GOS ตอนที่ 85 – ตัดสินใจขั้นเด็ดขาด

 

ในเวลานี้ ไม่ได้มีเพียงยามาคาจิเท่านั้นที่กล่าวแสดงความเห็นออกมา แต่ยังมีพลเรือโทคนอื่นๆด้วยเช่นกัน

 

“ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีปัญหาเรื่องความแข็งแกร่ง แต่อายุของเขายังน้อยเกินไป การที่จะเหมาะสมกับตำแหน่งพลเรือโทได้นั้น เขาต้องมีประสบการณ์ชีวิตมาแล้วชั่วระยะเวลาหนึ่งก่อน!”

 

“ไม่ เรื่องอายุนั้นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือความแข็งแกร่งต่างหาก! ขอเพียงแข็งแกร่งพอที่จะเผชิญหน้ากับโจรสลัด นั่นก็เพียงพอแล้ว โรจานั้นสามารถเอาชนะโมมอนก้าได้ ดังนั้นเขาจึงเหมาะสมที่จะได้ยศพลเรือโท”

 

เหล่าพลเรือโทต่างแสดงความคิดเห็นแตกต่างกันออกไป

 

การที่จะถูกแต่งตั้งเป็นพลเรือโทได้นั้ ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แม้กระทั่งเซนโงคุก็ยังไม่กล้าที่จะตัดสินใจ

 

ในมังงะ แม้แต่เสือม่วง และ กระทิงเขียวก็ยังได้รับแต่งตั้งเป็นพลเรือเอกผ่านการเกณฑ์ทหารระดับโลก แต่นั้นก็เป็นช่วงเวลาที่ตำแหน่งในกองทัพเรือว่างเป็นจำนวนมาก และต้องการกำลังรบที่แข็งแกร่งมาเติมเต็ม

 

แต่สถานการณ์ปัจจุบันของศูนย์ใหญ่มารีนฟอร์ดในตอนนี้ ยศพลเรือเอกยังคงอยู่ครบ และยศพลเรือโทก็ยังเหลืออยู่ค่อนข้างมาก

 

“ตั้งแต่ที่เขาทำลายสถิติ และอยู่ในเกณฑ์สมบูรณ์แบบทั้ง 3 ด่าน บางทีก็ควรที่จะมอบโอกาสให้เขา”

 

เซเฟอร์ที่ยืนอยู่ข้างๆกล่าวออกมาอย่างฉับพลัน

 

คำพูดของเซเฟอร์ค่อนข้างที่จะมีน้ำหนักมากกว่าของเหล่าพลเรือโทคนอื่นๆ และนั่นทำให้สมดุลที่ถ่วงอยู่ภายใจจิตใจของเซนโงคุเริ่มที่จะเอนเอียง

 

ส่วนการ์ป แม้ว่าเขาจะไม่ได้กล่าวอะไรออกมา แต่เซนโงคุย่อมรู้ดีว่าการ์ปต้องการให้ญาติของเขาได้ยศสำคัญๆในกองทัพ

 

เมื่อพิจารณาจากความต้องการของเซเฟอร์และการ์ป ในที่สุดเซนโงคุก็ค่อยๆตัดสินใจได้

 

ในเวลานั้นเอง

 

อีกด้านหนึ่งของเซนโงคุได้มีเสียงที่ทุ้มต่ำดังขึ้น

 

“ฉันไม่เห็นด้วย”

 

เสียงๆนั้นคือเสียงของคนที่ไม่ได้กล่าวอะไรออกมาเลยนับตั้งแต่เริ่มจนจบการประเมินการด่าน 3 — พลเรือเอกอาคาอินุ!

 

อาคาอินุกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและจ้องมองไปยังโรจาที่อยู่ไกลออกไป ก่อนที่จะกล่าวกับเซนโงคุว่า

 

“ยศพลเรือโทไม่ได้มีไว้ให้เด็กน้อยครอบครอง .. จอมพลเรือเซนโงคุ คุณยังคงไม่ได้ลืมเรื่องของดราก้อนใช่ไหม?”

