Ep.963 – เหมือนกับคนๆนั้น

 

อย่างไรก็ตาม เทพไร้ลักษณ์ไม่สามารถรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของฉินเฟิง อีกฝ่ายปิดซ่อนกลิ่นอายเอาไว้ เทพไร้ลักษ์จึงคิดได้เพียงว่า คู่ต่อสู้อาจเป็นแค่ผู้ใช้พลังเลเวล A ที่เชี่ยวชาญวิชาตัวเบาเลเวล S

 

อย่างไรก็ตาม แม้จะเดาถูก แต่ก็ถูกเพียงครึ่งเดียว

 

ในเรื่องเลเวลน่ะใช่ แต่ความแข็งแกร่งที่ฉินเฟิงสามารถปลดปล่อยออกมา บวกกับมุมโจมตีของกริซ ทั้งหมดนี้เธอเดาผิดไป

 

ประกายคมกริซสว่างวาบ ทั้งคนทั้งร่างของทั้งสองโฉบผ่านกันและกัน มาปรากฏกายในอีกตำแหน่งหนึ่ง หันหลังให้กัน สลับตำแหน่งในพริบตา

 

แคว่กกก!

 

คล้ายเสียงวัสดุผ้าที่ถูกตัดออก ดังแว่วแค่เล็กน้อยเท่านั้น

 

ทั้งสองพุ่งผ่านกันและกัน ฉินเฟิงร่อนลงจากฟ้าสู่พื้นดินอย่างนุ่มนวล ขณะที่เทพไร้ลักษณ์ดั่งว่าวสายป่านขาด ร่วงกระแทกลงกับพื้น ชุดคลุมที่ปกคลุมร่างของเธอลอยออกไป เผยให้เห็นศีรษะและลำตัว … ที่แยกจากกันเป็นสองส่วน!

 

ฟัฟฟฟฟฟ!

 

ณ ตำแหน่งที่ร่างอีกฝ่ายตกลง เกิดเสียงไม่น่าฟังบางอย่าง เลือดจำนวนมากทะลักออกมา ศีรษะสวมหน้ากากกลิ้งไปตามพื้น มาหยุดอยู่ที่เท้าของฉินเฟิง

 

กำลังภายในผุดขึ้นในมือของฉินเฟิง เขาวาดแขนออก ทำลายหน้ากากของเทพไร้ลักษณ์ เปิดเผยรูปลักษณ์ข้างใน ใบหน้าข้างในดูบิดเบี้ยวเล็กน้อย ดวงตาเปิดครึ่งไม่เปิดครึ่ง คล้ายแสดงออกถึงความรวดร้าวและไม่ยินยอมพร้อมใจ หากลองเพ่งมองอย่างใกล้ชิด จะพบว่าเป็นใบหน้าของผู้หญิงธรรมดา ฉินเฟิงไม่รู้จักเช่นกัน

 

แต่โดยไม่มีข้อสงสัยใดๆ นี่คือผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล S อย่างแน่นอน

 

ฉินเฟิงเดินไปที่ศพของเทพไร้ลักษณ์ ปลดปล่อยทักษะลับกลืนดาราอย่างเงียบๆ ดารากำลังภายในในร่างศัตรูพังครืนลงทันที ม้วนเป็นวังวนเข้ามาหลอมรวมกับตันเถียนของฉินเฟิง ช่วยเพิ่มขนาดดวงดาราของเขา

 

จากนั้น ฉินเฟิงเก็บอุปกรณ์รูนมิติของอีกฝ่าย กล่าวเสียงเย็นว่า “เปลื้องผ้ามัน ของทุกอย่างจะถูกส่งเข้าบ้านประมูล ส่วนศพนำไปแขวนไว้ประจาน!”

