Ep.996 – ปฏิเสธครั้งที่สอง

เรื่องคลังสมบัติฉินเฟิงจำได้ แต่กระทั่งแต้มสงครามเขายังไม่อาจรับได้ ดังนั้นไม่มั่นใจว่าคำพูดของอีกฝ่าย จะเชื่อถือได้หรือไม่ แต่เมื่อถูกถาม ก็บอกไปตามความเป็นจริง

“ผมเพิ่งออกจากโถงผู้ใช้พลัง ซากศพแมลงสัตว์ร้ายที่ผมล่าได้ถูกอบิลิตี้ของผมทำลายไปหมดแล้ว เลยไม่สามารถนับยอดได้ เหลือแค่ศพแม่แมลง แต่ผมไม่อยากแลกเปลี่ยนมัน!”

“นี่ … ” เย่ฮุนเห็นได้ชัดว่ารู้สึกลำบากใจ ในขณะที่คนอื่นๆมีความสุขยิ่ง

เอาจริงๆ ตราบใดที่ส่งมอบศพแม่แมลงเลเวล SS ฉินเฟิงจะต้องกลายเป็นผู้ล่าอันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะท้ายที่สุดแล้ว นั่นคือนางพญาที่ควบคุมการรุกรานในครั้งนี้

แต่ในความคิดของฉินเฟิง ศพแม่แมลงมีค่ามากกว่าอาวุธเทวะเลเวล S

หากเป็นผู้ใช้พลังเลเวล S คนอื่นๆ คงนำศพแม่แมลงเลเวล SS ไปแลกแล้ว อย่างแรกเลยพวกเขาไม่กล้าดูดซับพลังงานนี้เข้าสู่ร่างกาย เพราะเกรงว่าอาจระเบิดตัวแตกตาย อย่างที่สองก็คือ เพราะพวกเขากลัว กลัวว่าสมบัติล้ำค่าจะกระตุ้นความริษยาของผู้คน ดึงดูดผู้ไม่หวังดีเข้ามา

ด้วยเหตุนี้ วิธีที่ดีที่สุด แน่นอนต้องนำมันไปแลกกับอาวุธเทวะ

แต่ช่างน่าเสียดาย ที่ฉินเฟิงแตกต่างจากพวกเขา เจ้าตัวครอบครองมีดกษัตริย์คราม ซึ่งไม่ต่างอะไรกับอาวุธเทวะเลย

ดังนั้น สุดท้ายฉินเฟิงเลยตัดสินใจไม่แลกเปลี่ยนมัน

ฉินเฟิงเลือกหนทางนี้ คนอื่นๆย่อมมีความสุขเป็นธรรมดา ไม่มีฉินเฟิงเป็นคู่แข่ง บางทีผู้ที่สามารถคว้าอาวุธเทวะเลเวล S ไปครอง อาจเป็นพวกเขา

ในเวลานั้นเอง เทพบุปผาฮั่วซีกล่าวว่า “แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่มิสเตอร์ฉินที่ยังหนุ่มและมากความสามารถ ฉันรู้สึกชื่นชมเป็นอย่างมาก ดังนั้นฉันขอมอบอาวุธเทวะเลเวล S ของฉันให้เอง! ไม่ทราบว่ามิสเตอร์ฉินมาจากมิติใด คุณสนใจจะเข้าร่วมกับดาวทะเลดอกไม้ของฉันหรือไม่?”

นี่มันการชักชวนปากเปล่าต่อหน้าฝูงชน!!

แม้ฉินเฟิงจะเป็นแค่ผู้ใช้พลังเลเวล S แต่ความแข็งแกร่งของเขาไม่ธรรมดา ดีไม่ดีแข็งแกร่งกว่าเย่ฮุนด้วยซ้ำ ดังนั้นฮั่วซีจึงเกิดความคิดที่จะชักชวน

ประโยคนี้ ทุกคนในห้องล้วนได้ยินมัน แล้วฉินเฟิงจะไม่ได้ยินได้อย่างไร?

หากเป็นคนอื่น ที่ไม่มีความใฝ่ฝันหรือทะเยอทะยานมากนัก เมื่อต้องเผชิญกับการชักชวนของฮั่วซี เกรงว่าคงไม่มีใครปฏิเสธ ทว่าฉินเฟิงไม่ต้องการแบบนั้น

“ไม่ดีกว่าครับ ผมคิดว่าแบบนั้นมันไม่ยุติธรรมกับคนอื่นๆ อีกอย่างผมกำลังจะเดินทางในไม่ช้า ไม่มีความตั้งใจที่จะอยู่บนดาวทะเลดอกไม้อีกแล้ว”

คนอื่นๆจ้องมองฉินเฟิงด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ไม่คาดฝันเลยว่าฉินเฟิงจะพูดอะไรแบบนี้ออกมาอย่างกะทันหัน

นี่เขาโหดเหี้ยมเพียงใดกัน ถึงได้ปฏิเสธเทพบุปผา?

