GOS ตอนที่ 34 – จิตมุ่งร้าย(ความเกลียดชัง)

 

เดรคสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านออกไปทั่วร่างกาย

 

นี่ฉันกำลังจะตายงั้นหรือนี่?

 

ในวินาทีสุดท้าย ความคิดนี้ได้โผล่เข้ามาในจิตใจของเขา เดรคไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะต้องมาพบจุดจบในงานประลองของค่ายมารีนฟอร์ด

 

เมื่อเห็นว่าผิวของเดรคในสภาพกึ่งสัตว์โบราณที่แข็งยิ่งกว่าเหล็กกล้า ไม่สามารถต้านท้านพลังอันรุนแรงของคลื่นพลังรูปจันทร์เสี้ยวได้ และกำลังจะถูกเก็ทสึงะ เท็นโชสับจนขาดครึ่ง

 

ร่างเงาร่างหนึ่งได้ปรากฏขึ้นในสนามประลองด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ ก่อนที่ร่างๆนั้นจะใช้มือข้างหนึ่งคว้าเดรคที่กำลังจะถูกผ่าครึ่งออกจากคลื่นพลังรูปจันทร์เสี้ยว และใช้มืออีกข้างคว้าเก็ทสึงะ เท็นโช จากนั้นก็บีบมันอย่างแรง!

 

ตูม—!

 

เก็ทสึงะ เท็นโช ถูกทำลายทันที คลื่นจันทร์เสี้ยวสาดกระจายออกไปทุกทิศทาง ก่อนที่จะทิ้งรอยลึกไว้บนพื้นสนามประลอง แล้วสลายหายไป

 

ร่างเงาที่จู่ๆก็ปรากฏขึ้นมาบนสนามประลองนั้นไม่ใช่ใครอื่น — คนๆนั้นก็คืออดีตพลเรือเอกเซเฟอร์! ที่ปัจจุบันเป็นหัวหน้าครูฝึกในค่ายมารีนฟอร์ดและเคยได้รับสมญานามว่า แขนดำ!

 

เซเฟอร์จ้องมองไปยังรอยลึกที่อยู่บนพื้นสนามอย่างเงียบงัน

 

ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นไปมองโรจา ขณะที่ยังคงอุ้มเดรคไว้ในมือของเขา แล้วประกาศออกมาว่า

 

“ผู้ชนะ … โรจาาาา!”

 

เซเฟอร์กล่าวด้วยเสียงอันเคร่งขรึม ก่อนที่จะหันหลังเดินจากสนามประลอง

 

เงียบ …

 

เหล่าผู้ชมทั้งหลายต่างไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา

 

หลังจากที่โรจาปลดปล่อยเก็ทสึงะ เท็นโช ออกไป มันก็กลายเป็นคลื่นพลังรูปจันทร์เสี้ยวขนาดใหญ่ ก่อนที่จะพุ่งไปยังเดรค และบดขยี้ทุกสิ่งที่ขวางหน้า! จากนั้นจู่ๆเซเฟอร์ก็โผล่มาช่วยเดรค

 

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นแค่พริบตาเดียว!

 

ทหารเรือฝึกหัดจำนวนมากไม่ทันแม้แต่จะได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น รู้ตัวอีกทีทุกอย่างก็จบลงแล้ว

 

แต่ถึงแม้จะไม่ทันได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น แต่คลื่นจันทร์เสี้ยวขนาดใหญ่ก็สลักความกลัวลึกลงในจิตใจของทุกคน

 

เมื่อเซเฟอร์ประกาศว่าชัยชนะในครั้งนี้ตกเป็นของโรจา พวกเขาก็ยังคงช็อกอยู่ และไม่อาจตั้งสติรับเหตุการณ์อันพลิกผันที่จู่ๆก็เกิดขึ้นตรงหน้าได้ ในหัวของพวกเขาว่างเปล่า และถูกตรึงไว้ด้วยคลื่นพลังจันทร์เสี้ยวที่มีรูปร่างคล้ายกับวิชาเฉือนนภา

 

ในสนามประลอง

 

โรจาจ้องมองรอยบนพื้นตรงหน้าที่ที่ลึกลงไปประมาณสองเมตร พร้อมกับร่องรอยเล็กๆมากมายในตอนที่มันถูกอดีตพลเรือเอกเซเฟอร์บีบจนระเบิดสลายไป

 

อาวุธของเดรคที่เป็นดาบมือเดียวและขวานสี่คมได้ถูกสะบั้นจนขาดครึ่ง และกระจัดกระจายไปทุกทิศทาง

 

ทางด้านเดรค ถึงแม้เขาจะได้รับการช่วยเหลือจากเซเฟอร์ในช่วงวินาทีสุดท้าย แต่ก็ยังได้รับบาดเจ็บอย่างชัดเจน กลางร่างกายของเขาที่สัมผัสกับเก็ทสึงะ เท็นโช เกิดรอยแผลเป็นทางยาว พร้อมกับเลือดที่กำลังไหลออกมาอย่างช้าๆ ในขณะที่ใบหน้าของเขาก็ยังคงแสดงออกถึงความรู้สึกเหลือเชื่อ

 

เมื่อมองไปยังเหตุการณ์นี้ หลังจากที่เงียบไปเป็นเวลานาน ในที่สุดก็มีทหารเรือฝึกหัดคนหนึ่งเอ่ยปากขึ้น

 

“การโจมตีครั้งสุดท้าย … นั่นคือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา?”

