GOS ตอนที่ 63 – มีศักยภาพมากพอที่จะได้เป็นพลเรือเอก!

 

“รันเฮียคุ โซล คามิเอะ ชิกัน … ดูเหมือนว่านายจะชำนาญหกวิชาโรคุชิกิจริงๆ”

 

โรจายืนอยู่ตรงข้ามกับลุจจิขณะที่ยังคงกำโฮโนะสึกิด้วยมือทั้งสองข้าง และกำลังจ้องมองไปยังลุจจิด้วยท่าทีดูถูก

 

ซึ่งเป็นท่าทีเดียวกันกับที่ลุจจิทำกับเหล่าเล่าบิงในค่ายชั้นยอด แต่คราวนี้โรจากลับทำท่าทีแบบนั้นใส่เขาแทน

 

“เฉือนนภาของแกแข็งแกร่งมาก … แต่ถ้าอยากให้ฉันกลืนคำพูดกลับลงไป แค่นี้ยังคงไม่เพียงพอ!!”

 

ลุจจิจ้องมองไปยังโรจาอย่างสงบ พริบตาเดียวร่างของเขาก็กลายเป็นภาพเบลอแล้วปรี่เข้าโจมตีโรจาด้วยพละกำลังและความว่องไวที่รวดเร็วและรุนแรงกว่าเดิม ราวกับพายุคลั่ง!

 

ในแง่พละกำลังร่างกาย ลุจจินั้นแข็งแกร่งกว่าโรจา  ไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่วิชาโซลเขาก็ยังชำนาญกว่าซึ่งนั่นทำให้ในเรื่องความว่องไว ลุจจิก็เหนือกว่าโรจาเช่น

 

แต่

 

แม้ว่าลุจจิจะรวดเร็วสักแค่ไหน แต่เขากลับไม่สามารถสัมผัสตัวของโรจาได้เลยแม้แต่นิดเดียว!

 

แถมหลายๆครั้ง ที่เขาพุ่งเข้าโจมตี กลับกลายเป็นถูกคมดาบของโรจาโจมตีเข้าซะเอง ที่สำคัญเขายังไม่สามารถหลบคมดาบของโรจาได้อีกด้วย!

 

ฉัวะ–!

 

เฉือนนภาของโรจาได้พุ่งผ่านไหล่ของลุจจิไป พร้อมกับเลือดที่สาดกระจายไปทั่ว

 

วิซ วิซ วิซ—!

 

เหล่าเล่าบิงในค่ายชั้นยอด ไม่สามารถเห็นรายละเอียดการต่อสู้ระหว่างโรจากับลุจจิได้ พวกเขาเห็นเพียงแค่ร่างของลุจจิที่กลายเป็นภาพเบลออยู่รอบๆตัวของโรจา และกำลังโจมตีอย่างต่อเนื่อง

 

เมื่อเห็นเลือดสาดกระจายออกมา ทุกคนในค่ายชั้นยอดต่างก็คิดว่าโรจาได้รับบาดเจ็บ!

 

จนกระทั่งลุจจิกระเด็นถอยหลังกลับไป แล้วหยุดการโจมตีแบบคอมโบของเขา ทุกคนจึงเห็นว่าแท้จริงแล้วคนที่ได้รับบาดเจ็บไม่ใช่โรจา แต่เป็นลุจจิ!

 

ส่วนทางด้านโรจา เขานั้นไม่มีแผลเลยแม้แต่แผลเดียว และยังคงยืนถือโฮโนะสึกิอยู่ในมืออย่างสงบ

 

ผลการต่อสู้ระหว่างทั้งสองได้ถูกตัดสินออกมาแล้ว!

 

“ตอนนี้นายจะกลืนคำพูดที่ดูถูกเหล่าเล่าบิงกลับลงไปได้รึยัง?”

 

โรจาไม่ได้ไล่ตามลุจจิไป เขายังคงยืนอยู่ที่เดิมขณะที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย — ว่องไวนักแล้วอย่างไรเล่า? สุดท้ายก็ต้องจบลงภายใต้คมดาบของเขา!

 

การต่อสู้กันระหว่างทั้งสองนั้นรวดเร็วเกินไป จนเหล่าเล่าบิงไม่สามารถมองเห็นรายละเอียดได้ทัน แต่เซนโงคุ การ์ปและคนอื่นๆสามารถมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน!

