GOS ตอนที่ 11 – พรสวรรค์

 

ประการแรก ด้วยพละกำลังแและความเร็วที่สามารถตวัดดาบและทำให้มันเสียดสีในอากาศจนเกิดเปลวเพลิงได้นั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เปลวเพลิงในการโจมตีเลย เพราะพละกำลังและความเร็วขนาดนั้นเพียงอย่างเดียวก็สามารถฟันลิงยักษ์หลังสีน้ำตาลกว่า 10 ตัวออกเป็นสองซีกได้ด้วยการตวัดเพียงครั้งเดียว!

 

ในกรณีของโรจานั้นเห็นได้อย่างชัดเจนว่าพละกำลังและความรวดเร็วของเขาไม่เพียงพอที่จะทำอย่างนั้นได้! แต่กลับสามารถทำให้เปลวเพลิงลุกท่วมขึ้นมาได้ หลังจากคิดทบทวนถึงความเป็นไปได้หลายๆอย่าง ทำให้เหลือเพียงข้อสรุปเดียว — ดาบโฮโนะสึกิได้ปลดปล่อยเจตนารมณ์แห่งอัคคีออกมา!

 

ในประเทศแห่งนักรบซามูไร ก็มีคนที่สามารถปลดปล่อยเปลวเพลิงออกจากดาบได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีคนอื่นๆที่สามารถปลดปล่อยเจตนารมณ์แห่งดาบออกจากดาบได้อีกเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น วิสต้าแห่งกลุ่มหนวดขาว ที่สามารถใช้สกิลดาบ ‘คาเคน’ หรืออีกชื่อหนึ่ง ‘เพลงดาบดอกไม้ไหว’ ซึ่งสามารถปลดปล่อยกลีบดอกไม้ออกมาได้!

 

ฝีมือดาบของโรจานั้นหยาบมาก เขาไม่ใช่นักดาบเสียด้วยซ้ำ ดังนั้น เปลวเพลิงนี้ย่อมไม่ใช่พลังของเขาอย่างแน่นอน แต่มันเป็นพลังที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากเจตนารมณ์แห่งดาบ!

 

ทางด้านการ์ปที่กำลังจะพุ่งออกจากเรือรบเพื่อไปช่วยเหลือโรจา ถึงกับหยุดชะงักพร้อมกับอ้าปากค้าง — ปากของเขาอ้ากว้างจนสามารถยัดกำปั้นอันใหญ่ยักษ์ของเขาเข้าไปได้อย่างพอดิบพอดี

 

ตัวการ์ปนั้นรู้ดีถึงพละกำลังของโรจา แต่เขาไม่รู้เลยว่าเจ้าเด็กเหลือขอนี่สามารถปลดปล่อยเปลวเพลิงออกจากดาบได้!

 

การ์ปจ้องมองไปยังหน้าจอของโรจาอย่างโง่งม

 

แม้แต่อดีตพลเรือเอกเซเฟอร์ก็ยังมิอาจปกปิดความตกใจของเขาเอาไว้ได้ เขาใช้เวลาตั้งสติอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเอ่ยออกมาว่า

 

“ดาบของโรจานั้นสามารถปลดปล่อยเจตนารมณ์แห่งอัคคีออกมาได้ นั่นคือข้อสรุปเดียวที่ฉันพอจะนึกออก ฝีมือดาบของเขาหยาบมาก เห็นได้ชัดว่าพึ่งหัดใช้ดาบได้ไม่นาน แต่เขากลับสามารถปลดปล่อยเจตนารมณ์แห่งดาบที่แม้แต่นักดาบเก่งๆบางคนก็ยังไม่สามารถทำได้!”

 

“ถ้าตาแก่คนนี้ไม่ได้มาเห็นมันด้วยตาตัวเอง ฉันก็ไม่อาจคาดคิดได้เลยว่าโลกใบนี้จะมีคนที่มีพรสวรรค์แบบนี้ปรากฏตัวขึ้น! นี่มันเป็นพรสรรค์! เป็นพรสวรรค์ของอัจฉริยะ!”

 

เป็นอัจฉริยะที่สามารถปลดปล่อยเจตนารมณ์แห่งดาบออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ!

 

พรสวรรค์แบบนี้ แม้แต่เซเฟอร์ก็พึ่งเคยเห็นมันเป็นครั้งแรก!

 

“การ์ป นี่ใช่โรจาหลานของนายจริงๆใช่ไหม?”