 

นี่คือกฏเก่าแก่ของเมืองหลวงแห่งความมืด ผู้ใดสร้างปัญหา จุดจบลงเอยด้วยประการฉะนี้

 

ผู้ใช้พลังเลเวล B ทั้งห้าไม่คาดฝันเลยว่าจะมีผู้แข็งแกร่งก้าวเข้ามาช่วยเหลือ ยิ่งไปกว่านั้นเขาสามารถสังหารผู้บุกรุกได้ในคราวเดียว แม้ทุกอย่างจะเกิดขึ้นเพียงพริบตา แต่คนที่ฝ่าด่านเข้ามาก่อนหน้านี้ ย่อมเป็นผู้ใช้พลังเลเวล A ขึ้นไปอย่างแน่นอน

 

เอาจริงๆ พวกเขาไม่กล้าคิดว่าผู้บุกรุกคือเลเวล S เพราะหากอีกฝ่ายถูกฆ่าตายในไม่กี่วินาทีเช่นนี้ เช่นนั้นแล้วชายชุดดำตรงหน้าพวกเขา จะมีความแข็งแกร่งในระดับใดกัน?

 

คำตอบคงไม่พ้นเป็นอะไรที่น่าหวาดกลัวมากๆ

 

กลุ่มคนเฝ้าประตู ทำได้เพียงชื่นชมยินดีในใจ คนที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน มิใช่ศัตรูของพวกเขา

 

“ขอรับท่านผู้ใหญ่!”

 

แม้ยังไม่ทราบสถานะที่แน่ชัดของฉินเฟิง แต่น้ำเสียงของเขาเหมือนกับคนที่มาจากเมืองหลวงแห่งความมืด ผู้ใช้พลังเลเวล B ที่รับผิดชอบสะพานลดศีรษะลงทันที เริ่มจัดการกับคนตาย

 

บนสะพาน เหล่าผู้ใช้พลังที่เดิมส่งเสียงเอะอะวุ่นวาย บัดนี้เงียบสงบราวกับจักจั่นยามหลับใหล ไม่กล้าขยับตัว หรือเคลื่อนไหวบุ่มบ่าม

 

ฉินเฟิงยืนอยู่เหนือกำแพงด่าน แม้จะมีหน้ากากบดบังใบหน้าเขา แต่การรับรู้ของฉินเฟิงกวาดไปมองรอบๆ ทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับว่ามีชายคนนี้ยืนมองอยู่เบื้องหลังตลอดเวลา ทั้งหมดก้มหน้าลง เพราะกลัวว่าอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดกัน

 

ฉินเฟิงยกยิ้มเย็นชา กล่าวว่า “เทพวูดูผู้ยิ่งใหญ่มาเยือน ทำไมไม่บอกกล่าวกันล่วงหน้า ฉันจะได้ต้อนรับอย่างดีที่สุดในฐานะเจ้าบ้าน!”

 

ฉินเฟิงล็อคพลังสมาธิลงบนร่างของเทพวูดู ด้วยการรับรู้นี้ ต่อให้เทพวูดูหนีขึ้นฟ้า หรือมุดลงดิน ฉินเฟิงจะรู้สึกได้ เอาง่ายๆไม่มีที่ให้ซ่อนอีกแล้ว

 

ขณะนี้ เช่าไท่ที่อยู่ข้างกายเขา รู้สึกเย็นสันหลังวาบ ในสมองเขาคล้ายถูกน้ำท่วมทับ

 

เขาไม่น่าประมาทเลย คนที่สามารถสังหารเหอเทียนสิงได้ จะอ่อนแอได้อย่างไรกัน?

 

รู้หรือไม่ว่าเทพไร้ลักษณ์ทรงพลังเพียงใด? แต่เธอกลับเสียชีวิตในพริบตา ทั้งทัศนคติที่ชายผู้นี้แสดงออกมา ราวกับว่าการสังหารเลเวล S เป็นเหมือนการบี้มด ไม่มีปฏิกิริยาใดๆเลย

 

เหตุการณ์ฉุกละหุกตรงหน้า เกรงว่าคนอื่นๆคงคาดเดาว่าผู้ตายเป็นแค่ผู้ใช้พลังเลเวล A เท่านั้น!

 

และในตอนนี้ ตัวอันตรายที่ว่า กำลังจ้องมองมาที่เทพวูดู เช่าไท่ปรารถนาที่จะหันหลังกลับและจากไป แสดงเจตนาว่าเขาไม่รู้จักเทพวูดู!

