“อือ….”

 

ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้น พอมองไปรอบๆผมก็รู้ตัวเองว่ายังอยู่บนเตียงของตัวเอง ผมตื่นขึ้นมาแบบไม่ค่อยงัวเงียสักเท่าไหร่ ทั้งๆที่ปกติแล้วผมจะเป็นคนที่ขี้เกียจในการตื่นนอนมากๆ แต่เมื่อคืนนั้นผมได้ฝันถึงเรื่องบางอย่าง เป็นบางอย่างที่ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่ฝันไปแน่ๆ เรื่องราวของด็อกเตอร์ Z ที่บอกว่าโลกนี้จะเปลี่ยนไป

 

“ตกลงว่ามันฝันหรือเป็นจริงกันแน่เนี่ย”

 

ถึงผมจะพึมพำกับตัวเองสักเท่าไหร่ก็ไม่อาจรู้ความจริงได้ เพียงแค่ผมรู้สึกว่าร่างกายผมมันจะตื่นตัวขึ้นมากๆเท่านั้นเอง หรือว่าผมจะแข็งแรงขึ้น? แต่แค่การนอนคงไม่ทำให้ผมเป็นจอมยุทธจริงๆล่ะมั้ง ผมถินหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะลงมาที่ชั้นล่าง เพื่อกินข้าวเช้าโดยไม่ได้มองนาฬิกาเลยว่า ตอนนี้เวลากี่โมงแล้ว

 

“พี่…”

 

“โอ้”

 

น่าแปลกที่น้องชายของผมตื่นมาแล้วจะเรียกผมว่าพี่ หรือว่ามันยังไม่ตื่นกันแน่ฟะ ปกติมันจะเรียกชื่อผมตรงๆแท้ๆ

 

“พี่…ฝันอะไรแปลกๆไหม?”

 

“มึงฝันเหรอ? ฝันไรอะ?”

 

“เรื่องไอ้คนที่เรียกตัวเองว่าด็อกเตอร์ Z….”

 

“เชี่ย….”

 

พอผมได้ฟังน้องชายตัวแสบของผมที่น้ำเสียงเปลี่ยนไปแทบจะเป็นคนละคนพูดเรื่องเดียวกับที่ผมฝันออกมา ทำให้ผมแทบจะช็อคไปเลยทีเดียว สรุปว่าไอ้ที่ผมฝันนั้นมันไม่ใช่ฝันน่ะสิ

 

“เอาไงดีพี่?”

 

“แล้วจะเอาไงล่ะ? กูว่าคงต้องฝึกกำลังภายในแบบหนังจีนล่ะมั้ง?”

 

ผมพูดติดตลกออกไปเหมือนกับว่าผมยังรู้สึกปกติทั้งๆที่ในใจนั้นเริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะน้องผมนั้นมันน่าจะยังไม่สามารถปรบตัวได้แน่อน ผมที่เป็นที่ชายยังไงก็ต้องนิ่งไว้ก่อน น้องผมยิ้มน้อยๆออกมาบ้างแล้ว

 

“บ้าแล้ว…ไอ้พี่เวร”

 

“เอาน่า ในเมื่อไอ้ด็อกเตอร์ Z อะไรนั่นมันบอกว่าจะทำให้โลกสนุกขึ้น แล้วเราก็ทำอะไรไม่ได้ ก็ลองสนุกไปกับมันไหมล่ะ?”

 

“เดี๋ยวพี่..มึงเอาจริงเหรอ..ฝึกวิชาแบบในหนังจีนอ่ะนะ?”

 

“เอาจริงดิ…ถ้าเป็นแบบที่มันพูดจริงๆ…กูก็อยากลองใช้วิชาตัวเบาดูบ้างนะ….คงเท่สัส”

 

น้องผมก็ยังทำท่าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่าผมจะยอมทำเรื่องแบบนั้นจริงๆ ซึ่งในใจผมเองส่วนนึงก็กลัวๆเหมือนกัน แต่ก็รู้สึกว่าน่าตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้ทำอะไรแบบนั้น

 

“แล้วแม่อ่ะ?”

