เมื่อรู้แล้วว่ากำหนดเรื่องลมปราณที่เหมาะสมกันแบบตรงๆด้วยกรุ๊ปเลือด พวกผมก็เกิดคำถามขึ้นมากันทันที

 

“แม่ นิลเลือดกรุ๊ปไรอะ?”

 

“B มั้ง?”

 

“มั้งเหรอแม่!?”

 

“ก็แม่จำไม่ได้อ่ะ”

 

“แล้วเพชรอ่ะแม่?”

 

“คง AB แหละ”

 

“งั้นพ่อกับแม่ก็ A กับ B อ่ะดิ?”

 

“ป่าว แม่ O พ่อ B”

 

“ดะ..เดี๋ยวนะแม่  ผมไม่ใช่ลูกแม่เหรอ? ทำไมผม AB อ่ะ?”

 

“ที่โรงเรียนไม่ได้สอนเรื่องยีนเด่นยีนด้อยหรือไงเพชร?”

 

“สอนแล้วมั้ง แต่จำไม่ได้”

 

“เพชรลูกคนข้างบ้านเหรอแม่?”

 

“ไอ้นิล เดะถีบเลย”

 

“ไม่ต้องทะเลาะกัน สองพี่น้อง ไม่งั้นแม่หวดทั้งคู่”

 

“เดี๋ยวพ่อพูดเองแล้วกัน ก็พอดีตากับยายน่ะ เลือดกรุ๊ป A กับ O แม่ก็เกิดมากรุ๊ป O แต่ก็ยังมียีนด้อยของกรุ๊ป A ที่ได้จากตามาอยู่ในDNA พอเพชรเกิดมา ยีนด้อยก็กลายมาเป็นยีนเด่น ก็เลยได้ A จากแม่แล้วก็B จากพ่อ กลายเป็น AB ไง”

 

“อ๋ออออออ”

 

ผมเองก็ไม่มั่นใจว่าที่โรงเรียนสอนไปรึยัง แต่นี่แหละ พ่อกับแม่ที่เอาใจใส่ลูก บ้านผมนี่เจ๋งสุดยอดไปเลย แล้วผมก็หันไปถีบไอ้น้องตัวแสบที่หาว่าผมเป็นลูกคนข้างบ้านซะเกือบหัวทิ่ม จนเกือบทะเลาะกัน พ่อกับแม่ก็เลยต้องช่วยกันห้ามเราทั้งคู่

 

“หมายความว่าเพชรจะฝึกได้แค่ลมปราณสายสุญญากาศเหรอ แค่ชื่อก็เหมือนจะหายากแล้ว”

 

พ่อ แม่ ผม และน้องมองหน้ากันอย่างวิตกนิดหน่อย เพราะดูเหมือนปราณที่ผมจะฝึกได้ก้าวหน้าเหมือนคนอื่นจะดูยากมากกว่าแถมยังแทบไม่รู้จักกันอีกด้วย แต่พ่อก็เหมือนฉุกคิดอะไรได้เรื่องนึง

 

“พ่อว่าไม่น่ามีปัญหาขนาดนั้นนะ เท่าที่จำได้จากที่เจ้าด็อกเตอร์ Z มันพูดไว้ มันบอกแค่ว่านั่นเป็นการฝึกที่เหมาะสมเท่านั้น ซึ่งมีผลต่อความก้าวหน้าในการเพิ่มระดับ แต่ไม่ได้บอกว่าฝึกลมปราณประเภทอื่นแล้วจะแย่นะ แต่ก็คงแค่ก้าวหน้าได้ช้าเท่านั้นแหละ”

 

“มันอยู่ที่การฝึกฝนของแต่ละคนด้วยนะ ถ้าขี้เกียจก็ไม่มีทางเก่งได้หรอก”

 

ถึงพ่อกับแม่จะให้กำลังใจผมแต่ผมก็คิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องยากมากๆอยู่ดี

 

