3/4

 

Ep.927 – เรือน้ำแข็งในรอยแยกมิติ

 

รูนมืดของฉินเฟิงราวกับผ้าไหม พริ้วไหวตามพื้นหิมะ แทรกซึมเข้าสู่ศพสัตว์ร้ายตัวแล้วตัวเล่า

 

จากนั้น สัตว์ร้ายที่เนื้อหนังไร้ความอบอุ่น เลือดที่ถูกความเย็นแช่จนแปรสภาพเป็นเกล็ดแข็งพลันลืมตาขึ้น

 

ปรากฏเพลิงฟ้าลุกไหม้แทนคู่ดวงตา ปลุกพวกมันให้ตื่นขึ้น หุ่นเชิดเหล่านี้หลีกเลี่ยงการปะทะโดยตรง หนีออกจากตำแหน่งแออัด

 

สัตว์ร้ายตัวอื่นกำลังฆ่ากัน ไม่มีตัวใดสนใจเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้น พวกมันคิดแค่ว่าตนต้องได้ตำแหน่งที่ดี

 

หุ่นเชิดแห่งความตายข้างกายฉินเฟิง ยิ่งนานยิ่งทวีจำนวนมากขึ้น

 

ตัวแล้วตัวเล่าตามมาสมทบ ค่อยๆก่อกลุ่มรวมกันเป็นกองทัพขนาดใหญ่

 

เมื่อจำนวนสัตว์ร้ายรอบกายฉินเฟิงเพิ่มขึ้นถึง 100 ตัว ก็ดึงดูดสายตา กลายเป็นกลุ่มใหญ่ที่ไม่อาจข้ามได้อีกต่อไป และที่สำคัญพวกมันไม่คิดปิดซ่อนตัวตน ตั้งท่าพร้อมปะทะทุกเมื่อ

 

“ฆ่าพวกมันให้ฉัน!”

 

ฉินเฟิงยืนอยู่บนหัวแมมมอธธารน้ำแข็ง ข้างกายรายล้อมไปด้วยสัตว์ร้ายหลากสายพันธ์ คอยปกป้องพิทักษ์เขา ฉินเฟิงใช้พลังสมาธิออกคำสั่ง สัตว์ร้ายเหล่านี้มิได้เปล่งเสียงขู่ำครามใดๆ แต่ไฟแห่งจิตวิญญาณของพวกมันลุกโชน ศพเริ่มเคลื่อนไหว

 

ตึง ตึง ตึง!

 

เสียงฝีเท้ากึกก้องดังพร้อมเพรียง กองทัพแห่งความตาย กรีฑาทัพเข้าหาฝูงสัตว์ร้าย เริ่มโจมตีจากตำแหน่งนอกสุด

 

สัตว์ร้ายกลุ่มแรกที่เจอคือฝูงหมาป่าธารน้ำแข็ง พวกมันอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ มีจำนวนมากกว่า 50 ตัว นี่เองคือเหตุผลว่าทำไมพวกมันจึงสามารถต่อสู้แก่งแย่งกับสัตว์ร้ายตัวอื่นๆได้ เพราะหากอยู่ลำพัง ความแข็งแกร่งรายตัวอ่อนแอเกินไป

 

อย่างไรก็ตาม แม้อยู่รวมกันเป็นฝูง แต่เมื่อพานพบกับกองทัพหุ่นเชิดแห่งความตายที่งทั้งแข็งแกร่งและมีจำนวนมากกว่า ฝูงของพวกมันก็ล่มทลาย แตกกระเจิงทันที

 

หมาป่าธารน้ำแข็งตัวหนึ่งตระหนักได้ว่าตนกำลังจะถูกเหยียบย่ำ ความตื่นตระหนกสะท้อนในดวงตา มันเรียกโล่น้ำแข็งโปร่งใสขึ้น แต่วินาทีต่อมา ภายใต้ฝ่าเท้าเสริมด้วยน้ำหนักตัวของแมมอธยักษ์ โล่น้ำแข็งแตกเป็นเสี่ยงๆ ร่างของหมาป่าถูกเหยียบจนบี้แบนติดพื้น