 

“ไม่รู้เหมือนกัน ลงมาก็ไม่เห็นเลย”

 

“ไปไหนวะเนี่ย? แม่หายว่ะ”

 

แม่ของผมปกติจะลงมาทำกับข้าวรอผมกับน้องทุกเช้า ซึ่งปกติพอลงมาแล้วก็จะเจอแม่นั่งดูทีวีอยู่ข้างล่าง แต่เมื่อผมหันไปมองนาฬิกาอีกครั้งนึงก็รู้สึกตกใจมาก

 

“เฮ้ย…ตี5 ? ตอนนี้เพิ่งจะตี5 เองเหรอ? ทำไมฟ้าสว่างแล้ววะ?”

 

น้องผมเองก็คงเพิ่งจะรู้ตัวในตอนที่หันไปมองนาฬิกาตามผมเหมือนกัน ก็หันกลับมามองหน้าผมด้วยใบหน้าที่บอกว่า เหลือเชื่อเลยว่ะ!

 

“อ้าว ตื่นกันแล้วเหรอ?”

 

“แม่!”

 

ผมกับน้องเรียกแม่พร้อมกันเมื่อเห็นแม่เดินลงจากบันได หน้าตาแม่ดูสดชื่นมากทั้งๆที่แกเป็นโรคเหนื่อยล้าจากการทำงานมาก่อน ช่วงหลังมานี้ผมกับน้องก็จะคอยช่วยทำงานบ้าน มีแต่เรื่องอาหารเท่านั้นที่แม่ต้องมาทำให้คนในบ้านกิน เพราะใครทำก็ไม่อร่อยเท่าแม่ทำ

 

“อย่าบอกนะ ว่าแม่ก็ฝันเหมือนกัน”

 

ผมยิงคำถามหลักออกไปทันที พอแม่ได้ยินก็ทำหน้าเหลือเชื่อไปอีกคน แต่แม่เป็นคนปลงอะไรง่ายๆอยู่แล้วก็เลยเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วกว่าคนอื่น

 

“นั่นสินะ เรื่องจริงทั้งหมดงั้นเหรอ”

 

“ว่างั้นแหละแม่”

 

คราวนี้ทั้งแม่ ผม และน้องชายผมก็มานั่งกันอยู่บนโต๊ะอาหารด้วยสีหน้างุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วก็ไม่รู้ว่าจะปฎิบัติตัวกันยังไงต่อดี

 

“ดูทีวีก่อนไหมแม่?”

 

“เออ นั่นสิ เปิดๆ”

 

ผมที่ฉุกคิดได้ก่อนว่าเรื่องนี้มันเปลี่ยนทั้งโลกนี่หว่า เพราะงั้นพวกรัฐบาลของประเทศเรามันจะไม่ทำอะไรเลยเหรอ ก็คงไม่น่าเป็นไปได้จะต้องมีประกาศอะไรออกมาแน่ๆ จึงรีบเปิดทีวีดู

 

[นี่เป็นรายการประกาศสำคัญที่จะรันต่อเนื่องไปตลอดทั้งวัน เพราะงั้นไม่ต้องห่วงว่าจะพลาดอะไรไปในช่วงไหน และท่านสามารถดูวนไปได้เรื่อยๆครับ]

 

เปิดมาก็เจอตัวหนังสือพาดหัววิ่งช้าๆในจอทีวี ที่บอกเราว่ามันเป็นรายการที่ฉายตลอดวนไปซ้ำๆ เพื่อให้คนในประเทศได้รับข่าวสารที่เหมือนกันไม่ว่าจะดูช่วงเวลาไหนก็ตาม พวกผมก็นั่งดูกับแม่ไปเรื่อยๆ จนรายการมันวนอยู่แบบนั้น 2-3 รอบจึงปิดทีวีลง เพราะไม่มีอย่างอื่นให้ดู