“เอาล่ะ บ้านเราคงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องปรับตัวเท่าไหร่ พ่อกลัวแต่ว่าบ้านอื่นๆน่ะสิจะเป็นยังไงกัน”

 

“แม่ก็ว่างั้นแหละ นี่แม่ก็ยังไม่ได้โทรไปคุยกับพวกญาติๆเลยนะ ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงกันบ้าง”

 

“พ่อว่าญาติๆเราคงยังพอจัดการกันได้นะ ไม่งั้นคงโทรมาหาเราแล้วล่ะ”

 

พ่อกับแม่มองหน้ากันอย่างเป็นห่วงอยู่เล็กน้อย เพราะครอบครัวผมเป็นพวกไม่ค่อยซีเรียสกับชีวิตมาก เรียกว่ามีความสุขกับสิ่งที่มีกันซะมากกว่า ไม่ได้ไขว่คว้าอะไรมากมาย แต่ถ้ามันเปลี่ยนไปทั้งโลกแบบนี้ ผมเองก็ยังไม่ค่อยจะแน่ใจ ว่าทุกคนจะรับได้เหมือนๆกัน

 

“เอางี้นะแม่ เราคงยังไม่ต้องห่วงอะไรมากหรอก สมัยนี้การสื่อสารมันแค่พิมๆโทรๆแล้ว ถ้าใครมีปัญหาอะไรก็คงติดต่อมาแล้วล่ะ แล้วพวกเขาก็คงคิดเหมือนกับเรานี่แหละ ว่าถ้าเรามีปัญหาอะไรก็คงโทรไปหาเค้าแล้ว อย่าห่วงไปเลยนะแม่”

 

“เอางั้นก็ได้พ่อ”

 

“คิดๆไปแล้ว ก็เหมือนวิถีชีวิตของเราแทบจะไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลยนะ ยังต้องออกไปซื้อกับข้าวมาทำเหมือนเดิม ไม่งั้นก็คงไม่มีกิน ยังต้องออกไปทำงาน ไม่งั้นไม่มีเงิน ประโยชน์ที่เจ้าด็อกเตอร์ Z มันทำให้พวกเราก็คงเป็นแค่เรื่องสุขภาพกับโรคที่มันรักษาให้มนุษย์โลกรึเปล่าเนี่ย?”

 

“ยังมั่นใจแบบนั้นไม่ได้หรอกนะแม่ ถ้ามองไปถึงขนาดมีพญานาคตัวขนาดนั้นโผล่ขึ้นมาบนโลกได้ภายในข้ามคืน พ่อว่าคงต้องมีอะไรที่เปลี่ยนไปแน่นอนล่ะ”

 

“ประเทศเรามีพญานาค แล้วอเมริกามีอะไรล่ะ?”

 

“อเวนเจอร์มั้งไอ้นิล”

 

“ปัญญาอ่อนไอ้เพชรกาก”

 

น้องผมพอโล่งใจได้เปราะหนึ่งก็เริ่มเรียกผมเหมือนที่เคยเรียก เป็นแนวๆเด็กไทยบ้านๆที่ชอบด่ากันไปมาปกติ

 

“เดะโดนตบทั้งคู่นั่นแหละ ทะเลาะกันเรื่องแค่นี้อีกแล้ว”

 

แต่ก็โดนแม่เบรกจนหัวทิ่มทั้งคู่ทุกทีไป

 

“อยากรู้ก็เซิจดูสินิล เพชรด้วยอย่าไปทะเลาะกับน้อง”

 

ส่วนพ่อก็มีหน้าที่ใจเย็นหาทางออกให้ไม่เคยเปลี่ยน

 

“เออจริง หาแปป”

 

เจ้านิลก็เริ่มใช้โทรศัพท์ของผมที่วางอยู่บนโตีะเซิจหาข่าวของประเทศอื่นๆ และก็เจอทั้ง LIVE สดจากประเทศอเมริกากับประเทศต่างๆออกมากันเป็นหมื่นๆ LIVE จนพวกผมทำตาโตกันสุดๆเลย