 

หุ่นเชิดแมมมอธไม่ได้สนใจสัตว์ร้ายฝูงนี้ด้วยซ้ำ เพราะเบื้องหลังมัน ยังเหลือกองทัพสัตว์ร้ายอีกมาก ดังนั้นต้องเร่งเปิดทาง เพียงก้าวเท้าลงเหยียบย่าง พวกมันก็สามารถสังหารหมาป่าธารน้ำแข็งได้แล้ว

 

แน่นอนนี่ไม่ได้หมายความว่ากองทัพแห่งความตายจะมีสติปัญญา พวกมันเพียงประสานงานกันเป็นอย่างดี และทุกอย่างถูกควบคุมโดยฉินเฟิง

 

ต่อให้สิ่งมีชีวิตที่ถูกเหยียบย่ำจะยังไม่ตาย แต่ยังเหลือฉินเฟิงคอยกวัดแกว่งมีดกษัตริย์คราม ยิงปราณใบมีดโจมตีซ้ำจนตาย

 

ฉินเฟิงบุกตะลุยไปตลอดเส้นทางไม่มีสัตว์ร้ายตัวใดหยุดเขาได้

 

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ สำหรับสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่งบางตัว หลังถูกสังหาร ยังโดนฉินเฟิงปลุกจากความตาย กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพหุ่นเชิด จำนวนกำลังรบข้างกายเขา เพิ่มจำนวนมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ

 

พลังสมาธิของฉินเฟิงแข็งแกร่งมาก ฉะนั้นสามารถควบคุมศพจักรพรรดิสัตว์ร้ายได้มากสุด 1,000 ตัว แม้สัตว์ร้ายเลเวล S จะน่าควบคุมมากกว่า แต่ถ้าฉินเฟิงทำแบบนั้น จำนวนศพที่สามารถควบคุมได้จะลดทอนลงเป็นอย่างมาก ฉินเฟิงเลยยังไม่ต้องการสร้างกองทัพสัตว์ร้ายเลเวล S

 

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่า สำหรับฉินเฟิง วัสดุสัตว์ร้ายเลเวล S มีค่ามาก หากให้มันกลายเป็นหุ่นเชิดแห่งความตายแล้วต้องเสียของ ฉินเฟิงทำใจไม่ได้จริงๆ

 

อย่างค่อยเป็นค่อยไป ฉินเฟิงเข้าใกล้ชายขอบรอยแยกมิติมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไหร่ พลังพิเศษดูดกลืนก็ยิ่งทำงาน พลังสมาธิเริ่มพัฒนาในระดับความเร็วที่บ้าคลั่ง

 

นอกจากนี้ ฉินเฟิงยังค้นพบว่า เนื่องจากพลังพิเศษดูดกลืนทำงานอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่อยๆเกิดเกล็ดน้ำแข็งบางอย่างที่มิได้ให้ความรู้สึกเย็นขึ้น และประเด็นคือมันสามารถหลอมรวมเข้ากับจักรวาลแห่งจิตสำนึกได้โดยตรง

 

จากนั้น ดาวเคราะห์เพชรของฉินเฟิง ค่อยๆขยายขนาดขึ้นทีละเล็ก ทีละน้อย

 

“นี่มันอะไรกัน? พลังงานพวกนี้สามารถช่วยขยายขนาดแก่นอบิลิตี้ได้อย่างงั้นหรอ?”

 

แก่นอบิลิตี้เดิมสามารถพัฒนาได้โดยการยกระดับความแข็งแกร่งของผู้ใช้อบิลิตี้ แต่การขยายขนาดในครั้งนี้ มิได้เกิดจากการยกระดับพลังสมาธิของฉินเฟิง

 

ความรู้สึกนี้มันเหมือนกับตอนใช้ผลึกชีพจรธรณีขยายขนาดตันเถียนเลย หากกระบวนการนี้ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายแก่นอบิลิตี้ของฉินเฟิงใหญ่กว่าคนอื่นๆเป็นสิบเท่า มันจะไม่เท่ากับว่าเขาโคตรทรงพลังเลยหรือ?