 

“แม่ เพชร นิล”

 

เสียงของพ่อดังมาจากบันไดที่พวกเราลงมากันจากชั้นสอง ที่เดียวกับที่แม่เรียกผมกับน้อง สีหน้าของพ่อนั้นเหมือนกับแม่ตอนที่ลงมาเป๊ะๆ แล้วพ่อก็มานั่งบนโต๊ะอาหารเหมือนกับพวกเราแล้วก็ทำหน้างงเหมือนกันอีก ดูเหมือนว่าพ่อจะยืนอยู่ที่บันไดนานแล้ว พร้อมๆกับที่พวกเรากำลังดูประกาศอยู่ จึงเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว

 

“เอาไงดีพ่อ”

 

“ก็คงไม่เอาไงล่ะแม่ เค้าประกาศมาแบบนั้นก็คงต้องใช้ชีวิตแบบนั้นไปจริงๆ”

 

ผมกับน้องได้แต่รู้สึกว่า เรื่องนี้มันยิ่งกว่าเรืองเหนือจินตนาการไปโคตรมหาศาล โดยจากประกาศของประเทศที่แทบจะเหมือนๆกับสิ่งที่ด็อกเตอร์ Z ได้พูดเอาไว้ในความฝันของพวกเราทุกคน ส่วนที่เหลือก็คือการจัดการของประเทศ ซึ่งก็จะดำรงไว้ซึ่งความสงบสุขเช่นเดิม และเนื้อหาเพิ่มเติมที่ได้มาก็คือ

 

“การดำเนินการใดๆ ที่เป็นการประทุษร้ายต่อประชาชนในประเทศด้วยพลังที่ได้มาใหม่ ไม่ว่าทางใด จะมีบทลงโทษเหมือนกับการทำร้ายร่างกาย ทำลายสิ่งของ หรือทำให้เสียชีวิต”

 

“สถานที่ที่เป็นที่ตั้งของเครื่องกำเนิดพลังงานที่ห้ามประชาชนเข้าใกล้เป็นอันขาด เพราะมีสัตว์ประหลาดคอยเฝ้าอยู่ และจะฆ่าทุกคนที่ทำการโจมตีไม่ว่าทางใดทางหนึ่งไม่ว่าจะระยะไกลแค่ไหนก็ตาม”

 

“ส่วนรายละเอียดอื่นๆ จะมีการแจ้งเพิ่มเติมอีกครั้ง และในช่วงเวลาต่อจากวันนี้ ให้งดการเรียนการสอนทุกประเภทของโรงเรียน มหาวิทยาลัย ทุกแห่งในประเทศไว้ก่อน จนกว่าจะมีประกาศที่แน่นอนอีกครั้ง”

 

ดูคร่าวๆมันก็ไม่ค่อยต่างจากเดิมในเรื่องของความมั่นคง แต่ผมก็คิดว่าวิถีชีวิตของพวกเราต่อจากนี้นั้นจะไม่เหมือนเดิมแน่ๆ เมื่อผมฉุกใจคิดอะไรบางอย่างได้ จึงรีบเปิดโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วก็เปิดเน็ตทันที

 

“ติ๊ง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ “

 

“แม่เจ้า”

 

“อะไรวะเนี่ย เยอะชิบหาย”

 

พ่อ แม่ แล้วก็น้องผมได้ยินเสียงผมอุทานออกมาคำใหญ่ พร้อมกับให้ความสนใจว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เมื่อผมมองไปที่ทุกคนแล้ว ยังไงผมก็ต้องบอกหมดแหละ ผมจึงรีบอ่านๆอันที่เป็นพวกแชทในกลุ่มต่างๆ ที่เด้งกันไม่หยุด และเปิดหาข่าวหลักใหญ่ๆ แล้วก็เสียบต่อสายจากโทรศัพท์เข้าจอทีวี

 

“นี่เป็นข่าวจากสำนักข่าวที่ไปแถวจุดที่ตั้งของเครื่องกำเนิดพลังงานที่ว่าอ่ะ”

 

“เยสเขร้~~”

 

คำอุทานของบ้านผมช่างดูอินดี้ต่างจากบ้านอื่นเสียนี่กระไร เมื่อพวกผมได้ดูสิ่งที่คิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ตรงหน้า มันเป็นภาพของสิ่งมีชีวิตใหญ่ยักษ์ชนิดหนึ่งซึ่งคนไทยเรารู้จักกันดี

 

“แม่ นั่นโคตรนาคีใช่ป่ะ?”