 

เมื่อได้ยินคำกล่าวของอาคาอินุที่เอ่ยถึงดราก้อน

 

บรรยากาศโดยรอบก็พลันเปลี่ยนเป็นหนักอึ้ง เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่หัวข้อที่ควรจะกล่าวถึง เวลานี้รอยยิ้มได้หายไปจากใบหน้าของการ์ปเรียบร้อยแล้ว และสีหน้าของการ์ปก็หม่นลงเล็กน้อย

 

มังกี้ D ดราก้อน

 

เขาเป็นลูกชายของการ์ป และเป็นลูกพี่ลูกน้องของโรจา ซึ่งปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้ากองกำลังปฏิวัติที่ต้องการโค่นล้มรัฐบาลโลกที่ก่อตั้งมาแล้วถึง 800 ปี! นอกจากนี้ยังเป็นอาชญกรอันดับหนึ่งที่รัฐบาลโลกต้องการตัวมากที่สุดอีกด้วย!

 

เนื่องจากการ์ปเป็นวีรบุรุษของกองทัพเรือ และมันอาจจะส่งผลร้ายอย่างมากตามมา ทางรัฐบาลโลกจึงออกคำสั่งอย่างเข้มงวดว่าไม่ให้เปิดเผยข้อมูลนี้ออกไปว่าดราก้อนนั้นเป็นลูกของการ์ป และมีเพียงเซนโงคุและเจ้าหน้าที่อาวุโสที่มีคุณสมบัติเพียงพอเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ แต่โรจาก็รู้เรื่องนี้เช่นกันเนื่องจากเขาเป็นญาติของการ์ป

 

แต่การที่อาคาอินุจะคิดเช่นนั้นก็ไม่แปลก กรณีของโรจานั้นคล้ายคลึงกับกรณีของเอสที่เป็นลูกของ โกล D โรเจอร์ พวกเขานั้นเกี่ยวข้องกันอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นเอสจึงถูกหมายหัวว่าเป็นอาชญากรตั้งแต่เด็กๆ ส่วนโรจาก็เช่นกัน

 

เซนโงคุจมลงสู่ความเงียบ

 

เมื่อเหล่าพลเรือโทเห็นฉากนี้ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองการ์ปและอาคาอินุ ก่อนที่จะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ถ้าหากทั้งสองคนนี้ทะเลาะกันจนเกิดการต่อสู้ขึ้น พวกเขาจะไม่ขอผสมโรงหรืออยู่ใกล้ๆบริเวณนั้นแน่ๆ

 

“ถ้าเป็นในกรณีนี้ .. ฉันขอมอบยศพลเรือตรีให้แก่โรจา”

 

เซนโงคุครุ่นคิดอยู่นาน จนในที่สุดก็ได้คำตอบ เขาไม่ได้ลดยศของโรจาให้เท่ากับเล่าบิงที่ขอจบการศึกษาคนอื่นๆ แต่ก็ไม่ได้ให้ยศที่สูงเกินไปตามที่อาคาอินุขอเช่นกัน — นี่นับว่าเป็นกลางที่สุดแล้ว!

 

“พลเรือตรี?”

 

เมื่ออาคาอินุได้ยินสิ่งที่เซนโงคุตัดสินใจ คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันทันที ในมุมมองของเขา โรจาปัจจัยเสี่ยงมากมายที่ยังไม่แน่นอน หากเขาได้ยศในกองทัพเรือสูงเกินไป และเกิดข้อผิดพลาดขึ้น มันก็อาจจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อชื่อเสียงของกองทัพเรือ พร้อมกับผลกระทบอันใหญ่ยิ่งตามมา

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรจาที่เป็นถึงญาติของวีรบุรุษของกองทัพเรืออย่างการ์ป การกระทำของพวกเขานั้นจะส่งผลโดยตรงต่อชื่อเสียงและขวัญกำลังใจของกองทัพเรือ

 

“จอมพลเรือเซนโงคุ โรจานั้นยังมีอีกหลายปัจจัยเสี่ยงที่ยังไม่แน่นอน ..”

 

“พอซักที ซากาซุกิ!!”

 

การ์ปจ้องมองอาคาอินุด้วยสีหน้าเย็นเยียบ

 

ชื่อจริงของอาคาอินุนั้นคือ ซากาสุกิ อาคาอินุเป็นเพียงฉายาของเขาในกองทัพเรือ เช่นเดียวกับอาโอคิยิ ชื่อจริงของเขาก็คือคุซาน ส่วนคิซารุนั้นมีชื่อจริงว่าโบซาริโน่ แต่เหล่าทหารเรืออาวุโสของกองทัพมักจะเรียกพวกเขาด้วยชื่อจริงๆ

 