 

ถ้าแค่ข้างนอก ฉินเฟิงยังสามารถดูดซับพลังจนเกิดผลลัพธ์ได้เช่นนี้ หมายความว่าอะไรบางอย่างที่อยู่ข้างในรอบแยกมิตินี้ จะต้องทรงพลังยิ่งกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

 

ฉินเฟิงกวาดล้างสัตว์ร้ายที่ขวางทาง ขณะเดียวกันแบ่งกำลังส่วนหนึ่งช่วยปกป้องตนเองอย่างแน่นหนา เปิดเส้นทางให้ฉินเฟิงเข้าใกล้ขอบรอยแยกมิติ

 

พลังงานนี้ไม่ได้ปิดกั้นการตรวจสอบผ่านพลังสมาธิ แต่นอกเหนือจากพลังงานแล้ว ฉินเฟิงไม่รู้สึกถึงอะไรอีกเลย แต่เมื่อย้อนนึกไปถึงฉากที่สัตว์ร้ายพากันแย่งชิงพื้นที่ชายขอบ ฉินเฟิงคิดว่าเขาคงต้องเข้าไปบ้าง จะได้สามารถใช้ตาเปล่ามองว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

ฉินเฟิงสั่งการหุ่นเชิดก้าวไปข้างหน้า ในที่สุดก็มาถึงชายขอบ พบเพียงธารน้ำแข็ง ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ไม่ทราบว่าพลังงานเล็ดลอดออกมาจากที่ใด

 

ประเด็นก็คือ ฉินเฟิงในตอนนี้ ไม่มีความกล้าที่จะลงไปสำรวจ

 

แต่ในเวลานั้นเอง หัวใจของฉินเฟิงเต้นระทึกทันใด สัมผัสที่หกอันแข็งแกร่ง ร้องเตือนเขาว่าอันตราย!! ให้ถอยออกมาทันที

 

ฉินเฟิงย่ำเท้าดีดตัวถอยกลับทันควัน ตกลงกลางดงกองทัพหุ่นเชิด ใช้พวกมันเป็นโล่คุ้มกันเขา ส่วนแมมมอธธารน้ำแข็งที่คอยรองรับเป็นที่หยั่งเท้า ฉินเฟิงไม่มีเวลาใส่ใจ ปล่อยมันทิ้งไว้อย่างนั้น

 

ช่วงจังหวะหลังจากที่ฉินเฟิงถอนตัว ชายขอบรอยแยกมิติเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง รอยแยกที่เดิมแหวกกว้างนับ 1,000 เมตร ขยายออกมาด้านนอกอีกครั้ง

 

การสั่นสะเทือนนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าได้รวบเอาสัตว์ร้ายมากมายที่ไม่ทันตั้งตัวตกลงไปในรอยแยกมิติ!

 

อย่างไรก็ตาม คราวนี้หัวของสัตว์ร้ายเหล่านั้นไม่ได้ระเบิดอีกต่อไป

 

ฉินเฟิงรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่ามีพลังงานแปลกๆผุดออกมาจากส่วนลึกใต้รอยแยกมิติอีกครั้ง

 

ดวงตาของฉินเฟิงเบิกกว้าง เห็นแค่เพียงเรือน้ำแข็งขนาดมหึมา ลอยขึ้นจากรอยแยกมิติ

 

เหล่าสัตว์ร้ายที่ลอยตัวอยู่ในรอยแยก หลังจากเห็นเรือใหญ่ลำนี้ พวกมันแสดงออกถึงความตื่นเต้น กวักมือเท้าในอากาศ พยายามแหวกว่ายขึ้นเรือ

 

อย่างไรก็ตาม แม้เรือลำนี้จะใหญ่โตมาก แต่แน่นอนว่ามีพื้นที่ไม่เพียงพอที่จะรับสัตว์ร้ายทั้งหมดให้ขึ้นไป

 

ด้วยเหตุนี้ สัตว์ร้ายที่สามารถยึดตำแหน่งริมชายขอบรอยแยกมิติได้ตั้งแต่แรก จึงสามารถคว้าพื้นที่บนเรือไปครอง มีคุณสมบัติที่จะได้ขึ้นเรือก่อน

 

คงจะมีเพียงฉินเฟิงทำนั้นที่สงสัย ไม่ทราบว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป จะเอาอย่างไรต่อดี? หากขึ้นไปแล้วเจอความเสี่ยงที่ไม่คาดฝันเล่า?