 

ฮาคิสังเกต!!

 

ภายใต้ฮาคิสังเกต โรจาสามารถรับรู้ได้ถึงทุกๆการเคลื่อนไหวของลุจจิ เขาจึงสามารถหาทางหลบหลีกและโจมตีสวนกลับไปได้อย่างง่ายดาย

 

แล้วแบบนี้แล้วลุจจิจะไปเอาชนะโรจาได้อย่างไร?

 

แน่นอนว่าลุจจินั้นรู้ว่าโรจานั้นมีฮาคิสังเกต เขาจึงได้ใช้คามิเอะ เพื่อให้ร่างกายยืดหยุ่นและขยับไปมาจนไม่สามารถใช้ฮาคิสังเกตคาดเดาการกระทำล่วงหน้าของเขาได้ อย่างไรก็ตาม คามิเอะที่เป็นหนึ่งในหกวิชาโรคุชิกิ เมื่อเผชิญหน้ากับฮาคิสังเกตของโรจา ดูเหมือนว่ามันจะไม่เพียงพอ!

 

“ไม่น่าเชื่อจริงๆ นั่นคือฮาคิสังเกต … เพียงแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ เขากลับฝึกฝนจนสามารถใช้ฮาคิได้?”

 

คิซารุจ้องมองไปยังโรจา ในขณะที่สีหน้าของเขายังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

 

‘ยังไม่ทันได้จบการศึกษา แต่โรจาก็สามารถใช้ฮาคิได้แล้ว?’

 

และ

 

ไม่ใช่แค่เพียงฮาคิสังเกต!

 

แต่ทุกๆการโจมตีของโรจายังแฝงไปด้วยความแข็งแกร่งของฮาคิเกราะ!

 

ถึงแม้โรจาจะไม่ใช้โคกะบีบอัดฮาคิเข้าไปในอาวุธของเขาก็ตาม แต่คิซารุและคนอื่นๆนั้นเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในมารีนฟอร์ด! พวกเขาสามารถเห็นรายละเอียดการต่อสู้ได้อย่างชัดเจน!

 

“ญาติของการ์ปช่างโดดเด่นจริงๆ”

 

แม้แต่จอมพลเรืออย่างเซนโงคุก็ยังเผยให้เห็นถึงความตกตะลึง!

 

ท่าทีของโรจายังคงดูผ่อนคลาย หากใครจ้องมองไปยังใบหน้าของเขาในเวลานี้แล้วสังเกตดีๆ พวกเขาจะเห็นราวกับว่าบนใบหน้าของโรจามี ตัวหนังสือแปะอยู่เป็นคำว่า

 

‘ฉันยังไม่ได้เอาจริงเลยด้วยซ้ำ’

 

จากมุมมองทหารเรืออาวุโสในตอนนี้ ความแข็งแกร่งของโรจาน่าจะไม่ต่ำกว่ายศพลเรือตรี! และหากเขาเอาจริงและใช้พลังทั้งหมดที่มี บางทีเขาอาจจะแข็งแกร่งจนใกล้เคียงกับระดับยศพลเรือโท! ซึ่งคนที่มีความสามารถแบบนั้นในอดีต — ปัจจุบันมีแค่เพียง อาโอคิยิ คิซารุ และอาคาอินุ เท่านั้น!

 

หรือในอีกความหมายนึงก็คือ โรจามีศักยภาพมากพอที่จะได้เป็นพลเรือเอก!!

 

เมื่อความคิดนี้ปรากฏขึ้นมา ดวงตาของเซนโงคุก็เต็มไปด้วยประกายแห่งความตื่นเต้น!

 

กองทัพเรือนั้นไม่ได้เจอทหารเรือฝึกหัดที่โดดเด่นแบบนี้มาหลายสิบปีแล้ว จนในช่วงที่ผ่านมาความแข็งแกร่งของกองทัพเรือก็ค่อยๆเสื่อมโทรมลง!