 

“คงใช่แหละ ถ้านาคีเฉยๆคงตัวเล็กกว่านี้”

 

“พ่อว่านั่นโคตรพญานาครึเปล่า?”

 

“ฮึ่ย พ่อ เรียกนาคีเถอะ หนังเพิ่งจบไปพอดี สื่อสารกับใครก็เข้าใจ”

 

“แต่ยังไม่รู้ว่าตัวผู้หรือตัวเมียนี่นา”

 

การที่ครอบครัวผมมาประหลาดใจและหาคำตอบกับเรื่องแบบนี้นั้นคงไม่ต่างจากบ้านอื่นๆเท่าไหร่ ผมเองก็ว่าปกติแหละ ไม่ว่าเป็นใครก็คงรู้สึกโคตรประหลาดใจกับงูตัวใหญ่ยักษ์มหึมาขนาดใหญ่กว่าตึก 100 ชั้น ที่กำลังขดตัวเองม้วนรอบเครื่องกำเนิดพลังงานอยู่

 

“เอ่อ แม่ ไอ้ตัวพรรค์นี้มันมีบนโลกจริงๆเหรอ?”

 

“พ่อว่านั่นของปลอมรึเปล่าล่ะ?”

 

“CG มั้งพ่อ?”

 

“ไปหมดแล้วบ้านกู”

 

เมื่อเล่นตลกหกฉากในบ้านเสร็จ พวกผมก็นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ เกี่ยวกับทั้งเรื่องต่อไปจะเอาไง เรื่องที่ผมกับน้องไม่ต้องไปโรงเรียนแล้ว ส่วนพ่อเองก็ไม่รู้ว่าต้องออกไปทำงานรึเปล่า ได้แต่คอยให้ทางที่ทำงานติดต่อมาบอก จนเวลาได้มาถึง 6 โมงเช้า เสียงเดิมก็เข้ามาในหัวของผมและครอบครัว

 

==============================================================

 

“สวัสดี ประชาชนชาวโลกทุกคน ผมด็อกเตอร์ Z มีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง เกี่ยวกับระบบโลกใหม่ใน “โปรเจ็คยุทธภพ”นี้ครับ”

 

“อันดับแรก เรื่องของเวลา ณ ตอนนี้ผมได้ทำให้เวลาของทั้งโลกเปลี่ยนมาใช้เวลาที่เท่ากัน ก็คือ 6.00 น. ในตอนนี้ให้เป็นเวลาเริ่มต้นโปรเจ็ค ทั้งโลกจะมีกลางวันและกลางคืนเท่าๆกัน โดยใช้การสะท้อนมุมของแสง ทำให้ทุกๆที่สว่างเท่าๆกัน ส่วนเรื่องสภาพอากาศผมจะกำหนดให้เองตามอีเว้นท์ของแต่ละพื้นที่ ส่วนเรื่องของวันที่ คุณสามารถใช้วันที่เดิมของโลกเก่าได้ แต่ผมจะกำหนดเพิ่มให้เพื่อใช้ในอีเว้นท์ต่างๆ ขอให้เริ่มวันนี้เป็นวันที่ 1 เดือน 1 ปียุทธภพที่ 1 การเปลี่ยนวันของแต่ละวันคือจากเดิมที่ เวลา 0.00 น. ให้เป็นเวลา 6.00 น.ก็คือช่วงเวลาเริ่มเดินโปรเจ็คนี้เอง ใน1วันกำหนดให้มี 24 ชั่วโมง ใน1เดือนกำหนดให้มี 30 วัน ใน1ปีกำหนดให้มี12เดือน”

