GOS ตอนที่ 58 – หน่วย CP

 

ผลของฮาคิไม่ได้ช่วยเพิ่มแค่เพียงพลังโจมตีและพลังป้องกันเท่านั้น

 

ฮาคิสังเกตยังช่วยให้สามารถรับรู้ถึงการโจมตีต่างๆได้ในขณะที่ฮาคิเกราะสามารถใช้โจมตีผู้ใช้พลังจากผลปีศาจสายโลเกีย ดังนั้นหลังจากที่สามารถใช้ฮาคิเกราะได้ โรจาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลเมื่อเผชิญหน้ากับผู้ใช้พลังจากผลปีศาจสายโลเกียอีกต่อไป เพราะฮาคิเกราะเปรียบดั่งอาวุธที่มีประสิทธิภาพที่สุดที่ใช้ต่อสู้กับพวกเขา!

 

แน่นอนว่าผู้ใช้ผลปีศาจก็สามารถฝึกฝนฮาคิได้เช่นกัน ดังนั้นผลลัพธ์ของการต่อสู้จะขึ้นอยู่กับว่าฮาคิของใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน เพราะฉะนั้นจึงพออนุมานได้ว่าฮาคินั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในโลกวันพีช!

 

ในช่วงสองเดือนแห่งการฝึกฝนฮาคิ ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเป็นพิเศษ ความแข็งแกร่งของโรจาค่อยๆเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และนอกจากนั้นโรจายังสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้ระบบจิตวิญญาณแห่งดาบได้ถึง 2 ครั้ง!

 

หน้าต่างสถานะที่โปร่งแสงได้ปรากฏขึ้นมาทันทีเมื่อโรจาสั่งมันในความคิด

 

ขั้นสาม :จิตวิญญาณดาบแห่งความรอบรู้ +6

 

สถานะ: พลังโจมตี +230, พละกำลัง +70, ว่องไว +70

 

สกิลพิเศษ :  บันโช อิซไซ ไคจิน โตะ นาเสะ จงเผาสรรพสิ่งให้เป็นเถ้าถ่าน — การโจมตีด้วยดาบจะเสริมความเสียหายด้วยไฟ (ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการวิวัฒนาการ)

 

สกิลพิเศษ : เก็ทสึงะ เท็นโช (เขี้ยวจันทรา ทะลวงสวรรค์) — เมื่อใช้สกิลนี้ จะเกิดคลื่นพลังเป็นรูปจันทร์เสี้ยวพุ่งตรงไปยังทิศทางที่ฟาดฟันดาบออกไป

 

สเตมิน่า: 42/180

 

แม้ว่าแต้มคุณสมบัติเสริมจะเพิ่มขึ้น แต่มันก็ไม่ค่อยส่งผลอะไรมากมายนักสำหรับโรจา แต่ที่ส่งผลต่อตัวเขาอย่างเห็นได้ชัดก็คือ สกิลพิเศษ ริวจินจักกะ และเก็ทสึงะ เท็นโช

 

พริบตาเดียวโรจาก็ใกล้ที่จะวิวัฒนาการเป็นขั้นสี่แล้ว และบางทีเขาอาจจะได้สกิลพิเศษเพิ่มขึ้นมาอีกซักสกิลก็เป็นได้

 

นอกจากนี้ เขาก็ควรจะได้รับคุณสมบัติเสริมสีเขียวอีก1คุณสมบัติ และสามารถ ‘สกัด’ มันได้อีก1ครั้ง

 

“ฉันอยากจะรู้จริงๆว่าเมื่อวิวัฒนาการไปเป็นขั้นสี่ ฉันจะสกัดได้สกิลอะไร …”

 

โรจาพูดในใจก่อนที่จะปิดหน้าต่างสถานะและเก็บดาบเข้าไปในฝัก จากนั้นก็บิดขี้เกียจแล้วกล่าวว่า

 

“นี่ก็ผ่านมาสองเดือนแล้วนับตั้งแต่ภารกิจต่อสู้ครั้งล่าสุด …”

 

