GOS ตอนที่ 53 – สภาวะยืดเวลา

 

เมื่อจ้องมองไปยังการต่อสู้ของทั้งสาม เหล่าเล่าบิงต่างก็ตกอยู่ในอาการตกตะลึง! ถึงแม้สโมคเกอร์และเหลาจีจะแข็งแกร่ง แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดในสนามรบนั้นคือโรจา!

 

ในสนามรบลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงที่กำลังปะทุและเกิดเสียงดังออกมาราวกับฟ้าผ่า คลื่นพลังรูปจันทร์เสี้ยวที่โรจาปลดปล่อยออกมารุนแรงราวกับจะฉีกกระชากพื้นดินให้แยกจากกัน! ความแข็งแกร่งที่โรจาแสดงออกมา ทำให้เหล่าเล่าบิงคนอื่นๆถึงกับตกตะลึงจนพูดไม่ออก

 

แม้แต่เดรคกับฮินะที่รู้ซึ้งดีถึงพลังของโรจาอยู่ก่อนก็ยังไม่เว้น! ทั้งสองจ้องมองไปยังโรจาที่กำลังห้ำหั่นกับเหลาจีด้วยความว่างเปล่า

 

เดรครู้ดีว่าเมื่อเดือนที่แล้วความแข็งแกร่งของโรจานั้นอยู่ในระดับไหน — มันไม่ได้แข็งแกร่งมากมายขนาดนี้! พละกำลังของโรจาในตอนนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเขาตอนที่อยู่ในร่างกึ่งสัตว์โบราณเสียอีก!

 

โรจาไม่เพียงแต่มีพละกำลังที่เพิ่มสูงขึ้นเท่านั้น ทั้งความว่องไว ร่างกาย หรือแม้แต่เฉือนนภา ล้วนแตกต่างจากเมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมามากมายนัก หากเดรคสู้กับโรจาในตอนนี้ เขาคงถูกสะบั้นจนขาดครึ่งในดาบเดียว!

 

และสิ่งที่เหล่าเล่าบิงรู้สึกตกตะลึงที่สุดก็คือสโมคเกอร์! — เขานั้นเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในค่ายชั้นยอด แต่ในตอนนี้กลับทำได้เพียงคอยสนับสนุนโรจา … นั่นมันไม่หมายความว่าเขายอมรับแล้วว่าโรจาแข็งแกร่งกว่าเขาอย่างงั้นหรือ?

 

หลังจากที่โรจาเข้าร่วมค่ายชั้นยอดเพียงแค่เดือนเดียว ก็กลับกลายเป็นคนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด นับตั้งแต่ที่ค่ายชั้นยอดเคยก่อตั้งมา!

 

ในสนามรบ

 

โรจาไม่มีความคิดว่าตัวเองจะพ่ายแพ้แม้แต่น้อย ถึงแม้เขาจะถูกเหลาจีต่อยจนกระอักเลือดออกมาหลายครั้งก็ตาม — แม้โรจาจะได้รับบาดเจ็บ แต่พละกำลังของเขากลับไม่ลดลง ตรงกันข้าม มันกลับเพิ่มสูงขึ้น!

 

การต่อสู้ในครั้งนี้ โรจาแทบจะไม่ได้ป้องกันเลย เขาเอาแต่โจมตีเพียงอย่างเดียว — ซึ่งในค่ายชั้นยอดไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ใช้วิธีต่อสู้อันแสนจะบ้าบิ่นแบบนี้กับโจรสลัด!

 

แต่ทุกคนหารู้ไม่ว่าที่มาของความแข็งแกร่งของโรจานั้นแตกต่างจากคนในโลกใบนี้! มันไม่ใช่เพียงความแข็งแกร่งที่ออกมาจากร่างกาย แต่เป็นความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณที่ออกมาจากระบบจิตวิญญาณแห่งดาบ!

 

ถึงแม้ร่างกายจะได้รับบาดเจ็บ แต่มันก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรกับการต่อสู้!