 

และถ้าหากยังไม่เจอทหารเรือฝึกหัดที่โดดเด่น พวกเขาก็คงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเกณฑ์คนจากทั่วโลกเพื่อมาเสริมความแข็งแกร่งให้กับกองทัพ

 

แต่ในสถานการณ์อันเลวร้าย โรจาก็ได้ปรากฏตัวขึ้น! เมื่อพบทหารเรือฝึกหัดที่แสนจะโดดเด่น มันก็ทำให้หัวใจของเซนโงคุเต็มไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้น!

 

ส่วนทางด้านเจ้าหน้าที่รัฐบาลโลกต่างก็จ้องมองภาพตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ

 

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่คาดคิดว่าโรจาจะสามารถกำราบลุจจิได้อย่างง่ายดายแบบนี้ และดูเหมือนว่าพลังของลุจจิใน‘ร่าง’นี้จะแข็งแกร่งไม่เพียงพอที่จะเผชิญหน้ากับโรจา

 

ศูนย์ใหญ่มารีนฟอร์ดมีทหารเรือฝึกหัดที่แข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

 

ถ้าหากว่ารูปร่างลักษณะของโรจาไม่ได้เป็นเพียงเด็กหนุ่ม พวกเขาก็คงคิดว่าโรจานั้นเป็นทหารเรืออาวุโสคนหนึ่ง ที่ปลอมตัวเข้ามาต่อสู้แน่ๆ!

 

“ลุจจิ! ไม่ต้องออมมืออีกต่อไป! ฉันอนุญาติให้ใช้พลังจากผลปีศาจได้!!”

 

ผู้อาวุโสหน่วยCP คนหนึ่งเมื่อเห็นภาพนี้ เขาก็จมลงสู่ห้วงความคิด ก่อนที่จะหันไปสั่งลุจจิด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

 

ทางด้านลุจจิ เขากำลังจ้องมองไปยังบาดแผลบริเวณไหล่ซึ่งเกิดจากฝีมือของโรจา ก่อนที่จะเหลือบไปมองโรจาอีกครั้ง พร้อมกับประกายตาที่หวาดกลัวได้แปรเปลี่ยเป็นดุดันอย่างรวดเร็ว! ทันใดนั้นร่างทั้งร่างของลุจจิก็แปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ตามบริเวณผิวหนังของเขาเปลี่ยนไปเป็นสีเหลืองและเต็มไปด้วยลายจุด!

 

ผลปีศาจสายโซออน — ผลเนโกะ เนโกะ รูปแบบเสือดาว!

 

“ในที่สุดก็งัดพลังจากผลปีศาจออกมาใช้”

 

โรจาจ้องมองไปยังรูปลักษ์ที่เปลี่ยนไปของลุจจิโดยไม่มีท่าทีแปลกใจแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม ใบหน้าของเขายังเผยให้เห็นถึงความสนอกสนใจ

 

ในตอนที่เขาอ่านวันพีช นั่นก็เป็นระยะเวลาอีกกว่าสิบปีข้างหน้า ลูฟี่ถึงจะได้เจอกับลุจจิ ดังนั้น โรจาจึงไม่แน่ใจว่าในเวลานี้ ลุจจิได้กินผลปีศาจเข้าไปรึยัง

 

แต่ดูเหมือนว่าเขาจะกินเข้าไปแล้ว

 

“นี่เขาแอบซ่อนพลังจากผลปีศาจเอาไว้?”

 

คิ้วของเซเฟอร์ อาโอคิยิและคนอื่นๆเริ่มขมวดเข้าหากัน

 

เดิมทีโรจาเกือบจะสามารถกำราบลุจจิได้โดยสมบูรณ์ แต่ในตอนนี้ลุจจิได้ใช้พลังจากผลปีศาจ ซึ่งผลของมันจะช่วยให้มีขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้นและคล่องตัวขึ้น … ที่สำคัญพละกำลังและความว่องไวจะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

 

อีกด้านหนึ่งเจ้าหน้าที่อาวุโสหน่วย CP ก็หันไปยิ้มให้กับเซเฟอร์ แล้วกล่าวว่า

 

“โอ้ … ดูเหมือนว่าฉันจะลืมบอกไปว่าลุจจินั้นเป็นผู้ใช้พลังจากผลปีศาจ”

 

วิซ—!