 

“โอ้ ยังไม่หมดนี่ เหมือนจะมีสหายอีกคน คุณก็สนใจเข้าร่วมงานประมูลคลับมังกรดำของฉันด้วยใช่ไหม? ยินดีต้อนรับเป็นอย่างยิ่ง!”

 

การรับรู้ของฉินเฟิง แหวกกลุ่มฝูงชน คนอื่นๆแยกซ้ายป่ายขวา เปิดเส้นทางทันที เช่าไท่ไม่มีทางเลือกอื่น ก้าวออกมาเปิดเผยตัวพร้อมกับเทพวูดู

 

คนอื่นๆรู้สึกแล้วเช่นกัน ถึงความแข็งแกร่งของสองคนนี้ น่ากลัวว่าพวกเขาจะเป็นเลเวล S !

 

ช่วงเวลานี้ ผู้คนยิ่งไม่กล้าเอ่ยคำใด

 

“ฮี่ฮี่ ดูเหมือนความแข็งแกร่งของจอมมารซวนเฟิงจะได้รับการขัดเกลาไปอีกขั้น ขอแสดงความยินดีด้วย อันที่จริงพวกเราไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อน ไม่ใช่ว่าคลับมังกรดำไม่มีการตรวจเรื่องสถานะของผู้ร่วมงานหรอกหรือ? ดังนั้นฉันเลยยินดีปฏิบัติตามธรรมเนียม ไม่คิดทำตัวแปลกแยกกับคนอื่นๆ”

 

เทพวูดูตอบกลับอย่างรวดเร็วผ่านพลังสมาธิ พยายามคาดเดา และเรียงลำดับการตอบคำถามให้สอดรับกับฉินเฟิงมากที่สุด อีกฝ่ายจะได้ไม่พูดมาก

 

ฉินเฟิงหัวเราะเย็นชา กล่าวว่า “ในเมื่อคุณอยากปฏิบัติตามธรรมเนียม เช่นนั้นเหตุใดจึงบุกเข้ามา ไม่ใช่ว่าคนก่อนหน้านี้มาด้วยกันกับพวกคุณหรือ?”

 

สิ้นประโยคนี้ บริเวณโดยรอบคล้ายถูกระเบิดลง

 

“เทพวูดู? นั่นไม่ใช่ฉายาของผู้ยิ่งใหญ่ในกลุ่มเลเวล S หรอกหรือ?”

 

“มาด้วยกัน … ไม่จริงน่า! อย่าบอกนะว่าคนที่ตายไปเป็นตัวตนทรงอำนาจเลเวล S !!!”

 

“เช่นนั้นชายในชุดคลุมดำเป็นใครกัน? เขาถึงขั้นสามารถสังหารเลเวล S ได้ในการโจมตีเดียว! ความแข็งแกร่งในระดับนั้น ฉันจินตนาการไม่ออกเลย”

 

ตอนนี้เทพวูดูเหงื่อแตกพลั่ก ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี

 

เพียงแต่ว่า ในเวลานั้นเอง เช่าไท่ฉุกคิดได้ถึงบางอย่าง กล่าวออกมา “เทพไร้ลักษณ์ก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด ติดนิสัยนักฆ่า หุนหันพลันแล่น ฉันไม่คิดว่าเธอจะทำลายกฏของจอมมารซวนเฟิง แต่ได้โปรดปล่อยวางเถอะ ไหนๆเธอก็ตายไปแล้ว ที่พวกเรามาที่นี่ เพราะคาดเดาว่าจอมมารซวนเฟิงเพิ่งออกสู่โลกภายนอก ดังนั้นน่าจะยังมิได้เข้าร่วมกับพันธมิตรองค์กรมืด–”

 

“–พวกเราได้ยินมาว่าจอมมารซวนเฟิงเก่งกาจในอบิลิตี้มืด ดังนั้นเลยอยากขอเชิญคุณไปยังทวีปบาฮามุท!”