 

เหลาจีเริ่มถอย พร้อมกับเกิดความกลัวขึ้นในจิตใจมากขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆ

 

เดิมทีเหลาจีคิดว่าการโจมตีของโรจานั้นก็ค่อนข้างรุนแรง แต่มันก็เพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เขาไม่คาดคิดเลยว่าวิธีต่อสู้ของโรจาจะบ้าคลั่งขนาดนี้! บางครั้งเมื่อเขาโจมตีออกไป โรจาก็ไม่แม้แต่จะป้องกัน ตรงกันข้าม โรจากลับพุ่งมาใช้ดาบรับหมัดเขาตรงๆ และฉวยโอกาสนั้นฟันสวนมา!

 

ในกรณีนี้เหลาจีซึ่งใช้กำปั้นเป็นอาวุธจึงไม่เต็มใจที่ใช้กำปั้นของเขาปะทะกับดาบของโรจาที่ตอนนี้ค่อยๆรุนแรง และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

 

ขนาดเขาใช้บุโซโชคุฮาคิเคลือบกำปั้นเอาไว้ แต่ภายใต้คมดาบของโรจา ส่งผลให้ในตอนนี้กำปั้นของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลและมีเลือดไหลออกมาตลอดเวลา

 

“กำแพงเพลิง!!”

 

ร่างของโรจาถูกห่อหุ้มไปด้วยเปลวเพลิงอีกครั้ง แม้เหล่าเล่าบิงจะอยากเข้าไปช่วยสนับสนุนโรจา แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ไม่เพียงพอที่จะเข้าไปแทรกแซงการต่อสู้ของโรจา สโมคเกอร์ และลาวจีได้

 

เพราะพวกเขารู้ตัวดี … ว่าถ้าเข้าไปก็รังแต่จะกลายเป็นภาระ!!

 

เปลวเพลิงเริ่มพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เหลาจีรู้สึกไม่สู้ดีนัก เพราะนอกจากที่เขาจะต้องคอยหลบคมดาบของโรจาแล้ว เขายังต้องคอยใช้กำปั้นระงับเปลวเพลิงที่กำลังจะแผดเผาอีกด้วย!

 

การต่อสู้ในครั้งนี้

 

เหลาจีซึ่งเป็นสมาชิกระดับสูงของดองกี้โฮเต้แฟมิลี่ กำลังถูกกดดันอย่างหนัก!

 

ในเวลานี้ไม่เพียงแต่เหล่าเล่าบิงเท่านั้นที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง แม้แต่เซเฟอร์ซึ่งคอยเฝ้าดูสถานการณ์อยู่บนโรงแรม ดวงตาของเขาก็ยังเป็นประกายอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

 

ประสิทธิภาพของโรจาในการต่อสู้ครั้งนี้ ค่อยๆดีขึ้น และดีขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าเขาสามารถเรียนรู้ได้ระหว่างการต่อสู้ — อัจฉริยะ! นี่มันอัจฉริยะแห่งการต่อสู้ชัดๆ!

 

ในสนามรบ

 

ร่างของโรจานั้นเต็มไปด้วยเลือด แต่มีเพียงเลือดรอบๆปากเท่านั้นที่เป็นของเขา นอกจากนั้นทั้งหมดบนตัวเขานั้นเป็นเลือดของเหลาจี

 

ในขณะนี้โรจาเริ่มปลดปล่อยแรงกดดันอันแข็งแกร่งของเขาออกมาข่มแรงกดดันของเหลาจี

 

ในการต่อสู้ ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น

 

แต่โรจากลับรู้สึกเหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันดูผ่านไปอย่างเชื่องช้า กำปั้นของเหลาจีชกออกมาอย่างเชื่องช้า และโฮโนะสึกิของโรจาก็ฟันสวนกลับไปอย่างเชื่องช้าเช่นกัน ทุกสิ่งทุกอย่างดูราวกับว่ากำลังหยุดนิ่ง