 

เซเฟอร์หันไปจ้องมองการ์ป พร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงสงสัย

 

ทางด้านการ์ปที่ตกใจอยู่นาน ก็ได้สติทันทีเมื่อได้ยินเซเฟอร์กล่าวถึง วิสต้าแห่งกลุ่มโจรสลัดหนวดขาว เขาหันไปตอบคำถามของเซเฟอร์ว่า

 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เซเฟอร์ ตอนแรกนายยังบอกว่าเจ้าเด็กเหลือขอนี่เป็นเพียงแค่คนอ่อนแออยู่เลย?”

 

“นั่นมันในตอนแรก ไม่ใช่ในตอนนี้!”

 

เซเฟอร์ถอนหายใจ พร้อมกับคร่ำครวญออกมา ในขณะเดียวกันเขาก็คิดถึงเรื่องของโรจาที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ที่สามารถปลดปล่อยเจตนารมณ์แห่งดาบออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ

 

นอกจากนี้เขายังคงสงสัยอีกด้วยว่าพลังที่สร้างเปลวเพลิงขึ้นมาจากดาบนั้นจะเหมือนพลัง‘คาเคน’ของวิสต้าที่สามารถสร้างกลีบดอกไม้ได้หรือไม่?

 

บทสนทนาระหว่างการ์ปและเซเฟอร์ ทำให้ทหารเรือภายในห้องกลับมาได้สติอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของพวกเขาก็ยังเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ!

 

พรสวรรค์ในการปลดปล่อยเจตนารมณ์แห่งดาบ!

 

พรสวรรค์ในตำนานได้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกเขา ที่นี่! ในวันนี้!

 

“มังกี้ D โรจา … ญาติของพลเรือโทการ์ป แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องไม่ธรรมดาเหมือนคนทั่วไป เกรงว่าในอนาคต เด็กหนุ่มคนนี้จะต้องกลายเป็นตำนานบทหนึ่งในท้องทะเลแห่งนี้อย่างแน่นอน”

 

 

บนเกาะในป่า

 

ลิงยักษ์หลังสีน้ำตาลยังคงกลิ้งหลุนๆด้วยความคลุ้มคลั่งบนพื้น และเริ่มสร้างทะเลเพลิงขึ้นรอบๆตัวมัน

 

อย่างไรก็ตามมันก็ยังไม่สามารถหยุดเปลวเพลิงที่กำลังแผดเผามันได้

 

เสียงกรีดร้องของเจ้าสัตว์ร้ายระดับ 1 ตัวนี้ เริ่มเบาลง ตัวมันที่ดิ้นรนไปมาก็เริ่มกลิ้งช้าลง — จนในที่สุดมันก็ไม่ขยับเขยี้อนอีกต่อไป

 

โรจาจ้องมองไปที่ทะเลเพลิงตรงหน้า ก่อนที่จะเดินไปหยิบดาบ  และกวาดดาบของเขาออกไป

 

พรึบ—!

 

ตัวดาบได้ปลดปล่อยเปลวเพลิงออกมาอีกครั้ง พร้อมกับแผดเผาทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้า

 

เปลวเพลิงที่กำลังลุกโชนอยู่ได้ปะทะเข้ากับเปลวเพลิงใหม่ที่พึ่งถูกยิงออกมา ทั้งสองปะทะกันทำให้เกิดปฏิกิริยา ไฟดับไฟ — ความจริงแล้วโรจาไม่จำเป็นที่จะต้องทำแบบนี้ก็ได้ แต่เขายังไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเขาสามารถใช้เพียงความคิดก็หยุดเปลวเพลิงได้

 

โรจาจึงใช้ ไฟดับไฟ

 

ซึ่งภาพๆนี้ได้ปรากฏอยู่ในสายตาของการ์ปและเซเฟอร์ รวมไปถึงทหารเรือภายในห้อง ยิ่งทำให้พวกเขามั่นใจมากขึ้นว่าเปลวเพลิงนั้นถูกปลดปล่อยออกมานั้นคือเจตนารมณ์แห่งอัคคี

 

มันก็จริงที่เปลวเพลิงนั้นถูกปลดปล่อยออกมาจากตัวดาบ แต่มันก็ไม่ทั้งหมด โรจานั้นต้องการให้พวกเขาอยู่ระหว่างความเป็นจริงกับภาพลวงตา เขายังคงไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าแท้จริงแล้วเปลวเพลิงนั้นถูกปลดปล่อยออกมาได้เพราะพลังของเขา

 

หลังจากที่ทะเลเพลิงได้มอดดับลง

 

โรจาก็ตรงไปยังร่างของลิงยักษ์

 

เมื่อมาถึงเขาพบว่าเจ้าลิงยักษ์นั้นยังมีชีวิตอยู่

 

“นี่แกยังไม่ตายอีกอย่างงั้นหรอ? ‘พลังชีวิต’ ของแกมันจะมากเกินไปแล้ว!”