อาคาอินุที่ถูกการ์ปตะคอกใส่ คำพูดของเขาก็หยุดลงชั่วคราว ก่อนที่จะหันไปมองการ์ปด้วยท่าทีไม่แยแส ถึงแม้ว่าการ์ปจะเป็นวีรบุรุษของกองทัพเรือ แต่เขาก็เป็นคนห่ามและบางครั้งก็มักจะละเลยคำสั่งจากทางรัฐบาลโลก ซึ่งอาคาอินุไม่ชอบตรงจุดนี้ของการ์ปมากๆ

 

ยิ่งไปกว่านั้นลูกชายของการ์ป ดราก้อนก็ยังหนีไปเข้าร่วมกับกองทัพปฏิวัติ และกลายเป็นอาชญากรอันดับ 1 ของโลกอีก นี่มันเป็นเรื่องน่าขันมากๆสำหรับคนที่ได้รับฉายาวีรบุรุษแห่งกองทัพเรือ!

 

ในเวลานี้การ์ปรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก

 

อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่มีอะไรจะแก้ตัวกับสิ่งที่ดราก้อนได้ทำ และยอมรับว่ามันกลายเป็นรอยด่างพล้อยในอาชีพทหารเรือของเขาที่ไม่อาจจะลบล้างได้

 

ส่วนอาโอคิยิและคิซารุไม่ได้กล่าวอะไรออกมา แม้แต่เซเฟอร์ก็ยังทำได้เพียงขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมาเช่นกัน ส่วนเซนโงคุที่กำลังถูกการ์ปและอาคาอินุจ้องมองเป็นสายตาเดียวก็เริ่มมีอาการปวดหัว

 

แต่ในเวลานั้นเอง ได้มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้น

 

เสียงๆนั้นคือเสียงของโรจา

 

ไม่รู้ว่าโรจาเข้ามาใกล้ๆพวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เมื่อเขามองไปที่กำปั้นของการ์ปที่กำแน่นพร้อมกับมองไปที่อาคาอินุแต่ไม่ได้กล่าวอะไรออกไป โรจาก็พอจะจับใจความสำคัญได้และหัวเราะออกมา

 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

 

เสียงหัวเราะที่ฟังแล้วระคายหูนี้ ทำให้ทุกคนเกิดความรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก

 

สายตาของคนทั้งหมดในสนามจ้องมองไปยังร่างของโรจา ก่อนที่บรรยากาศอันหนักอึ้งจะพังทลายลงด้วยเสียงหัวเราะของเขา จนกลายเป็นบรรยากาศแปลกๆ ที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้

 

“หืม?”

 

อาคาอินุจ้องมองไปยังโรจา คิ้วของเขากระตุกเล็กน้อยสัญชาตญาณของเขาบอกว่าเสียงหัวเราะนี้ไม่ได้มาดี ดวงตาของอาคาอินุสาดประกายเย็นเยียบและกำลังจะกล่าวอะไรบางอย่างออกไป

 

แต่ในเวลานี้ร่างของโรจาก็หันหลังกลับและเดินจากไป โรจาไม่ได้กล่าวอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบแต่ดูเหมือนว่าคำพูดทั้งหมดที่เขาต้องการจะกล่าวนั้นอยู่ภายในเสียงหัวเราะทั้งหมดแล้ว

 

สำหรับโรจา

 

ดราก้อนก็คือดราก้อน เขาก็คือเขา ไม่ว่าจะเป็นกองทัพเรือ โจรสลัด หรือแม้แต่กองทัพปฏิวัติ สามกองกำลังนี้จะเป็นยังไง มันก็ไม่เกี่ยวกับเขา โรจาไม่เคยใส่ใจเรื่องยศของเขาอยู่แล้ว เพราะยศหรือตำแหน่งนั้นขึ้นขึ้นอยู่กับใจของเขา หากใจเขาสั่งให้ทำอะไร โรจาก็จะทำสิ่งที่ใจของเขาต้องการโดยไม่สนว่าในเวลานั้นเขาจะมียศสูงหรือต่ำแค่ไหนก็ตาม

 

แต่

 

คำพูดของอาคาอินุได้เปลี่ยนความคิดของโรจา

 

ตั้งแต่ที่ดวงตาทั้งคู่ของอาคาอินุจ้องมองเขาราวกับว่าเขาต้องการจะทรยศต่อกองทัพเรือ และขัดขาโรจาไม่ให้เดินได้สะดวก ดังนั้นโรจาจึงต้องการขัดขาอาคาอินุบ้างโดยการขึ้นเป็นพลเรือเอกแทนที่เขา!