 

“เชี่ยย….โอดินว่ะไอ้เพชร มึงทายถูกเป๊ะเลย”

 

“เยสเขร้…เวอร์ชั่นไฟนอล 8 ซะด้วย สเลปเนอร์ 6 ขาก็มาว่ะ” [Au:ใครไม่รู้จักไปหาคลิปเกมส์ไฟนอลภาค 8 ดูเอานะจ๊ะ]

 

ยิ่งผมดูๆไปตามข่าวที่ออกมาทั่วโลกก็ยิ่งคิดว่า ไอ้ด็อกเตอร์ Z นี่มันโคตรจับฉ่ายมากๆเลย เอาเกมส์ผสมหนังผสมความเชื่อได้มั่วไปหมด ยิ่งของญี่ปุ่นนี่ยิ่งอลังการมาก เอา 4 สัตว์เทพมาเลยเรอะ ซูซาคุ เบี๊ยกโกะ เซริว เก็นบุ มาครบเลย เตากำเนิดพลังงานที่อยู่ใกล้ญี่ปุ่นมี 4 ที่พอดีสินะ เอาลงครบซะทุกตัวเลย

 

แถมแต่ละอย่างก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับโลกยุทธภพที่มีกำลังภายในเลยแม้แต่น้อย ไอ้เจ้าด็อกเตอร์ Z นี่ผมว่าสติไม่ดีมากๆเลยล่ะ

 

“โอย ยิ่งดูยิ่งปวดสมองมาก”

 

“เหอะ ลองมันทำได้ถึงขนาดนี้ มันไม่น่าใช่มนุษย์แล้วล่ะ”

 

“เออว่ะ มนุษย์ต่างดาวรึเปล่าเนี่ย”

 

ยิ่งพวกผมคุยๆกันไปเรื่องๆ พ่อกับแม่ก็ยิ่งมึนงงกับข้อมูลใหม่ๆที่เข้ามา เพราะมันมีแต่เรื่องนิยายกับเกมส์แล้วก็หนังซะมากกว่า

 

“แม่ต้องออกไปซื้อกับข้าวแล้วนะ ใครจะไปบ้าง?”

 

พ่อมองหน้าผมกับน้องพร้อมๆกัน พวกเราจึงหันไปตอบแม่ด้วยคำพูดเดียว

 

“ไป!”

 

==============================================================

 

ครอบครัวของผมทั้งพ่อแม่ผมและน้องชายเดินออกมาจากบ้านเพื่อจะไปที่ตลาดที่ไม่รู้ว่าวันนี้จะมีของขายรึเปล่า เพราะถ้าไม่มีเราก็จะหารถแท็กซี่เพื่อที่จะนั่งไปห้างสรรพสินค้ากัน โดยที่ทุกคนตัดสินใจไปด้วยกัน เผื่อว่าจะมีเรื่องราวอะไรให้ดู หรือมีเรื่องเดือดร้อนที่ต้องช่วยเหลือกัน แต่ความรู้สึกส่วนใหญ่แล้วก็อยากจะมาดูว่าข้างนอกเป็นยังไงบ้างแล้วมากกว่า

 

และเมื่อมองๆไปแล้ว นอกจากจะเห็นวัยรุ่นหลายคนออกมา LIVE สดตัวเองลงเฟสบุ๊คพูดถึงความคิดเห็นของตัวเองที่มีต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ยังเห็นรถตำรวจและรถทหารออกมาบ้างนิดหน่อย นอกนั้นก็มีหลายครอบครัวที่ออกมาข้างนอกด้วยกัน และมีท่าทีคอยสังเกตุรอบๆอยู่เสมอๆ

 

“ก็…ไม่ค่อยมีอะไรนะ”

 