 

โลกใบนี้ไม่ได้มีเพียงมนุษย์ที่มีพลังชีวิตที่สูงส่ง แม้แต่เหล่าสัตว์ร้ายก็ยังมีเหมือนกัน นี่มันช่างขัดกับหลักวิทยาศาสตร์จริงๆ!

 

เมื่อมองไปยังลิงยักษ์ที่อึดอย่างกะแมลงสาป โรจาได้แต่ส่ายหัว ก่อนที่จะใช้โฮโนะสึกิตวัดเข้ากลางลำคอของมันเพื่อปลิดชีวิตมันโดยสมบูรณ์

 

“มาคิดดูแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ที่ได้เจ้าลิงยักษ์ตัวนี้เป็นตัวทดสอบสกิลไฟว่ารุนแรงแค่ไหน”

 

หลังจากที่ตัดคอของมันแล้ว โรจาก็เก็บโฮโนะสึกิเข้าฝัก ก่อนที่จะเหลือบไปมองกล้องเฝ้าระวังที่อยู่รอบๆ

 

โรจาไม่สนใจว่าพวกที่อยู่บนเรือรบจะเห็นเหตุการณ์นี้หรือไม่

 

เพราะไม่ช้าก็เร็ว เขาก็ต้องแสดงพลังนี้ของเขาออกมาอยู่ดี และอีกอย่างสถานการณ์เมื่อครู่ก็ค่อนข้างอันตราย ถ้าหากโรจาไม่เปิดเผยพลังของเขาในตอนนั้นแล้วล่ะก็ เขาอาจจะตายก็ได้

 

สิ่งที่โรจากังวลก็คือค่าสเตมิน่าของเขาจะเพิ่มขึ้นเท่าใดกันนะจากการต่อสู้ในครั้งนี้

 

เมื่อคิดได้ดังนั้นโรจาก็ใช้สมาธิพร้อมกับเรียกหน้าต่างสถานะขึ้นมา

 

ขั้นสอง : จิตวิญญาณแห่งดาบโบราณ +6

 

สถานะ: พลังโจมตี +75 , พละกำลัง +20

 

สกิลพิเศษ: จงเผาสรรพสิ่งให้เป็นเถ้าถ่าน … ทุกๆการโจมตีจากดาบจะได้รับการเสริมพลังโจมตีด้วยไฟ(ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการวิวัฒนาการ)

 

สเตมิน่า: 22/70

 

ก่อนเริ่มต่อสู้กับสัตว์ร้าย ค่าสเตมิน่าของโรจานั้นอยู่ที่ 18 แต่ตอนนี้กลับเพิ่มขึ้นมาถึง 22

 

หรือในอีกความหมายนึงก็คือค่าสเตมิน่าของเขาเพิ่มขึ้นมาถึง 4 !

 

หากต้องการเพิ่มค่าสเตมิน่าถึง 4 แต้มนั้น โรจาจะต้องฝึกฝนอย่างหนักอย่างน้อยครึ่งวัน แต่ในตอนนี้เขากลับสามารถได้รับมันมาได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ต่อสู้ในระยะเวลาสั้นๆ!

 

ถึงแม้การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของค่าสเตมิน่าจะเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม แต่หัวใจของโรจาก็อดที่จะคิดเรื่องบางอย่างไม่ได้

 

การต่อสู้ที่ยิ่งเสี่ยงอันตราย ค่าสเตมิน่าก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าการต่อสู้แบบนี้จะเป็นการดึงศักยภาพร่างกายออกมาจนถึงขีดสุด

 

ยิ่งอันตราย ค่าสเตมิน่าที่ได้ก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้น!

 

ยิ่งอยู่ระหว่างความเป็นความตาย ก็จะยิ่งได้รับค่าสเตมิน่าเพิ่มสูงขึ้น!

 

อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นเพียงการคาดเดาของโรจาเท่านั้น เขาไม่ต้องการที่จะให้ตัวเองอยู่ท่ามกลางความเป็นความตายเพื่อทดสอบทฤษฏีนี้เด็ดขาด!!