 

ในระบบของศูนย์ใหญ่มารีนฟอร์ด

 

มีอยู่สองวิธีเท่านั้นที่จะได้ขึ้นเป็นพลเรือเอกได้

 

วิธีแรกคือได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลโลกในตอนที่ตำแหน่งนี้ยังว่างอยู่

 

วิธีที่สอง .. มีแต้มคุณูปการ 200000 แต้ม จากนั้นก็เลือกพลเรือเอกหนึ่งคนท้าประลอง และเมื่อสามารถเอาชนะได้ ก็จะสามารถแทนที่ตำแหน่งของเขา!

 

ในมังงะ อาโอคิยิและอาคาอินุนั้นประลองกันเพื่อแย่งตำแหน่งจอมพลเรือ โดยใช้วิธีการต่อสู้กันตัวต่อตัว ซึ่งการที่จะเป็นจอมพลเรือนั้นก็ต้องใช้วิธีการนี้เช่นเดียวกัน เพียงแต่จำนวนครั้งที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นในประวัติศาสตร์นับว่าหายากมาก

 

ถ้าหากพลเรือเอกที่ถูกท้าสู้ได้รับความพ่ายแพ้ และตำแหน่ง(ยศ)ของพวกเขาได้ถูกแทนที่ อดีตพลเรือเอกจะถูกส่งไปยังแผนกที่ปรึกษาของกองทัพ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่คล้ายคึงกับตำแหน่งเดิมของเขาแต่มีอำนาจน้อยลงเป็นอย่างมาก หรือเลือกที่จะเกษียณตัวเองเลยก็ได้

 

“ฉันอยากจะรู้จริงๆ ว่าแกจะนั่งอยู่ในตำแหน่งพลเรือเอกได้อีกนานแค่ไหนกัน อาคาอินุ …”

 

โรจายิ้มออกมา โดยที่ไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไป พร้อมกับเดินหายไปจนสุดสายตา

 

 

หลังจากที่โรจาเดินหายลับไป

 

“ยศที่โรจาได้รับคือพลเรือตรี และจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งสิ้น!”

 

เซนโงคุจ้องมองไปยังแผ่นหลังของโรจาที่เดินจากไป ก่อนที่จะสูดหายใจลึกแล้วหันไปมองการ์ปและอาคาอินุ แล้วเดินจากไปเช่นกัน

 

คิ้วของอาคาอินุขมวดเข้าหากัน แม้ว่าเขาจะยังคงไม่พอใจอยู่บ้าง แต่คำพูดของเซนโงคุก็ค่อนข้างเด็ดขาด ดังนั้นเขาจึงไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีก

 

สำหรับทัศนคติที่โรจาแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการที่จะเป็นมิตรกับเขา

 

อาคาอินุไม่ได้ใส่ใจกับมันเลย

 

ถึงแม้พรสวรรค์ของโรจาจะสูงส่งและดูเหมือนว่าเขาจะมีประสิทธิภาพมากกว่าพลเรือเอกอย่างอาคาอินุ แต่ก็ยังนับว่ายังห่างไกลถึงจะเติบโตขึ้นมาจนถึงระดับนี้ และที่สำคัญวิชาดาบที่ทรงพลังของโรจานั้นคือเปลวเพลิง!

 

ในมุมมองของอาคาอินุ ถึงแม้เปลวเพลิงของโรจาจะค่อนข้างแปลกเมื่อเทียบกับแม็กม่าของเขา แต่มันก็ไม่น่าจะเป็นภัยคุกคามใดๆต่อตัวเขา สิ่งเดียวที่อาคาอินุกังวลว่ามันจะคุกคามเขาได้จริงๆก็คือวิชาดาบของโรจา

 

แต่

 

เขานั้นเป็นถึงพลเรือเอกซึ่งมีพลังอำนาจในการต่อสู้สูงที่สุดในกองทัพเรือ!

 

เขานั้นรู้ดีถึงความแข็งแกร่งของตัวเอง และเชื่อมั่นในตัวเองเป็นอย่างมาก ต่อให้วิชาดาบของโรจากล้าแกร่งไปจนอยู่ในระดับเดียวกับนักดาบที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอย่างมิฮอว์คตาเหยี่ยว แล้วจะอย่างไรเล่า?

 

การที่จะโค่นเขานั้นไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้ง่ายๆ ไม่อย่างนั้นเขาจะได้กลายมาเป็นพลเรือเอกได้อย่างไร?