 

“เรื่องที่ 2 ทุกคนน่าจะรู้ตัวกันแล้วว่า โรคภัยไข้เจ็บต่างๆในร่างกายของคุณได้มลายหายไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรคหนักร้ายแรงระดับมะเร็งเซลเม็ดเลือด หรือแม้แต่โรคเอดส์ ไปจนกระทั่งโรคหวัด หรือแค่ปวดกล้ามเนื้อ ผมทำการรักษาให้ฟรีเพราะต้องปรับสภาพร่างกายของพวกคุณให้เหมาะสมที่จะรับพลังลมปราณปริมาณมากได้โดยไม่ตัวระเบิดแตกตายไปซะก่อน ขอให้รักษาตัวเองให้ดีหลังจากนี้ด้วย เพราะผมจะทำให้แค่ครั้งเดียวเป็นกรณีพิเศษฉลองเปิดโปรเจ็ค ถือซะว่าเป็นสวัสดิการณ์แล้วกัน”

 

“เรื่องที่ 3 เป็นเรื่องของยุทธภพใหม่นี้ แน่นอนว่ามันเกี่ยวกับเรื่องของพลังภายใน พลังลมปราณ พลังของวิชายุทธ เป็นหลัก

1. ระดับพลังลมปราณนั้นไม่มีการกำหนดขั้นสูงสุด แต่ถ้ายิ่งมีขั้นเยอะคุณก็จะสามารถมีชีวิตยืนยาวได้มากขึ้น ไม่ว่าจะฝึกพลังหยินหรือหยางก็ตาม ผมได้จัดการไว้ให้หมดแล้ว แล้วมันก็เกี่ยวเนื่องกับวิชาที่จะสามรถใช้ได้ด้วย กล่าวคือ ยิ่งระดับพลังสูงก็ยิ่งอายุยืน และสามารถใช้วิชาฟ้าถล่มดินทลาย หรือมีร่างกายแข็งแรงขึ้นขนาดเหาะเหินเดินอากาศได้ หรือแม้กระทั่งมีชีวิตอยู่ในอวกาศได้ด้วย แต่ข้อหลังนี่ผมยังไม่แนะนำให้ออกไปนอกโลกนะ เพราะอะไรก็อย่าเพิ่งรู้แล้วกัน

 

  1. เรื่องของวิชายุทธ ผมได้แบ่งแตกแขนงออกไปเท่าที่ผมจะหาได้ในนิยายจีนนั่นแหละ และมีส่วนอื่นๆเพิ่มเติมเข้ามาอีกมากด้วย แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าแต่ละวิชามีดีต่างกัน ขอให้ฝึกอันที่ชอบก็แล้วกัน

 

  1. เรื่องของสัตว์เทพในตำนานที่คอยเฝ้าเครื่องกำเนิดพลังงาน ตรงนี้ผมกำหนดให้เป็นสัตว์ที่รู้จักกันดีของแต่ละพื้นที่ในโลก อย่างถ้าเป็นจีนก็คงจะได้เห็นกันแล้วใช่ไหม มังกรถือลูกแก้วน่ะ ชอบล่ะสิ ฝั่งยุโรปก็จะมีทั้ง มังกรยักษ์กับปีศาจในตำนานหลายๆตัวเลยล่ะ และคำเตือนของผมยังเหมือนเดิมนะ ถ้ายังไม่อยากตายก็อย่าไปแหยมพวกมันเข้าล่ะ ถ้าอยากสู้กับมันล่ะก็อย่างน้อยพวกคุณก็ต้องสำเร็จวิชาเก้าเอี๊ยงจินเก็งขั้นที่ 200 กับวิชาเคลื่อนย้ายจักรวาลขั้นที่ 200 ให้ได้ก่อน ถึงจะมีพลังพอไปท้าทายมันได้โดยไม่ตายกลับมา แต่จะชนะรึเปล่าผมก็ต้องบอกว่ามีโอกาสซัก 5% ล่ะมั้ง แต่อย่างน้อยก็คงจะเอาตัวรอดชีวิตกลับมาได้ล่ะ