“นั่นสิพ่อ ยังดูไม่ค่อยเปลี่ยนอะไรเท่าไหร่”

 

ผมยังติดอยู่ในห้วงความคิดขณะที่เดินไปเรื่อยๆ แต่แล้วก็มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้สายตาของคนทุกคนที่อยู่บนถนนและทางเดินที่ผมกำลังเดินอยู่ต้องหันไปมองพร้อมๆกัน

 

“ครืนนนนนนนนนนนนน”

 

มีประตูบ้านหนึ่งขนาดกว้างประมาณ รถ 2 คัน สูงประมาณ 2.5 เมตร โผล่ขึ้นมา กลางถนนที่รถกำลังวิ่งอยู่ จนเกือบจะทำให้มีเหตุรถชนกันเลยทีเดียว จากนั้นก็มีประตูแบบที่ว่า โผล่ขึ้นมาอีกเรื่อยๆตามที่ต่างๆหลายประตู แค่มองออกไปก็มากกว่า 10 ประตูเข้าไปแล้ว และผมก็คิดว่ามันจะมีประตูแบบนี้ไปทั่วประเทศเลยล่ะ

 

พอหลังจากมีประตูโผล่ขึ้นมา ก็มีเสา2แท่ง โผล่ขึ้นมาขนาบประตูทั้ง 2 ด้าน พร้อมกับเหมือนมีเส้นสัญญาณเลเซอร์สีแดงยิงออกมาจากเสาแท่งหนึ่งไปหาอีกแท่งหนึ่ง เหมือนกับเป็นเซ็นเซอร์ตรวจจับที่เคยเห็นในหนังเป๊ะๆเลย

 

พร้อมๆกันนั้นด้านบนของประตูก็มีเหมือนป้ายไฟโผล่ขึ้นมาพร้อมกับข้อความหนึ่งที่โผล่ขึ้นตามมาติดๆว่า

 

[ศูนย์ข้อมูลช่วยเหลือ]

 

“เริ่มจะเหมือนการ์ตูนเข้าไปทุกทีละ ประตูโดเรม่อนว่ะ”

 

พ่อกับแม่และน้องหันมามองผมพร้อมพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของผม เมื่อทุกคนเบนสายตาไปเห็นประตูที่โผล่ออกมาโดดๆ แบบนั้นไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเปิดเข้าไปก็ต้องไปโผล่อีกที่นึงแน่นอน ปฎิกริยาของผู้คนบนถนนรอบๆก็ไม่ต่างกัน มีทั้งคนที่อยากลองเปิดดูกับคนที่ดูกล้าๆกลัวๆไม่อยากจะเปิดมัน

 

“เอาไงดีพ่อ?”

 

“แม่ว่าไงล่ะ?”

 

“นิลว่าลุยกันเหอะ”

 

“เพชรว่าลองเข้าดูก็ดี มันอุตส่าห์เขียนว่าเป็นศูนย์ช่วยเหลือนะ”

 

“เอาวะ ไม่เข้าถ้ำหมีมีหรือจะได้ลูกหมา!”

 

แม่ ผม และน้องชายต่างมองไปทางพ่อที่พูดอะไรแปลกๆออกมาจนพวกเราอึ้ง แต่ก็เอาเถอะ พ่อผมเป็นคนตลก แล้วพวกผมก็เดินเข้าไปประตูที่อยู่ใกล้ๆ โดยมีพ่อเดินนำไปก่อนเมื่อใกล้จะผ่านเสาสีแดงที่มีเส้นแดงๆพาดอยู่ พ่อก็ลองถอดรองเท้าแตะแหย่ๆเข้าไปดูก็พบว่าไม่ได้เป็นรังสีความร้อนละลายเหล็กได้เหมือนในหนัง

 

“เหมือนจะปลอดภัยนะ ลุยล่ะ”

 