 

เช่าไท่เอ่ยภาษาจีน โดยไม่ถ่ายทอดผ่านพลังสมาธิ ฉินเฟิงเหลือบมองอีกฝ่ายแว่บหนึ่ง พบว่าชายคนนั้นสวมหน้ากาก มิได้เปิดเผยหน้าตา

 

“ไม่ทราบสหายผู้นี้คือ ..?”

 

“เขาคือราชาเรือเดินสมุทร เช่าไท่!”

 

นามนี้มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ในแถบชายฝั่ง เขาคือกองกำลังพันธมิตรองค์กรมืดที่ใหญ่ที่สุด เป็นบรรพบุรุษของเหล่าโจรสลัด

 

ฝูงชนบนสะพานเกิดความปั่นป่วนอีกครั้ง บางคนลอบถอยออกมา บังเกิดความหวาดกลัวในจิตใจ คนที่กำลังกล่าวถึงนี้ ในความเป็นจริงพวกเขาคือพันธมิตรมนุษย์ที่แฝงตัวเข้ามา ปิดซ่อนสถานะเอาไว้

 

ฉินเฟิงเองก็ไม่คาดคิดเลย ว่าครั้งนี้เทพวูดูจะนำบุคลเช่นนี้มา

 

เขากวาดสายตามองเทพวูดู เหงื่อบนหน้าผากเทพวูดูผุดพรายขึ้นมาอีกครั้ง

 

“ที่แท้ก็เป็นท่านราชาเรือเดินสมุทรเช่า ขอแสดงความนับถือ นับถือ!”

 

ฉินเฟิงเอ่ยปากพูด ขณะเดียวกันในสมองเริ่มปั่นความคิดเร็วจี๋

 

นั่นเพราะทวีปบาฮามุทที่เช่าไท่เอ่ยขาน มันเป็นมิติเดียวกันกับที่มารกระดูกเคยพูดถึง

 

มิติแห่งนั้นถูกยึดครองโดยสมาชิกพันธมิตรองค์กรมืดมานานแล้ว ถ้าคุณอยากไป แน่นอนต้องปะทะกับพันธมิตรองค์กรมืด

 

ทว่าหากไปในฐานะสมาชิกองค์กรมืด จะสามารถหลีกเลี่ยงปัญหานั้นได้

 

แน่นอน ว่าอาจมีการทรยศกันในภายหลังแน่ๆ แต่ฉินเฟิงไม่กลัว

 

เมื่อได้ข้อสรุปเกี่ยวกับมัน ฉินเฟิงแสดงออกถึงความสนใจทันที

 

“ในเมื่อพวกเรามีเรื่องต่างๆต้องหารือ ฉะนั้นเชิญท่านทั้งสองเข้ามาข้างใน!” ฉินเฟิงผายมือ แสดงท่าทีเชื้อเชิญ ในตอนนี้หวูหยวนและฟีนิกซ์เพลิงทราบข่าวแล้ว ทั้งคู่ตามออกมาดูสถานการณ์ หลังจากได้ยินคำเชิญของฉินเฟิง ทั้งสองคนรีบเรียกรถล่องเวหา ขับออกไปต้อนรับเทพวูดูและเช่าไท่ทันที

 

ส่วนสหายอีกหนึ่งผู้โชคร้าย บัดนี้ถูกนำร่างไร้วิญญาณไปแขวนบนกำแพง ข่มขวัญผู้คน

 

เทพไร้ลักษณ์เป็นนักฆ่าเลเวล S ตัวตนที่น่ายำเกรงผู้นั้น กลับถูกจอมมารซวนเฟิงสังหารจนพบจุดจบเช่นนี้

 

ผู้คนนับไม่ถ้วนแหงนมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น คาดว่าข่าวในวันนี้ จะเสมือนนกติดปีก โผบินไปบอกกล่าวแก่คนทั้งโลก!

 

“เจ้าของเมืองหลวงแห่งความมืดถูกเปลี่ยนมือแล้ว เจ้าเมืองคนใหม่ชื่อว่าจอมมารซวนเฟิง หากมีผู้ใดคัดค้าน ก็จะมีสภาพเหมือนคนๆนี้!”

 

หวูหยวนชี้ขึ้นไปยังศพของเทพไร้ลักษณ์!!