 

“และเรื่องสุดท้ายนี้ เป็นเรื่องของอีเวนท์ในโปรเจ็คยุทธภพ จะมีรับสมัครการต่อสู้ชิงตำแหน่งจ้าวยุทธจักรด้วย ซึ่งจะดำเนินการแข่งไปเรื่องๆ ในทุกๆวันจนกว่าจะครบ เดือนที่ 12 ก็คือเดือนสิ้นปี วันที่ 30 ของเดือนสิ้นปี จะเป็นวันแข่งสุดท้ายของรอบชิงจ้าวยุทธจักร ซึ่งจะเป็นการพบกันระหว่างอันดับ 1-4 ที่มีคะแนนสูงที่สุดในรอบปีนั้น ส่วนรางวัลก็คือ ผู้ที่ผ่านรอบคัดเลือกไปสู้ในรอบจริงได้จะได้รับผลโลหิตคนละ 1 ผลเพื่อปรับระดับลมปราณให้เพิ่มขึ้น 1 ระดับ ผู้ที่ชนะรอบจริงรอบแรก จะได้ 2 ผล ชนะรอบที่2 จะได้ 3 ผล ตั้งแต่รอบที่ 4 เป็นต้นไปจะได้รับอุปกรณ์พิเศษในรูปแบบต่างๆ ไปเรื่อยๆตามความเหมาะสมของวิชาที่ตัวเองใช้ อันดับ 1-4 จะได้อุปกรณ์ที่ดีที่สุดที่จะมีประกาศภายในงาน ส่วนจ้าวยุทธจักรในแต่ละปี จะสามารถขออะไรก็ได้อย่างหนึ่ง ในระดับที่ผมสามารถให้ได้ แต่ผมขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าผมจะทำให้ได้มากที่สุดก็คือ ดึงวิญญาณคนที่ตายไปแล้วกลับมาโลกนี้เพื่ออยู่กับคุณได้ แต่จะไม่ชุบชีวิตให้เด็ดขาด เพราะงั้นอย่าคาดหวังอะไรให้มากนักล่ะ”

 

“ส่วนเรื่องของรายละเอียดต่างๆ ผมได้ใส่ไว้ให้ในเวปไซต์แล้ว แค่เซิจคำว่า “โปรเจ็คยุทธภพ” ก็พอ และมีทุกภาษาให้คุณเข้าใจแน่นอน แล้วก็จะมีส่วนงานรับเรื่องราวร้องทุกข์ไว้ให้ด้วย ถ้ามีเหตุการณ์เกิดการทำงานผิดพลาดของระบบตรงไหน ก็ให้แจ้งมา หรือมีคำถามนอกเหนือไปจากที่ในเว็บไซต์มีก็ให้แจ้งมา ระบบจะเป็นคนตอบคุณให้ตลอด 24 ชั่วโมง ขอให้ใช้งานอย่างฉลาดก็แล้วกัน และก็ผมขอเตือนพวกที่ชอบลองของหรือนักเลงคีย์บอร์ดไว้อีกอย่างนึงนะ จะมีบทลงโทษสำหรับพวกที่พิมอะไรแย่ๆมาด้วย ใครอยากลองก็ลองได้ไม่ห้าม แต่มันจะหนักขึ้นเรื่อยๆถ้ายังทำผิดซ้ำซ้อน สำหรับคนที่ไม่ได้ใช้งานอินเตอร์เน็ต ผมจะมีส่วนเอกสารส่งให้ไปก็แล้วกัน แต่ตอนนี้น่าจะถึงบ้านทุกคนแล้วล่ะ แม้กระทั่งคนจรจัดก็ได้รับด้วยนะ”

 

“เอาล่ะ ข้อมูลทั้งหมดก็แจ้งไปหมดแล้ว ต่อไปนี้ก็เริ่มใช้ชีวิตตามที่ตัวเองเลือกกันได้เลย ขอบคุณที่สนุกไปพร้อมๆกับผม ลาก่อน บายยย”

 

=================================================================

 

“รักษาโรคให้ด้วยเหรอ!?”