พวกเราจูงมือกันเข้าไปโดยมีแม่และผมแล้วก็น้องจูงมือต่อกันไป เปิดประตูท่ามกลางสายตาไทยมุงจำนวนมาก เพราะเป็นพวกแรกที่กล้าแหยมเข้าไปในสิ่งที่ไม่รู้จัก เมื่อพ่อบิดลูกบิดประตูแล้ว ฉับพลันภาพรอบๆทั้งหมดที่พวกเราเห็นก็แปรเปลี่ยนไปทั้งหมด

 

“โอ้ย—”

 

“อูยยย”

 

เมื่อสายตากลับมาเห็นสภาพรอบข้างอีกครั้งก็พบว่าแม่นั่งทับหลังพ่ออยู่ แล้วผมก็โดนไอ้นิลทับอยู่เหมือนกัน เมื่อทั้งคู่รู้ตัวเองว่ากำลังทับพ่อกับผมอยู่ ก็รีบลุกขึ้นทันที

 

“นิล ประตูเทเลพอร์ตว่ะ”

 

“เออ นี่เกมส์ VR รึเปล่าวะ เปิดประตูโดเรม่อนแล้วโดนวาปเนี่ย”

 

พ่อกับแม่ได้รับคำอธิบายแบบ Sci-fi จากผมกับน้องก็พอทำความเข้าใจได้เรื่องจู่ๆโดนวาปมาเพราะแค่บิดลูกบิดประตู ทำให้รู้สึกว่าเรื่องเหลือเชื่อมันจะเยอะมากเกินไปแล้วตอนนี้

 

“ยินดีต้อนรับค่ะ”

 

เสียงยินดีต้อนรับดังขึ้นทางด้านหน้าของพวกเรา แล้วภาพที่ยังมองไม่ค่อยชัดทั้งหมดก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ตอนนี้พวกเราเหมือนอยู่ในห้องๆหนึ่ง มีโต๊ะเหมือนกับโต๊ะกินข้าว และเก้าอี้ 5 ตัว ภาพรอบๆเป็นเหมือนฉากในร้านอาหารจีนกำลังภายในสมัยก่อน พูดง่ายๆว่าโรงเตี๊ยมนั่นแหละ และเก้าอี้หัวโต๊ะนั้นมีหญิงสาวคนนึงนั่งรออยู่แล้ว

 

“เชิญทุกคนนั่งได้เลยค่ะ”

 

พ่อกับแม่มองหน้ากันอย่างระมัดระวัง ส่วนผมเองก็เริ่มสนใจสิ่งรอบๆมากขึ้นดูเหมือนว่าห้องนี้ควรจะเรียกว่าอีกมิติหนึ่งได้เลยล่ะ เมื่อพวกเราเดินไปนั่งตามคำชวนกันอย่างช้าๆ หญิงสาวคนนั้นก็อมยิ้มกลางๆ สีหน้าเหมือนกับว่ารู้สึกสนุกที่เห็นท่าทางกล้าๆกลัวๆของพวกเรา

 

“ที่นี่มัน…”

 

พ่อเป็นคนเปิดคำถามแรกให้ โดยที่ทุกคนยังอึ้งๆอยู่

 

“ที่นี่เป็นศูนย์ช่วยเหลือเบื้องต้นให้กับประชาชนทั่วไปสาขาประเทศไทยค่ะ ก็ถ้าให้ตอบตรงๆตามหลักแล้วก็เป็นศูนย์ที่สร้างขึ้นมาในมิติที่เวลาสามารถไหลไปพร้อมกับข้างนอกได้ค่ะ อัตราส่วนจะอยู่ที่ 4ต่อ1 หมายความว่า ถ้าข้างในนี้เวลาจะผ่านไป 4 ชั่วโมง ข้างนอกจะผ่านไป 1 ชั่วโมงค่ะ”

ผมกับนิลมองหน้ากันด้วยความตื่นเต้นด้วยคำพูดแบบไม่ออกเสียงกันว่า “อีกมิติจริงๆด้วยว่ะ!”