 

เดรคนั้นแข็งแกร่งมาก ปกติเขาก็แข็งแกร่งกว่าทุกคนอยู่แล้ว และหลังจากที่เขาใช้พลังจากผลปีศาจ ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นเกือบจะสองเท่า! — แต่ก็ยังพ่ายแพ้ให้แก่โรจา!!

 

ไม่ใช่แค่เหล่าทหารเรือฝึกหัดที่อึ้งจนพูดไม่ออก แม้แต่เหล่า 10 อันดับแรก ก็ยังรู้สึกว่าลำคอของพวกเขาแห้งผาก

 

ในเวลานี้ไม่มีใครรู้จะควรจะพูดอะไรออกไปดี แต่ที่แน่ๆทุกคนได้รับรู้แล้วว่าโรจานั้นแข็งแกร่งอย่างไม่ต้องมีข้อสงสัย

 

เขาแข็งแกร่งที่สุดในค่ายสามัญ!

 

ไม่มีใครกังขาเรื่องการจัดอันดับการประเมินผลการต่อสู้ในครั้งก่อนอีกต่อไป ในขณะที่ทหารเรือฝึกหัดบางคนที่ปล่อยข่าวลือเรื่องของโรจารู้สึกกลัวจนเสียวสันหลังวูบ

 

 

ในเวลาเดียวกันกับที่โรจาสามารถโค่นเดรคลงได้

 

ณ ป้อมปราการขนาดใหญ่ของศูนย์บัญชาการมารีนฟอร์ด มีร่างสองร่างที่กำลังยืนอยู่ด้วยท่าทีสบายๆ

 

ใบหน้าของหนึ่งในนั้นแสดงออกมาอย่างชัดเจนถึงความรู้สึกสนใจ ขณะที่เขาจ้องมองไปยังจตุรัสที่อยู่เบื้องล่าง

 

“นั่นญาติการ์ปใช่ไหม ประสิทธิภาพของเขายอดเยี่ยมมาก”

 

คนที่กล่าวออกมานั้น คือหนึ่งในผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในศูนย์บัญชาการใหญ่มารีนฟอร์ด — หนึ่งในสามพลเรือเอก

 

ชื่อของเขาคือ คุซาน หรือที่ทุกคนรู้จักกันในนาม อาโอคิยิ(ไก่ฟ้า)

 

และอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆเขาก็เป็นหนึ่งในสามพลเรือเอกเช่นกัน

 

ซากาสุกิ หรือที่รู้จักกันในนาม อาคาอินุ(หมาแดง)

 

เมื่อเทียบกับอาโอคิยิที่ดูจะมีทัศนคติที่ดีต่อการ์ปและโรจาแล้ว ตรงกันข้าม ท่าทีของอาคาอินุนั้นแสดงออกถึงความไม่แยแสออกมาอย่างชัดเจน เพราะเขาจำได้ดีว่าลูกชายของการ์ปนั้นได้ก่อตั้งกองกำลังปฏิวัติขึ้น — มังกี้ D ดราก้อน

 

สายเลือดของ D นั้นแข็งแกร่ง เหมือนดังเช่นการ์ปและดราก้อน และในตอนนี้แม้แต่โรจาก็ยังไม่มีข้อยกเว้น

 

อาคิอินุแสดงออกถึงความไม่ค่อยพอใจอย่างชัดเจน

 

เขาคิดว่าวันหนึ่ง โรจาอาจจะทรยศกองทัพเรือ แล้วกลายเป็นเหมือนดราก้อน ไปเข้าร่วมกองกำลังปฏิวัติ

 

“นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าเจตนารมณ์แห่งอัคคีอย่างงั้นสินะ …”

 

“ฉันหวังว่าเขาจะไม่ทรยศต่อกองทัพเรืออันเที่ยงธรรม ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าเขาเสีย … ต่อให้เด็กคนนั้นจะเป็นญาติของการ์ปก็ตาม ฉันจะไม่มีทางปล่อยให้เติบโตจนกลายเป็นมะเร็งร้ายเหมือนกับดราก้อน!!”