 

“มิน่าเช้ามานี้แม่ไม่รู้สึกล้าเลย เหมือนกลับไปเป็นตอนอายุ 15”

 

“15 จริงรึเปล่าแม่ ขอพิสูจน์แปป”

 

“หยุดเลยทั้งพ่อกับแม่อ่ะ โอยยย”

 

“แต่ที่ว่าพวกเรามีพลังลมปราณแล้วนี่มันจริงรึเปล่าอ่ะพ่อ?”

 

“อาจจะจริงนะลองดูไหม?”

 

“ลองยังไงอ่ะ”

 

“เข้าเว็บไง”

 

พ่อผมเป็นคนฉลาดนะ ปกตอเป็นคนที่ถามอะไรก็ตอบได้หมด แต่แกชอบเล่นมุกฮาๆซะมากกว่า ผมก็เลยเข้าเว็บไปเซิจหาโปรเจ็คยุทธภพตามที่ด็อกเตอร์ Z มันว่าไว้ แล้วก็เจอเข้ากับหน้าต่างค้นหาอีกอันหนึ่งในหน้าเว็บโล่งๆ

 

“หะ!?”

 

“ค้นหามาเจอเว็บค้นหาอีกทีเรอะ?”

 

“นี่มันกำลังกวนตีนเราป่าวอะแม่?”

 

“พ่อว่ามันคงให้เราพิมสิ่งที่ต้องการหาลงไปล่ะมั้ง?”

 

“ดีนะมีพ่อฉลาด”

 

“ว่าแม่โง่เรอะเดี๋ยวอดข้าวหรอก”

 

“ขอโทษคับแม่ -*- “

 

จากนั้นผมก็พิมสิ่งที่ต้องการค้นหาลงไปในช่อง แล้วก็กดตกลงไป ซึ่งผมก็พิมไปว่า “ลมปราณ”

 

===============================================================

 

[โปรเจ็คยุทธภพ] ลมปราณ

 

ลมปราณคือสิ่งที่อยู่ภายในสิ่งมีชีวิตและสิ่งในไม่ชีวิตบางประภท เป็นสิ่งที่ทำให้ร่างกายแข็งแรง ถ้ามีระดับสูงจะสามารถยืดอายุไขได้ด้วย ยิ่งระดับสูงยิ่งมีความต้านทานต่อสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ ร้อน เย็น เพิ่มความแข็งแรงของภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ ทำให้ไม่เป็นโรคได้ง่าย ยิ่งมีระดับสูงมากจะทำให้คุณไร้โรคกวนใจได้เลย ยกตัวอย่างว่า ต่อให้ไปมีอะไรกับคนเป็นโรค HIV พลังลมปราณในร่างก็จะกำจัดเชื้อโรคให้ทำให้คุณไม่ติดโรคนั้นๆมา

 

ประเภทของลมปราณ มี 4 ประเภท

1.หยิน

2.หยาง

3.ธาตุ

4.สุญญากาศ

 

หยิน คือ พลังเย็นเป็นพลังปราณประเภทเกี่ยวกับความสงบนิ่ง เคลื่อนไหวดั่งลำน้ำ นิ่งดั่งน้ำในชาม เน้นสลายพลังและเสริมพลังป้องกัน แต่ถ้าฝึกวิชาต่อสู้ก็สามารถระเบิดพลังออกมาได้อย่างมหาศาล

 

หยาง คือ พลังร้อนเป็นปราณประเภทเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว แผดเผาดั่งเพลิงกาฬ รุนแรงเกรี้ยวกราด เน้นทางเสริมพลังทำลายและเสริมแกร่งอาวุธ แม้จะใช้ในการป้องกันตัวก็ไม่แพ้พลังหยินแม้แต่น้อย