 

“แล้วคุณเป็นใคร ผมสามารถทำอะไรที่นี่ได้บ้าง แล้วออกไปจากที่นี่ยังไงครับ?”

 

“ดิชั้นขอตอบคำถามแรกก่อนก็แล้วกันนะคะ เพราะมีเรื่องที่ต้องรายงานให้ทางพวกคุณทราบก่อน ดิชั้นชื่อ MINERVA เป็นระบบ AI ที่ด็อกเตอร์ Z ได้สร้างขึ้นมาเพื่อดูแลระบบโดยรวมส่วนใหญ่ค่ะ ส่วนเรื่องที่จะรายงานก็คือ ยินดีด้วยนะคะ คุณเป็นปาร์ตี้แรกที่ยอมเข้ามาในศูนย์ช่วยเหลือสาขาประเทศไทย เพราะฉะนั้นคุณจะได้รับ ผลโลหิตเพิ่มระดับปราณเป็นรางวัลตามจำนวนคนในปาร์ตี้ค่ะ กรุณากดรับไอเท็มด้วยค่ะ”

 

พ่อกับแม่ยังทำหน้ามึนงงกับคำพูดของหญิงสาวตรงหน้าอยู่ แต่ผมกับน้องที่เล่นเกมส์และดูหนังมาเยอะกว่า จับใจความส่วนใหญ่ว่า กลุ่มที่เข้ามาด้วยกัน นับเป็นปาร์ตี้เหมือนกับในเกมส์ ส่วนรางวัลที่ว่าก็ได้มาจากการที่เราเหมือนกับทำ Archivement(ความสำเร็จ)ได้เป็นคนแรกที่นี่ ที่สำคัญสุดก็คือพวกเราได้ผลโลหิตที่เพิ่มระดับปราณกันฟรีๆคนละผลทันทีด้วย

 

“สุดยอด”

 

ผมกับน้องหลุดปากออกมาอย่างตื่นเต้นมาก เพราะจู่ๆก็ได้ผลโลหิตมาฟรีๆโดยไม่ต้องทำอะไรเลย

 

“พ่อ เดี๋ยวผมถามให้เอง”

 

“แน่ใจเหรอเพชร?”

 

“แน่ใจ นิลถ้าคิดอะไรออกรีบบอกเลยนะ”

 

“เออๆๆ”

 

พ่อกับแม่ที่ไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับพวกระบบพวกนี้ยอมปล่อยให้ผมกับน้องเป็นคนจัดการให้ ผมจึงเริ่มทำตามขั้นตอนทันที

 

“กดรับไอเท็มตรงไหนครับ?”

 

“เมื่อคนใดคนหนึ่งได้รับไอเท็ม จะมีการแจ้งเตือนเป็นเสียงดังในสมองค่ะ ส่วนการกดรับก็แค่คิดในใจก็พอค่ะ”

 

หลังจาก AI สาวพูดจบก็มีแจ้งเตือนที่ว่าเข้ามาทันทีแบบเบาๆ แต่ได้ยินชัดเจนว่าเราได้รับสิ่งได้ และจะเก็บหรือไม่ ผมก็ทดลองตกลงในใจทันที

 

“ว้าวว สุดยอด~”

 

ด้านหน้าของผมมีแสงสว่างเล็กๆลอยขึ้นมาและค่อยๆก่อตัวเป็นก้อนกลมๆ จากนั้นก็กลายเป็นผลไม้ลูกเล็กสีแดงเลือดลูกหนึ่ง ผมก็เอามือรับเอาไว้

 

“อะไรน่ะเพชร?”