ภารกิจต่อสู้ของค่ายชั้นยอดนั้นมักจะมีขึ้นในทุกๆสองถึงสามเดือน และตอนนี้ก็เป็นระยะเวลากว่าสองเดือนแล้ว แต่เซเฟอร์ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะเอ่ยถึงภารกิจต่อสู้ครั้งต่อไปเลยแม้แต่น้อย

 

แต่ความจริงแล้ว ไม่มีภารกิจต่อสู้ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้มีเวลาฝึกใช้โคกะ และฝึกเสริมความแข็งแกร่งให้ฮาคิเกราะไปเรื่อยๆ เวลาใช้โคกะจะได้ไม่เกิดความล้มเหลวอีก

 

ณ เวลานี้แโรจายังคงไม่ได้รับข่าวเกี่ยวกับภารกิจต่อสู้ แต่เขาก็ไม่คิดที่จะถามถึงมันเช่นกัน …

 

 

ณ ป้อมปราการยักษ์ชั้น 2

 

ในสนามฝึกขนาดใหญ่เหล่าเล่าบิงต่างกำลังฝึกฝนและพูดคุยกันอยู่

 

“นี่ก็ผ่านมานานเกือบสามเดือนแล้วตั้งแต่ภารกิจต่อสู้ครั้งล่าสุด”

 

“ไม่ใช่ว่าไม่มี แต่ภารกิจในช่วงที่ผ่านมาก็เป็นเพียงภารกิจเล็กๆ ไม่ใช่ภารกิจต่อสู้แบบในตอนที่ไปปราบปรามกัปตันโรดส์ เพราะฉะนั้นจะนับว่าไม่มีก็ไม่แปลก …”

 

เหล่าเล่าบิงหลายคนกำลังนั่งพักพร้อมกับดื่มน้ำและพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องภารกิจต่อสู้ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง

 

ซึ่งโดยปกติแล้วทุกๆสองเดือนค่ายชั้นยอดจะได้รับภารกิจต่อสู้กับโจรสลัด และถึงแม้จะล่าช้าไปบ้างแต่มันก็ไม่เคยเกินสามเดือน แต่ในตอนนี้เวลากลับล่วงเลยเกินสามเดือนไปแล้ว …

 

“พวกนายกำลังพูดถึงภารกิจต่อสู้ครั้งถัดไป?”

 

ไอน์ได้เดินเข้าไปหากลุ่มเล่าบิงที่กำลังพูดคุยกัน ก่อนที่จะกล่าวต่อว่า

 

“ฉันได้ไปถามเซเฟอร์เซนเซย์มาแล้ว ภารกิจต่อสู้อาจจะถูกเลื่อนออกไปอีกหลายเดือน”

 

“อีกหลายเดือน?”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของไอน์เหล่าเล่าบิงต่างก็หันมามองหน้ากันและกัน

 

ถึงแม้จะไม่ใช่ทุกคนที่ชอบภารกิจต่อสู้ แต่พวกเขาก็ยังอดสงสัยไม่ได้ เลยถามออกไปว่า

 

“เหตุผลที่ภารกิจต่อสู้ถูกเลื่อนออกไป … เป็นเพราะว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า?”

 

“ช่วงนี้ฉันก็ไม่ได้ยินว่ามีอะไรสำคัญๆเกิดขึ้นในท้องทะเลเลยนี่นา”

 

ในเวลานี้เล่าบิงที่กำลังฝึกฝนอยู่ก็ได้เข้ามาร่วมการสนทนาในครั้งนี้ด้วย

 

ไอน์กระแอมเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวว่า

 

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ถ้านายอยากรู้เหตุผลก็คงต้องไปถามเซเฟอร์เซนเซย์เองแล้วล่ะ”

 

“แล้วทำไมฉันจะต้องอยากรู้เหตุผลด้วยล่ะ ไม่มีก็ดีสิฉันจะได้นอนพักสบายๆอยู่ที่นี่”

 