 

ธาตุ คือ พลังเฉพาะสามารถแปรเปลี่ยนได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับพื้นฐานจิตใจของแต่ละคน ร้ายหรือดี แล้วแต่นิสัย ฝึกวิชาได้หลากหลาย ยิ่งระดับปราณสูงจะสามารถก่อกำเนิดพลังแบบใดก็ได้ ไม่มีข้อจำกัด

 

สุญญากาศ คือพลังด้านลบเป็นปราณพิเศษที่ฝึกได้ยาก มีพลังทำลายที่คาดการณ์ไม่ได้ สามารถใช้พลังเกี่ยวกับอณูบรรยากาศและสิ่งต่างๆรอบตัวได้อย่างยอดเยี่ยม

 

วิธีการฝึกเพิ่มระดับลมปราณ 3 วิธี

1.ฝึกจากคัมภีร์

2.ฝึกจากผู้อื่น

3.ฝึกด้วยตัวเอง

4.กินผลโลหิต ใช้งานอุปกรณ์พิเศษ ดื่มโลหิตสัตว์อสูร ดื่มโลหิตสัตว์เทพ

 

ฝึกจากคัมภีร์ คือ การเรียนเดินพลังตามคัมภีร์ยุทธต่างๆ ไม่ว่าจะพลังแบบไหนก็มีให้เรียน

 

ฝึกจากผู้อื่น คือ การเดินพลังตามคำสอนหรือคำแนะนำของผู้อื่น

 

ฝึกด้วยตัวเอง คือ การทดลองเดินพลังในรูปแบบต่างๆด้วยตัวเอง

 

===========================================================

 

เมื่ออ่านจบทั้งครอบครัวผมก็มองหน้ากันแปลกๆ พอผมเห็นว่าเงียบนานเกินไปผมจึงเริ่มพูดขึ้นมาก่อน

 

“เข้าใจป่าวพ่อ?”

 

“เข้าใจล่ะมั้ง? น่าจะนะ”

 

“แล้วแม่อ่ะ?”

 

“คงพอเข้าใจบ้าง แต่ก็คิดว่าเข้าใจนะ”

 

“มึงอ่ะนิล?”

 

“10%!”

 

“น้อยสัส!”

 

บอกตรงๆว่าผมเองก็พอจะเข้าใจบ้างซักครึ่งๆล่ะมั้ง แต่สำหรับคนที่อ่านนิยายกำลังภายในมาเยอะๆ ผมว่าคงถนัดเลยล่ะ

 

“พ่อว่ามาประมวลผลกันก่อน แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเรามีพลังลมปราณสายไหน?”

 

“นั่นดิพ่อ”

 

“มันมีวิธีพิสูจน์ได้ไหม?”

 

“ไม่รู้อ่ะ”

 

“เพชร เซิจต่อๆ”

 

ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นคนที่มีพลังลมปราณสายไหน จึงรีบทำตามที่พ่อบอกทันที

 

================================================================

 

[โปรเจ็คยุทธภพ] ตรวจสอบลมปราณว่าอยู่สายใด

 

การตรวจสอบร่างกายว่าสามารถฝึกฝนลมปราณสายใดแล้วก้าวหน้าได้ไว สามารถดูได้จาก กรุ๊ปเลือดของบุคคลนั้นๆ

 

กรุ๊ป A ปราณหยิน

กรุ๊ป B ปราณหยาง

กรุ๊ป O ปราณธาตุ

กรุ๊ป AB ปราณสุญญากาศ

 

================================================================

 

“แค่เนี้ย?”

 

“แค่นี้แหละ”

 

สรุปว่าเรื่องของลมปราณในบ้านผมก็จบลงแต่เพียงเท่านี้ กำหนดได้ขวานผ่าซากมากไอ้ด็อกเตอร์ Z