ยิ่งไปกว่านั้น นี่นับเป็นครั้งที่สองแล้วที่ฉินเฟิงปฏิเสธเทพบุปผา

ฉินเฟิงสังเกตเห็นการแสดงออกของคนอื่นๆ ในที่สุดกล่าวว่า “อันที่จริงที่นี่ไม่ค่อยเหมาะกับผม … ”

ลึกๆแล้วเย่ฮุนไม่อยากให้ฉินเฟิงอยู่ต่อ เพราะท้ายที่สุดแล้ว บนดาวทะเลดอกไม้ ฮั่วซีไม่ได้อยู่ที่นี่บ่อยนัก ฉะนั้นตัวเขาในเลเวล SS จึงเปรียบดั่งจักรพรรดิครองแผ่นดิน หากฉินเฟิงรั้งอยู่ มีแนวโน้มที่จะคุกคามสถานะของเขา

ดังนั้นเมื่อฉินเฟิงเอ่ยเหตุผล เย่ฮุนเสริมต่อทันที “จริงสิ มิสเตอร์ฉินเป็นผู้ใช้อบิลิตี้มืดนี่นา พลังของคุณคงไม่เหมาะกับดาวทะเลดอกไม้”

เมื่อประโยคนี้หลุดออกมา หลายประโยคที่ฮั่วซีตระเตรียมในหัวใจก็ไม่สามารถเอ่ยปากได้อีกต่อไป ถ้าเธอยังดึงดันขอให้ฉินเฟิงเป็นผู้ติดตาม แบบนั้นมันดันทุรังเกินไป

“เช่นนั้นฉันจะไม่บังคับใครผู้คนต้องลำบากใจแล้ว” ฮั่วซีกล่าว

“อา! ขอบพระคุณท่านเทพบุปผาที่เข้าใจ ผมคงไม่อยู่รอการนับแต้มสงคราม ขอตัวลา!” ฉินเฟิงนำไป๋หลีออกจากจุดนั้นทันที และเวลานี้ ผู้คนต่างจับจ้องไปทางด้านหลังของฉินเฟิง มองไปยังใบหน้าของไป๋หลี

ในพริบตา ฝูงชนต่างตะลึงงัน! เฝ้ารอจนกระทั่งทั้งสองจากไป ถึงค่อยสามารถเรียกสติกลับคืน

“สงสัยอยู่แล้วเชียว ว่าทำไมแม้แต่เทพบุปผาฉินเฟิงก็ยังกล้าหักใจปฏิเสธ ปรากฏว่ามีสาวงามล่มเมืองคอยติดตามอยู่ข้างกายเขา”

“แต่จะยังไงก็เถอะ มันไม่มีหรอกคนที่รังเกียจความงาม ฉินเฟิงผู้นี้ใจแข็งเป็นหินจริงๆ  ถึงกล้าปฏิเสธท่านเทพบุปผา”

“เฮ้ อย่าพูดดังไป!”

คำเหล่านี้ที่หลุดออกมา ฮั่วซีเพียงเหลือบมองด้วยหางตา ขณะเดียวกันในหัวใจรู้สึกเสียดายเล็กน้อย

“สกุลฉิน ฉันจะจดจำคุณไว้!”

คำว่าจดจำ ไม่ได้หมายความว่าต้องเกลียดชังกันเสมอไป แค่ฮั่วซีรู้สึกว่า ชายคนนี้ อาจกระทำการยิ่งใหญ่ในอนาคต เธอและเขาอาจได้พบกันอีกในภายหลัง!

เวลานี้ ฉินเฟิงก้าวเข้าสู่ประตูมิติ กลับไปยังพันธมิตรมนุษย์ ส่วนไป๋หลีนำเขาก้าวหนึ่ง กลับไปยังเมืองหลวงแห่งความมืดก่อนแล้ว

เมื่อฉินเฟิงกลับมาถึงเมืองหลวงแห่งความมืด ก็พบว่าไป๋หลีกำลังยืนกอดอกรอเขาอยู่

“ทำไมเธอถึงยกเลิกโล่พลังสมาธิออก? อย่าบอกนะว่าหึง?” ฉินเฟิงบีบจมูกน้อยๆของไป๋หลี พลังสมาธิของจิ้งจอกน้อยทรงพลังมาก ภายใต้โล่พลังสมาธิ คนอื่นๆจะเพิกเฉยต่อการดำรงอยู่ของเธอโดยไม่รู้ตัว และหลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาจะลืมเลือนเกี่ยวกับเธอไปหมดสิ้น

ยังไงก็ตาม ตอนเดินออกจากโถงผู้ใช้พลัง ไป๋หลีกลับถอนโล่สมาธิออกอย่างกะทันหัน เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงสู่สายตาฝูงชน

ในความคิดของฉินเฟิง นี่ไม่ต่างจากลูกแมวน้อยที่กำลังกางกรงเล็บข่มขู่คนอื่นๆ เพื่อพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นว่าฉินเฟิงเป็นของเธอ!