 

หลังจากที่ลุจจิได้กลายร่างเป็นกึ่งมนุษย์ ร่างกายเขาก็คล่องตัวมากขึ้น พละกำลังและความว่องไวก็เขาก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ถึงแม้ว่าพลังจากผลปีศาจของลุจจิจะไม่โดดเด่นเท่ากับพลังจากผลปีศาจสายโซออนรูปแบบสัตว์โบราณของเดรค — แต่มันก็ช่วยให้เขาแข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมาก!

 

วิซ วิซ วิซ—!

 

ร่างทั้งสองพุ่งเข้าปะทะกันอีกครั้ง

 

เวลานี้โรจาไม่ได้ ได้เปรียบลุจจิอีกต่อไปแล้ว ลุจจิสามารถหลบหลีกการโจมตีของโรจาได้พร้อมทั้งโจมตีสวนกลับไปอย่างต่อเนื่อง

 

ภายใต้การโจมตีอย่างรุนแรงราวกับพายุของลุจจิ โรจาค่อยๆถูกกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ

 

“ถ้าในกรณีแบบนี้ …”

 

โรจาจ้องมองไปยังการโจมตีของลุจจิที่เริ่มจะรุนแรง และรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่จะกระชับโฮโนะสึกิในมือแล้วส่ายหัวออกมาเล็กน้อย ทันใดนั้นภายในดวงตาของเขาก็พลันลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงระยิบระยับ

 

ตูม—!

 

เปลวเพลิงได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากใบดาบของโฮโนะสึกิ ก่อนที่มันจะกวาดกระจายออกไปทั่ว ล้อมรอบตัวโรจาในรัศมี 10 เมตร!

 

“กำแพงเพลิง!”

 

จู่ๆเปลวเพลิงก็ปรากฏขึ้นมาอย่างกระทันหัน และลุจจิไม่สามารถตอบสนองได้ทัน เขาจึงถูกห้อมล้อมไปด้วยเปลวเพลิง ก่อนที่จะถูกมันกลืนกินเข้าไป

 

วิซ—!

 

ลุจจิรีบพุ่งออกมาจากเปลวเพลิง ก่อนที่จะกลิ้งไปบนพื้นเพื่อดับสะเก็ดไฟที่ติดตามเสื้อและผิวหนังของเขา และเมื่อสะเก็ดไฟส่วนใหญ่ได้ถูกดับลงแล้วเขาก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง

 

ถึงกระนั้นร่างกายของส่วนของเขาก็ยังเป็นจุดดำๆเนื่องจากถูกเผาไหม้!

 

“นี่คือเจตนารมณ์แห่งอัคคีอย่างงั้นสินะ?”

 

หลังจากที่ลุจจิดับไฟบนเสื้อผ้าของเขา เขาก็หันไปมองสนามฝึกรอบๆที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยเปลวเพลิง และท่ามกลางเปลวเพลิงก็ได้มีโรจายืนอยู่ ซึ่งภาพในตอนนี้ของโรจาดูราวกับเป็นจักรพรรดิแห่งเพลิง!

 

ลุจจินั้นค่อนข้างแปลกใจกับสิ่งที่เขาเห็น

 

ในขณะเดียวกันทุกคนที่มาจากรัฐบาลโลกต่างก็ตกใจเช่นกัน

 

“นั่นคือพลังจากผลเมระ เมระ สายโลเกีย?”

 

“ไม่ ไม่ นี่ไม่น่าจะใช่พลังจากผลปีศาจ … เปลวเพลิงนี้ถูกปลดปล่อยออกมาจากดาบ บางทีมันอาจจะเป็นหนึ่งในเจตนารมณ์แห่งดาบ — เจตนารมณ์อัคคี!”

 

“นั่นเป็นไปไม่ได้! เปลวเพลิงอันน่าสยดสยองนี่จะเป็นเจตนารมณ์แห่งดาบไปได้ยังไง!”

 

เมื่อจ้องมองไปยังกำแพงเพลิงตรงหน้า เจ้าหน้าที่รัฐบาลโลกก็อดไม่ได้ที่จะเผยให้เห็นถึงความตกใจ

 

ในความเป็นจริง

 

จวบจนถึงตอนนี้เปลวเพลิงของโรจาก็ยังถูกการ์ปและเซเฟอร์เข้าใจว่าเป็นเจตนารมณ์แห่งดาบ …

 

เปลวเพลิงนี่ใช่เจตนารมณ์แห่งดาบจริงๆงั้นหรอ? ไม่มีทางเป็นไปได้! เปลวเพลิงจากเจตนารมณ์แห่งดาบไม่มีทางที่จะรุนแรงพอๆกับพลังจากผลปีศาจสายโลเกีย!!