 

“คงเป็นผลโลหิตที่ใช้เพิ่มระดับปราณน่ะแม่ แดงขนาดนี้คงไม่ใช่อย่างอื่น”

 

“ดูสีแล้วไม่กล้ากินว่ะเพชร”

 

“ไม่กินก็เอามานี่ ไอ้นิล”

 

ผมหยอกล้อกับน้องนิดหน่อย ก่อนที่ทุกคนก็มองหน้ากันแล้วก็ตอบรับในใจ จากนั้นผลโลหิตก็โผล่ขึ้นมาต่อหน้าทุกคนเหมือนของผม

 

“ส่วนเรื่องรสชาติสามารถตั้งค่าให้เหมือนกับอะไรก็ได้นะคะ แต่ว่าจะเปลี่ยนการตั้งค่าใหม่ได้ก็ต้องมาอยู่ในพื้นที่ของศูนย์ช่วยเหลือเท่านั้นค่ะ”

 

“เจ๋งว่ะ มีเปลี่ยนรสให้ด้วย นึกว่าต้องกินรสชาติเลือดตามชื่อมันซะแล้ว”

 

“ก็ดีเหมือนกัน ของพ่อเอามะม่วงสุขแล้วกัน”

 

“งั้นแม่เอาส้มนะ”

 

“เพชรเอารสมะม่วงดีกว่า”

 

“หึหึ ของนิลไม่ต้องบอก ทุเรียนเลย!”

 

“ไอ้นิล เดี๋ยวก็ปากเหม็นหรอก”

 

“ไม่แคร์ ไหนๆก็เปลี่ยนได้แล้ว เอาให้อร่อยไปเลย”

 

บ้านผมสามารถกินทุเรียนได้ทั้งบ้านจึงไม่ค่อยอะไรกับกลิ่นทุเรียนเท่าไหร่ แต่ถ้ามันออกมาจากปากคนอื่นนั่นก็อีกเรื่องนึงล่ะ

 

“ดำเนินการเปลี่ยนรสชาติของผลโลหิตให้เรียบร้อยค่ะ”

 

เมื่อได้ยินว่าเปลี่ยนรสชาติให้แล้ว พวกผม 4 คน ก็ทดลองกินมันเข้าไปทันที ซึ่งรสชาติก็เป็นไปตามที่พวกเราตั้งค่าไว้

 

“โว้วววววว”

 

ร่างกายของผมรู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาทั้งร่างกาย เหมือนกับว่ามีไฟคุกรุ่นอยู่ในร่างไม่มีผิด จนถึงขนาดต้องหลับตาวูบไปเลย พอขั้นตอนจบลงแล้ว ผมก็หันไปดูพ่อ แม่ แล้วก็น้อง ทุกคนก็มีสภาพเหมือนผมไม่มีผิด

 

“ยินดีด้วยนะคะ ทุกท่านได้เพิ่มระดับพลังลมปราณเป็นระดับ 2 แล้วค่ะ”

 

พวกผมรู้สึกอึ้งจนพูดไม่ออกกันแม้แต่คนเดียว นี่คงเป็นความรู้สึกของพวกหนังจีนกำลังภายในที่เขาฝึกกันได้รึเปล่านะ แล้วจู่ๆผมก็คิดอะไรออกบางอย่าง

 

“เอ่อ ผมมีคำถามได้ไหมครับ?”

 

MINERVA AI สาวสวยหันมายิ้มตอบผมเป็นการบอกว่าได้แน่นอน

 

“ในหนังเรื่อง มังกรหยก ภาคปี 2006 ภาคเอี้ยก้วย ถ้าเทียบพลังลมปราณในโลกนี้กับตัวละครก๊วยเจ๋ง ของเค้าอยู่ในระดับเท่าไหร่ครับ?”