“ฮึ่ม! นับว่าคุณยังโชคดี ไม่งั้นวันนี้คุณคงได้นอนบนพื้นไปแล้ว!” ไป๋หลีแค่นเสียงเบาๆ

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ฉันแสดงจุดยืนหนักแน่นขนาดนั้น ไม่ใช่ว่าฉันสมควรได้รับรางวัลหรอกหรือ?” ฉินเฟิงกล่าว

“ก็ได้ งั้นฉันจะจูบคุณ!”

“แค่นั้นเองหรอ? ของรางวัลน่ะ … มันต้องได้มากกว่านี้!” ฉินเฟิงก้าวไปข้างหน้า หมายจะโอบเอวไป๋หลี หญิงสาวหัวเราะคิกคัก ดีดตัวหนีไปทันที

ทั้งสองวิ่งไล่จับกันไปรอบๆ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะลืมเลือนไปแล้วว่าเพิ่งปฏิเสธผู้ใช้พลังเลเวล SSS มา

เมื่อทราบว่าจอมมารซวนเฟิงกลับมาแล้ว ในวันถัดมา ฟีนิกซ์เพลิงก็มาเคาะประตู ฉินเฟิงปรับอารมณ์ของเขาเตรียมต้อนรับเธอ

“ท่านจอมมาร สิ่งที่คุณต้องการ พวกเราจัดเตรียมเอาไว้แล้ว แต่จำนวนของมันน้อยกว่าที่คิด .. ” ฟีนิกซ์เพลิงกำลังคิดเอ่ยคำขอโทษ หวังว่าฉินเฟิงจะไม่ลงโทษเธอ

ฉินเฟิงเปิดอุปกรณ์รูนมิติของอีกฝ่ายถ่ายเทพลังสมาธิลงไป เมื่อเห็นข้างใน พบว่ามีแก่นอบิลิตี้อยู่นับร้อยก้อน เลเวลแตกต่างกันออกไป ธาตุก็ยังแตกต่าง

นี่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะแก่นอบิลิตี้เหล่านี้ ทั้งหมดล้วนมีคุณลักษณ์ของธาตุมืดแฝงอยู่

ไม่ว่าจะเป็นธาตุสายฟ้า , ธาตุโลหะมืด หรือธาตุไม้ ล้วนแฝงคุณสมบัติธาตุมืดไว้ทั้งสิ้น

สิ่งที่ฉินเฟิงต้องการไม่ใช่ปริมาณ ดังนั้นจึงไม่รู้สึกว่าฟีนิกซ์เพลิงทำงานไม่ดี เขาโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ กล่าว่วา“คุณไปเถอะ แค่นี้ก็ใช้ได้แล้ว อีกสักพักฉันจะออกไป แต่ยังอยู่ในมิตินี้ ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น สามารถติดต่อหาฉันได้”

“อา! เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ!” ฟีนิกซ์เพลิงพยักหน้ารับอย่างรีบร้อน หลังจากจอมมารซวนเฟิงเข้ายึดครองเมืองหลวงแห่งความมืด แม้เรื่องนี้จะแพร่กระจายออกไปไกล แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้ามาโจมตีเลย

ฟีนิกซ์เพลิงพอได้ยินคำพูดของฉินเฟิง ก็คล้ายเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมาว่า ‘นี่ถือว่าเราได้รับการยอมรับแล้วใช่หรือไม่?’

ฟีนิกซ์เพลิงแทบจะร้องตะโกนด้วยความปิติยินดี แม้ฉินเฟิงไม่ทำอะไรรุนแรงกับผู้ใต้บังคับบัญชา แต่เขามิใช่คนที่ชอบถูกประจบสอพลอ

อีกอย่างตอนนี้ฉินเฟิงบอกให้ติดต่อมาได้ทุกเมื่อ ทำให้ฟีนิกซ์เพลิงรู้สึกโล่งใจขึ้นเยอะ

หลังจกาฉินเฟิงโบกไม้โบกมือให้ฟีนิกซ์เพลิงจากไป เขาก็มุ่งหน้าสู่เกาะนรก เวลานี้ไม่ใช่ช่วงเปิดทำการของเกาะนรก แต่ยังมีคนจากเมืองหลวงแห่งความมืดมาฝึกฝนที่นี่ หลังจากพบเห็นฉินเฟิง ทั้งหมดยืนขึ้น โค้งคำนับด้วยความเคารพ

“คารวะท่านจอมมาร!”

“คารวะท่านจอมมาร!”

ทุกคนต่างเอ่ยปาก ไม่มีใครกล้าดูหมิ่นเขาแม้เพียงเล็กน้อย

“อืม เอาล่ะ แยกย้ายกันไปได้ ” ฉินเฟิงกล่าวเสียงต่ำ

จากนั้น ฝูงชนก็แยกย้ายกันไป ฉินเฟิงนั่งขัดสมาธิใต้ต้นไม้ปัญญานิรันดร์ หยิบเอาแก่นอบิลิตี้สองสามธาตุออกมา และกลืนกินมันลงไป

จากนั้น เขาก็เริ่มโคจรเทคนิคเข้าฌาน

ต้นไม้ปัญญานิรันดร์เริ่มเรืองแสงออกมาอีกครั้ง