไปทั่วตัวถึงสองเท่า!

 

แม้ว่าฮาคิเกราะจะไม่ได้ช่วยเสริมพละกำลัง และความว่องไว แต่มันก็ช่วยเสริมพลังโจมตีและพลังป้องกันได้! ซึ่งสำหรับโรจาแค่นี้มันก็ดีมากพอแล้ว

 

“ลองทดสอบดูดีกว่าว่าถ้าใช้โคกะกับดาบ มันจะรุนแรงขึ้นถึงขนาดไหน …”

 

โรจาชักโฮโนะสึกิออกจากฝัก ก่อนที่เขาจะสูดหายใจลึก แล้วบีบอัดฮาคิให้ไปรวมตัวกันที่ใบดาบ

 

ฟุ้ม–!

 

ใบดาบเริ่มที่จะเปลี่ยนเป็นสีดำหมึก แต่ในตอนนั้นเอง มันกลับสลายหายไป

 

“ล้มเหลวอีกแล้ว? ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่เรื่องการควบคุมฮาคิแต่เป็นเพราะว่าฮาคิของฉันยังแข็งแกร่งไม่มากพอ”

 

โรจาจ้องมองใบดาบของโฮโนะสึกิด้วยสีหน้าครุ่นคิด อย่างไรก็ตาม เขายังคงไม่ยอมแพ้ และเริ่มทดลองอีกครั้ง!

 

ฟุ้ม—!

 

คราวนี้เขาไม่ได้ล้มเหลว ใบดาบสีแดงเพลิงได้แปรเปลี่ยนเป็นสีดำหมึกอย่างรวดเร็ว

 

โรจาตวัดดาบออกไปทันที!

 

วูซ—!

 

แผ่นเหล็กหนาตรงหน้าถูกผ่าครึ่งจนแยกออกเป็นสองส่วนทันที! แม้แต่ตรงรอยผ่าก็ยังเรียบเนียนราวกับมันเป็นเพียงเต้าหู้!

 

หลังจากนั้นโรจาก็ได้ปลดปล่อยเฉือนนภาไปยังแผ่นเหล็กอีกแผ่นหนึ่ง

 

ตูม—!

 

คมดาบสายลมได้ปะทะเข้ากับแผ่นเหล็กจนงอ อย่างไรก็ตามแผ่นเหล็กไม่ได้ถูกสะบั้นจนขาด

 

“ความรุนแรงของเฉือนนภาลดลงเกือบ 2 เท่าจากปกติ? หรือบางทีอาจจะมากกว่านั้น … บางทีอาจเป็นเพราะฉันยังควบคุมฮาคิในระยะไกลได้ไม่ดีพอ”

 

โรจาจ้องมองแผ่นเหล็กที่งองุ้มด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย แต่เมื่อเขาหันมามองแผ่นเหล็กที่ถูกฟันจนขาดครึ่ง เขาก็ยิ้มออกมาด้วยความพอใจ

 

พลังโจมตีของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า!

 

หากว่าเป็นเมื่อหลายเดือนก่อนพลังโจมตีที่เพิ่มขึ้นมาสองเท่านั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สำหรับโรจาในตอนนี้ — พลังโจมตีที่เพิ่มขึ้นมาสองเท่านั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างไม่ต้องสงสัย!

 

อัตราการเติบโตของโรจานั้นช้าลงกว่าแต่ก่อน พละกำลังร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 35เปอร์เซ็นเท่านั้น

 

บนโลกใบนี้ ฮาคิสามารถทำให้ใครก็ตามแข็งแกร่งได้ แม้แต่ผู้กินผลปีศาจก็ต้องการพลังของฮาคิเพราะมันช่วยให้ความแข็งแกร่งของพวกเขาเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

 

แต่โรจานั้นไม่มีความคิดที่จะกินผลปีศาจ ทำไมน่ะหรือ? นั่นก็เพราะ เขานั้นไม่อยากได้พลังแบบกัปตันโรดส์ — เขาจึงไม่อยากไปเสี่ยงดวงกินผลปีศาจที่ไม่รู้จัก!

 

ฮาคินั้นต่างจากผลปีศาจโดยสิ้นเชิงมันเป็นพลังที่ไม่ต้องพึ่งดวงแต่อย่างใด แต่เป็นพลังที่เพิ่มขึ้นได้ด้วยความพยายามของตนเอง!!!