 

“นะ … นี่มันจะน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว”

 

คิซารุจ้องมองสนามฝึกที่ลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิงด้วยความประหลาดใจ  ถึงแม้น้ำเสียงของเขาจะฟังดูเกินจริงไปบ้าง แต่มันก็เป็นคำพูดที่ออกมาจากจิตใจของเขาจริงๆ

 

หากโรจาเป็นผู้ใช้พลังจากผลปีศาจ เมระ เมระ คิซารุจะไม่แปลกใจเลย แต่เขาสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเปลวเพลิงนี่ไม่ใช่เปลวเพลิงจากผลปีศาจ แต่ก็ไม่น่าจะใช่เปลวเพลิงจากเจตนารมณ์แห่งดาบเช่นกัน … นี่มันบ้าอะไรกัน! เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ!

 

เขานั้นเป็นถึงพลเรือเอก! แต่ตอนนี้เขากลับไม่เข้าใจถึงที่มาของพลังเปลวเพลิงอันรุนแรงตรงหน้า!?

 

นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน!

 

ท่าทีของเซนโงคุและอาโอคิยิก็แทบจะไม่แตกต่างจากคิซารุ พวกเขานั้นจ้องมองไปยังกำแพงเพลิงด้วยความรู้สึกหลากหลาย

 

ฟุ้ม—!

 

กำแพงเพลิงที่ลุกไหม้ ค่อยๆมอดดับลงอย่างช้าๆ เผยให้เห็นถึงร่างของโรจาที่ไม่ได้ถูกแผดเผาแม้แต่น้อย

 

โรจายังคงยืนอยู่ตรงกลางสนามฝึกท่ามกลางกำแพงเพลิงที่กำลังมอดดับลง — เขาไม่ได้สนใจท่าทีของคิซารุ อาโอคิยิ และเซนโงคุ ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจแม้แต่น้อย

 

ในจิตใจของโรจานั้นเข้าใจดี

 

ว่า ถึงแม้ในช่วงแรกๆเปลวเพลิงของเขาจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเจตนารมณ์แห่งอัคคี แต่เมื่อมันแข็งแกร่งขึ้น และแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเมื่อเขาสามารถปลดปล่อยริวจินจักกะออกมาได้ ทุกคนก็จะเข้าใจเองว่าเปลวเพลิงของเขาไม่ใช่เจตนารมณแห่งอัคคี!

 

แต่ ..เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะอธิบายกับทุกคนว่าอย่างไรดี?

 

เนื่องจากสถานะของเขานั้นคือญาติของการ์ป แล้วโรจาจะต้องอธิบายว่าอย่างไรดี? จะให้อธิบายว่าเขานั้นได้รับสืบทอดเปลวเพลิงมาจากการ์ป? นั่นย่อมไม่ได้อย่างแน่นอนเพราะการ์ปไม่ใช่ผู้ใช้เปลวเพลิง ทุกๆคนจะต้องถามว่าเขาได้รับพลังนี้มาจากที่ไหน? และถ้าหากโรจาบอกไปว่า ได้รับมาจากต่างโลกน่ะสิ เขาก็คงถูกทุบตีแล้วถูกโยนจับเข้าทดลองแน่ๆ

 

แต่หลังจากที่เขาวิวัฒนาการเป็นขั้นห้าและสามารถปลดปล่อยริวจินจักกะได้ ก็คงไม่มีอะไรต้องหวาดกลัวอีก

 

ในโลกใบนี้ — ผู้แข็งแกร่งจะได้รับความเคารพนับถือ ถึงเวลานั้นเขาก็แค่แข็งแกร่งกว่าทุกคน! แค่นี้คนอื่นๆก็จะหวาดกลัวเขาและไม่มีใครกล้าเอ่ยถามถึงที่แหล่งที่มาของเปลวเพลิงของเขาอีกต่อไป!!