 

ฉินเฟิงมีข้อได้เปรียบจากการเกิดใหม่ แต่ครั้งนี้เขาไม่มีข้อมูลอะไรเลย ดังนั้นไม่อยากเสี่ยง!

 

แต่ในเวลานั้นเอง ภายใต้พลังสมาธิของฉินเฟิง สามารถรับรู้ได้ถึงการปรากฏตัวของการดำรงอยู่ที่คุ้นเคย

 

อีกฝ่ายแทรกซึมผ่านฝูงสัตว์ร้าย ตรงเข้าหารอยแยกมิติ มองไปมั่นใจว่าไม่ผิดตัว!

 

เป็นหูซาน!

 

หูซานเองก็เห็นฉินเฟิง แต่เขาไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากฉินเฟิง ร่างอีกฝ่ายแทบละลายกลายเป็นหิมะ เคลื่อนกายวูบไหวฝ่าดงสัตว์ร้ายที่กำลังคลั่ง

 

แม้สัตว์ร้ายเหล่านั้นจะอาศัยอยู่ในธารน้ำแข็งมาตลอดทั้งปี ทั้งครอบครองอบิลิตี้น้ำแข็งชั้นเลิศ แต่ในด้านความเชี่ยวชาญยังอ่อนแอกว่ามนุษย์มาก อีกทั้งตอนนี้พวกสัตว์ร้ายเอาแต่คิดจะขึ้นเรือ ดังนั้นหูซานสามารถฝ่าไปได้อย่างง่ายดาย

 

ไม่นาน หูซานก็มาถึงชายขอบรอยแยก กระโจนข้ามเข้าไป ทิ้งตัวลงในตำแหน่งที่รอบข้างมีแต่สัตว์ร้ายเลเวล S

 

บางทีหูซานอาจยังไม่ตกอยู่ในอันตรายในตอนนี้ แต่ยิ่งเข้าใกล้เรือน้ำแข็งมากเท่าไหร่ ความอันตรายก็ยิ่งเพิ่มเป็นเท่าทวี

 

ฉินเฟิงมองไปยังหูซานที่กำลังตะเกียกตะกาย พริบตานั้นเองในหัวใจเขาคล้ายได้รับคำตอบ ความคิดลึกล้ำกระจ่างชัดมากขึ้น

 

“ทำไมฉันต้องกลัวหัวหดด้วย ต่อให้ได้กลับมาเกิดใหม่อีกรอบแล้วยังไง? ตอนนี้ฉันถึงคอขวดแล้ว ทุกการยกระดับยากเย็นสุดแสน ถ้าไม่เสี่ยงกันบ้าง แล้วฉันจะสามารถปีนขึ้นสู่ยอดเขาสูงได้อย่างไร? รากฐานของฉันมั่นคงมากแล้ว นับจากนี้ไปที่ต้องทำ คือสร้างบันไดศิลา และใช้มันก้าวสู่สรวงสวรรค์!”

 

เมื่อคิดได้แบบนี้ ฉินเฟิงกระตุ้นหุ่นเชิดแห่งความตายทั้งหมดทันที กระโดดเข้าไปในรอยแยกมิติพร้อมกัน

 

เทคนิคล่องนภาห่อหุ่มร่างกายของฉินเฟิง เขาใช้พลังสมาธิเพื่อควบคุมสัตว์ร้ายทั้งหมด เริ่มแหวกทาง ปัดกวาดสัตว์ร้ายทรงพลังที่คอยขวาง มุ่งหน้าสู่เรือน้ำแข็ง!