 

นี่คือสิ่งที่เรียกว่า สภาวะยืดเวลา

 

สภาวะนี้อยู่ได้เพียงไม่นานเท่านั้น แต่ในระหว่างที่อยู่ในสภาวะนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างจะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน บางคนก็เรียกสภาวะนี้ว่า สภาวะที่อยู่ระหว่างความเป็นความตาย

 

นอกจากนี้แล้ว

 

วิธีการฝึกฝนเพื่อเข้าสู่สภาวะนี้นั้นมีรูปแบบที่ไม่แน่นอน แต่การที่โรจาเข้าถึงสภาวะนี้ได้นั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

 

แต่เป็นเพราะในระหว่างต่อสู้โรจาใช้ ‘พลัง’ จากระบบจิตวิญญาณแห่งดาบมากกว่าทุกๆการต่อสู้ที่เขาเคยใช้มา

 

โรจาไม่รู้ว่าเขาใช้พลังจากระบบจิตวิญญาณแห่งดาบไปมากเท่าไหร่ แต่ในตอนนี้โรจารู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงจิตวิญญาณของเขาที่ดำรงอยู่ในระบบจิตวิญญาณแห่งดาบ!

 

แน่นอนว่าโรจานั้นไม่ได้อยู่ในสภาวะระหว่างความเป็นความตาย อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในตอนนี้ค่อยๆรุนแรง และรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนโรจาใช้พลังจากระบบจิตวิญญาณแห่งดาบมาเกินไป เขาจึงเข้าสู่สภาวะนี้

 

สำหรับคนอื่นอาจเห็นว่าเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ

 

แต่สำหรับโรจาเขามองเห็นทุกการกระทำอย่างชัดเจน ทั้งองศาที่วาดดาบลงไป และความแรงของดาบ

 

รวมไปถึงทิศทางกำปั้นของเหลาจีที่พุ่งตรงมาอีกด้วย

 

ในขณะที่โรจากำลังดื่มด่ำกับสภาวะนี้และมองทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ ทันใดนั้นเอง

 

จู่ๆ สภาวะยืดเวลาก็หายไป ก่อนที่เวลาจะกลับมาไหลด้วยความเร็วเท่าเดิม

 

ตูม—!

 

การฟันของโรจาที่ดูธรรมดาและมีท่วงท่าเหมือนดั่งทุกครั้ง แต่คราวนี้มันกลับรุนแรงขึ้นกว่าเดิม 3%

 

เหลาจี ยกกำปั้นของเขาขึ้น ป้องกันดาบที่ฟาดฟันลงมา ถึงแม้มันจะแรงขึ้น แต่เมื่อเทียบความรุนแรงของดาบในตอนนี้กับตอนที่โรจาใช้เก็ทสึงะ เท็นโชนั้น มันแทบจะไม่รู้สึกอะไรเลย

 

ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นเพียงแค่ 3% มันไม่ได้ทำให้หมัดของเหลาจีสั่นไหวด้วยซ้ำ!

 

นั่นทำให้เหลาจียังคงเพิกเฉยต่อความรุนแรงจากการฟันที่เพิ่มขึ้นมา

 

เพราะเขาเคยเผชิญหน้ากับเก็ทสึงะ เท็นโชที่รุนแรงกว่าเฉือนนภาถึง 2 – 3 เท่ามาแล้ว ทำไมเขาต้องไปใส่ใจของ 3 %ที่เพิ่มขึ้นมาด้วย?

 

อย่างไรก็ตาม

 

เหลาจีหารู้ไม่ว่า ความรุนแรงจากการฟันที่เพิ่มขึ้นมา 3%นั้นหมายถึงความชำนาญในเส้นทางแห่งดาบของโรจาได้สูงขึ้น!

 

ซึ่งในอีกความหมายนึงก็คือ … โรจาจะสามารถปลดปล่อยเก็ทสึงะ เท็นโชได้รุนแรงขึ้นอย่างมหาศาล!