เมื่อได้ยินแบบนั้นเล่าบิงบางคนก็หัวเราะออกมา พวกเขานั้นไม่ยินดีที่จะไปทำภารกิจต่อสู้ เพราะมันเป็นอะไรที่กดดันมากๆ และเกี่ยวพันถึงชีวิตและความตาย แม้เมื่อถึงเวลาคับขันเซเฟอร์จะออกมาช่วยพวกเขา แต่ก็แล้วอย่างไรเล่า? หากถูกเซเฟอร์ช่วยก็คงมีแต่ความอัปยศที่รอพวกเขาอยู่

 

ในระหว่างที่เหล่าเล่าบิงกำลังพูดคุยกันอยู่นั้นเอง

 

ทันใดนั้นประตูของสนามฝึกซ้อมก็ถูกเปิดออก โดยคนกลุ่มหนึ่ง

 

จากนั้นพวกเขาก็เดินไปตรงกลางสนามฝึกและไม่แยแสต่อสายตาของฝูงชนที่กำลังจ้องมองมา ก่อนที่คนๆหนึ่งที่น่าจะเป็นหัวหน้าได้กล่าวออกมาอย่างสงบว่า

 

“ในศูนย์ใหญ่มารีนฟอร์ด เล่าบิงคนไหนที่แข็งแกร่งที่สุด?”

 

“นี่แกเป็น …”

 

เหล่าเล่าบิงต่างจ้องมองไปยังกลุ่มคนที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าแปลกๆ เนื่องจากคนกลุ่มนั้นไม่ได้สวมเครื่องแบบของกองทัพเรือ ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกเขาไม่ใช่ทหารเรือ — แต่ที่นี่คือศูนย์บัญชาการใหญ่ การที่พวกเขาสามารถเข้ามาได้ บางทีตัวตนของพวกเขาอาจจะค่อนข้างพิเศษ …

 

คนในกลุ่มนี้มีลักษณะรูปร่างแตกต่างกัน มีทั้งชายและหญิง นอกจากนั้นเสื้อผ้าที่พวกเขาสวมก็ยังไม่เหมือนคนอื่นๆ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นชุดเครื่องแบบ

 

“พวกแกไม่จำเป็นต้องรู้ว่าพวกเราเป็นใคร”

 

หนึ่งในคนที่ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้นำกลุ่มได้กล่าวออกมา พร้อมจ้องมองเหล่าเล่าบิงด้วยสายตาเย็นชา

 

เมื่อเห็นแบบนั้นเหล่าเล่าบิงก็ได้หยุดทุกการกระทำและกรูกันเข้ามาเผชิญหน้าเขา

 

ในตอนนี้ภายในค่ายชั้นยอดมีเล่าบิงอยู่ราวๆ 30 คน ถึงแม้พวกเขาจะมีจำนวนน้อย แต่ก็ยังมากกว่ากลุ่มคนที่พึ่งบุกเข้ามาอยู่หลายเท่านัก

 

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้กลุ่มที่พึ่งบุกเข้ามาจะมีจำนวนน้อยกว่า แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเหล่าเล่าบิง พวกเขากลับไม่ถูกกดดันแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม กลับเป็นพวกเขาเสียมากกว่าที่กำลังกดดันเหล่าเล่าบิง

 

“พวกแกเป็นคนของรัฐบาลโลกอย่างงั้นสินะ?”

 

เล่าบิงคนหนึ่งพูดออกมา

 

แน่นอนว่าเหล่าเล่าบิงต้องรู้อยู่แล้วว่าคนพวกนี้เป็นใคร เพราะพวกเขาสามารถเข้ามาในศูนย์บัญชาการกองทัพเรือได้

 

นอกจากนี้ดูจากชุดเครื่องแบบของพวกเขาก็พอจะคาดเดาได้ว่าเป็นคนของรัฐบาลโลก

 

แน่นอนว่าเหล่าเล่าบิงทายถูก

 

คนพวกนี้เป็นคนของรัฐบาลโลก — หน่วย CP

 

และหัวหน้าของกลุ่มนี้ในอนาคตกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหน่วย CP 9

 

ร็อบ ลุจจิ!!