 

เมื่อพูดจบ อาคิอินุก็สาดสายตาเย็นเยียบไปยังโรจาที่ยืนอยู่เบื้องล่าง ก่อนที่จะหันหลังกลับเข้าไปในห้องของเขา

 

เมื่อได้ยินแบบนั้น ดวงตาของอาโอคิยิก็เป็นประกายเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา ก่อนที่จะยักไหล่แล้วกลับไปในห้องของเขาเช่นกัน

 

 

เมื่ออาคิอินุและอาโอคิยิหันหลังกลับไป โรจาที่ยืนอยู่ข้งล่างก็จ้องมองไปยังจุดที่พวกเขายืนอยู่ อย่างไรก็ตามเขาก็พบแค่เพียงป้อมปราการใหญ่ของกองทัพเรือมารีนฟอร์ดเท่านั้น

 

“คิดไปเองงั้นหรอ?”

 

โรจาส่ายหัวเล็กน้อย ก่อนที่จะโยนความคิดนั้นทิ้งไปแล้วเดินลงจากสนามประลอง

 

จิตวิญญาณของโรจานั้นแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปมาก ดังนั้นประสาทการรับรู้ของเขาจึงไวกว่าคนทั่วไปหลายเท่า … และมันจะยิ่งรับรู้ได้ดีถึงอารมณ์ต่างๆที่แผ่ออกมา ตัวอย่างเช่น … ความเกลียดชัง

 

ในเวลานั้น จู่ๆโรจาก็สัมผัสได้ถึงความเกลียดชังที่ฝังลึกพวยพุ่งออกมา แต่เขาก็ไม่อาจรู้ได้ว่าคนที่ปลดปล่อยความเกลียดชังอันรุนแรงออกมานั้นคือใคร

 

บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาเป็นญาติของการ์ปและเป็นลูกพี่ลูกน้องของดราก้อน จึงทำให้มีหลายคนต้องการที่จะฆ่าเขาก็ได้ล่ะมั้ง?

 

อย่างไรก็ตาม เขาไม่จำเป็นที่จะต้องคิดถึงเรื่องพวกนี้

 

ตราบใดที่เขาสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้ระบบจิตวิญญาณแห่งดาบจนวิวัฒนาการเป็นขั้นห้า เขาก็จะสามารถใช้ ชิไค ริวจินจักกะ ของยามาโมโต้ เก็นริวไซได้ และเมื่อถึงตอนนั้น ก็ไม่มีอะไรที่จำเป็นจะต้องหวาดกลัวอีกต่อไป!

 

หลังจากที่ลงจากสนามประลองแล้ว โรจาก็เดินไปยืนที่มุมๆหนึ่ง เขาไม่สนใจการต่อสู้ของคนอื่นๆในสนาม ก่อนที่จะเรียกหน้าต่างสถานะขึ้นมา

 

ขั้นสาม :จิตวิญญาณดาบแห่งความรอบรู้ +0

 

สถานะ: พลังโจมตี +135, พละกำลัง +40, ว่องไว +40

 

สกิลพิเศษ :  บันโช อิซไซ ไคจิน โตะ นาเสะ จงเผาสรรพสิ่งให้เป็นเถ้าถ่าน — การโจมตีด้วยดาบจะเสริมความเสียหายด้วยไฟ (ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการวิวัฒนาการ)

 

สกิลพิเศษ : เก็ทสึงะ เท็นโช (เขี้ยวจันทรา ทะลวงสวรรค์) — เมื่อใช้สกิลนี้ จะเกิดคลื่นพลังเป็นรูปจันทร์เสี้ยวพุ่งตรงไปยังทิศทางที่ฟาดฟันดาบออกไป

 

สเตมิน่า : 82/120

 

“การต่อสู้ในวันนี้ฉันเพิ่มแต้มสเตมิน่าได้ถึง 20 แต้ม?”

 

โรจาจ้องมองไปยังแต้มสเตมิน่าที่เพิ่มขึ้นมาเป็น82แต้ม ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากการเสริมความแข็งแกร่งในครั้งต่อไป โรจาพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะหลับตาลงเพื่อระรึกย้อนไปถึงการต่อสู้ที่พึ่งผ่านมาของเขาในวันนี้ — นึกย้อนไปถึงท่วงท่าทียังคงทำได้ไม่ดี และเริ่มที่จะปรับปรุงหาทางแก้ไขมันในจิตใจ

 

การประลองในวันนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้โรจาได้รับแต้มสเตมิน่าเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่มันยังทำให้เขาเริ่มที่จะคุ้นเคยกับการต่อสู้จริงๆ และสามารถสำแดงพลังวิชาดาบได้อย่างสมบูรณ์แบบเหมือนในตอนที่เขาฝึกฝนอีกด้วย!