 

“ตัวละครก๊วยเจ๋งเหรอคะ? ซักครู่ค่ะ”

 

พวกพ่อกับแม่ก็เคยดูเรื่องนี้มาพร้อมกับผมจึงทำท่าสนใจสิ่งที่ผมถามเหมือนกัน ส่วนนิลไม่ค่อยดูหนังจีนเท่าไหร่เลยทำหน้าไม่รู้เรื่อง

 

“ทำการประเมินเรียบร้อยค่ะ ตัวละครก๊วยเจ๋งในหนังเรื่องมังกรหยก ปี 2006 เทียบพลังบนโลกตอนนี้ อยู่ที่ ระดับพลังลมปราณเก้าอิมจินเก็งขั้น 35 ระดับพลังวิชา 18 ฝ่ามือพิชิตมังกร อยู่ที่ระดับขั้น 32 ค่ะ”

 

ผมกับพ่อและแม่ทำหน้าอึ้งกันหมดแบบปิดไม่อยู่กันเลยเมื่อได้ยินถึงพลังระดับที่เห็นในหนังนั้น เป็นแค่ระดับ 32 เองงั้นเหรอ ทั้งๆที่แต่ละท่านั้นรุนแรงถึงขนาดพังบ้านระเบิดหินได้เลยทีเดียว

 

“สุดยอดเลยอ่ะ แม่กับพ่อว่าไง”

 

“บอกไม่ถูกเหมือนกัน เหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นอยู่เลย”

 

“แล้วมีระบบกระเป๋ามิติไหมครับ?”

 

“เออใช่”

 

เจ้านิลถามได้ดีมากทีเดียว ตอนที่พวกเราได้รับไอเท็มสำคัญๆอย่างผลโลหิตมา เราคงไม่อยากให้มันบี้แบนไปกับกระเป๋ากางเกงหรือถุงแน่ๆ มันควรจะมีที่ปลอดภัยที่สามารถเก็บของได้อย่างสะดวกด้วยสิ

 

“กล่องเก็บของมิติ สามารถใช้งานได้ค่ะ แต่จะซื้อได้ที่ร้านขายไอเท็มนะคะ”

 

“ร้านขายไอเท็ม?”

 

สุดท้ายก็เหมือนกับเกมส์อย่างที่คิด สรุปว่าไอ้ด็อกเตอร์ Z นี่มันติดทุกอย่างเลยนี่หว่า เกมส์,หนัง,นิยาย,กำลังภายใน ยังดีนะไม่เอาแฟนตาซีต่างโลกมาใส่ด้วย ไม่งั้นก็ครบเลย

 

“เป็นร้านขายของเฉพาะในระบบค่ะ ซึ่งจะมีการเปิดตัวในอีก 3 วันข้างหน้า”

 

ตอนนี้ผมกับทุกคนก็กำลังมึนกับความเป็นไปได้หลายๆอย่างในโลกใหม่นี้ และก็ไม่รู้ว่าจะถามอะไรต่อไปดีทุกคนเลยเงียบกันไปพักนึงแล้วแม่ก็พลันนึกขึ้นได้เรื่องนึง

 

“นี่พวกเราออกมาหากับข้าวกันไม่ใช่เหรอ? หิวกันรึยังล่ะ?”

 

“เออ พ่อก็ลืมไปเลยนะ”

 

“ถ้าไม่มีคำถามแล้วขอตอบคำถามเดิมก่อนหน้านี้แล้วกันนะคะ เรื่องที่ว่าสถานที่นี้มีไว้ทำอะไรได้บ้าง ก็คือ ที่นี่นอกจากจะให้ความช่วยเหลือด้านภารกิจ ก็จะมีไว้แลกเปลี่ยนเงินตราด้วย เงินตราภายในระบบจะใช้เป็น 3 หลักนะคะ อย่างแรกคือ ค่าเงิน อีแปะ ค่าเงิน ตำลึงเงิน และค่าเงิน ตำลึงทองค่ะ 1000 อีแปะ เท่ากับ 1 ตำลึงเงิน 10 ตำลึงเงินก็เท่ากับ 1 ตำลึงทองค่ะ ”

 

เหอะ…พอเข้ากึ่งเกมส์แฟนตาซีก็กลับมาโลกจีนโบราณด้วยค่าเงินเรอะ….เรื่องพวกนี้ผมได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเองในใจ