2/4

 

Ep.926 – อำนาจของพลังสมาธิ

 

ผู้ใช้พลังเลเวล A คนอื่นๆพอได้ฟังต่างก็หูผึ่ง คำพูดของเป่ยถังเฉียน เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ จะอย่างไรไม่ใช่สิ่งที่เลเวล A สามารถเข้าร่วมได้

 

โชคดีๆเช่นนี้ กลับหล่นทับฉินเฟิง พวกเขาเลยรู้สึกน้อยใจนิดหน่อย

 

แต่นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร นอกเสียจากว่าฉินเฟิงจะไปถึงเลเวล S จริงๆ ไม่อย่างนั้นตอนนนี้ต่อให้เขาทำผลงานได้ดีแค่ไหน สุดท้ายก็กลายเป็นการสร้างความริษยาแก่ผู้คน

 

“นับว่าเพียงพอแล้ว!” หูซานกล่าว

 

หนานกงซีหมิงเอ่ยเสริม “สิ่งที่เขาทำในตอนนี้ บางทีเราทั้งคู่อาจทำไม่ได้ด้วยซ้ำ ฉะนั้นเพียงพอแล้ว”

 

เป่ยถังเฉียนมองท่าทีของสหายทั้งสอง ดวงตาเปล่งประกายด้วยความซับซ้อน เมื่อลองคิดดูดีๆ ความแข็งแกร่งในตอนนี้ของฉินเฟิง เหมือนจะแกร่งกว่ากระดูกชราอย่างเขาจริงๆ

 

แล้วหัวข้อนี้ก็สิ้นสุดลง พวกเขาไม่ได้เอ่ยถึงมันอีก เพราะสุดท้ายนี่ไม่ใช่เวลาจะมาพูดถึงเรื่องนี้

 

แต่เหล่าเลเวล A พอได้ฟัง ก็ยิ่งรู้สึกคันในหัวใจ ลึกๆเริ่มเกิดความไม่พอใจเล็กน้อย

 

“แล้วจะเอายังไงต่อ? พวกเราจะตามเขาไปไหม?”

 

“ลองสำรวจตามร่องรอยที่ทิ้งไว้แล้วกัน อย่างน้อยวิธีนี้ น่าจะช่วยให้ไม่ตกอยู่ในอันตราย”

 

“ตกลง”

 

แต่หลังจากทั้งสามตัดสินใจ ทันใดนั้นบนเส้นขอบฟ้าอันห่างไกล พลังอันแข็งแกร่งพลันระเบิดออกมา พลังอำนาจนี้ลุกฮือขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อตัวเป็นเสาแสง

 

“นั่นมันอะไรกัน?” หูซานร้องอุทานด้วยความตกใจ นั่นเพราะเขาเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ ดังนั้นเลยสัมผัสได้เป็นคนแรก ว่ามันคือพลังสมาธิอันทรงพลัง

 

อย่างไรก็ตาม พลังสมาธินี้แปลกมาก ราวกับว่ามันไม่ใช่พลังสมาธิ

 

อาจจะฟังดูงงๆไปบ้าง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พลังสมาธิที่กำลังทะยานสู่ท้องฟ้านี้ มันกำลังสำแดง ‘พลัง’ ที่อยู่ข้างในนั้น แต่ไม่มี ‘สมาธิ’ รวมอยู่ด้วย

 

“ฟ้าดินเกิดนิมิตหมาย จะต้องมีสมบัติล้ำค่าอยู่ที่นั่นแน่ๆ!” หนานกงซีหมิงกล่าว

 

นี่คือความจริงที่ทุกคนต่างรู้ และคนอื่นๆนอกจากเลเวล S ก็พอเข้าใจเกี่ยวกับปรากฏการณ์นี้เช่นกัน

 

ทั้งหมดเริ่มตื่นเต้น เกิดความคิดว่าจะลองไปดู!

 

ทั้งสามมองหน้ากัน ผู้ใช้พลังเลเวล A คนอื่นๆต่างเฝ้ารอการตัดสินใจของตัวตนทรงอำนาจทั้งสาม

 

“ไปดูกันเถิด แต่อย่าเข้าใกล้จนเกินไป เพราะบางที นั่นอาจไม่ใช่สิ่งที่พวกเราสมควรได้ครอบครอง” หูซานเอ่ยปากเตือนเป็นคนแรก

 

เอาจริงๆเขามีลางสังหรณ์ถึงอันตรายร้ายแรง แต่พลังงานนี้ มันน่าดึงดูดเกินไป ต่อให้สังหรณ์ร้ายก็ต้องไป

 

ไม่ทราบเหมือนกันว่าเพราะเหตุใด แต่เขารู้สึกว่า นี่คือโอกาส

 

และโอกาสย่อมมาพร้อมความเสี่ยง

 

การตัดสินใจนี้ไม่ต่างจากการพนัน ที่รู้ว่าหากลงเล่นแล้วพ่ายแพ้ จะต้องสูญเสียทั้งเงินทองและทุกสิ่ง แต่หลายคนก็ยังเฝ้าหวังว่าจะพลิกกระดาน กลับมาคว้าชัยชนะ หลงระเริงอยู่ในโคลนตมนั่น มิอาจหักใจดึงตัวเองออกมา

 

“งั้นไปดูกัน”

 

โชคดีอีกอย่างก็คือ ทิศทางของลำแสงนี้ มันคือเส้นทางเดียวกับที่ฉินเฟิงทิ้งร่องรอยไว้ ดังนั้นไม่ควรมีวิกฤตใดย่างกรายระหว่างทาง และต่อให้มี ก็สมควรเป็นแค่ปลาเล็กที่หลุดรอดจากแห

 

ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง ฉินเฟิงกำลังแหงนแมงเสาแสงอันงดงาม

 

“นี่มันอะไรกัน?”

 

ข้อมูลของเกาะมังกรในชีวิตก่อนของฉินเฟิง เป็นแค่คำบอกเล่าไม่กี่คำ ดังนั้นเขาจึงไม่ทราบเลย ว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น

 

นิมิตหมายที่ปรากฏนี้ ทำให้ฉินเฟิงรู้สึกประหลาดใจมาก แต่ต่อมา เขาก็สัมผัสได้ทันที ถึงพลังงานที่ผิดปกติ

 

ท่ามกลางจักรวาลแห่งจิตสำนึก ดาวเคราะห์เพชรหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง พลังพิเศษดูดกลืนราวกับเฒ่าตะกละได้พานพบอาหารอันโอชะ มันดีใจจนเนื้อเต้น แทบอดใจไม่ไหวที่จะอ้าปากใหญ่ ลิ้มชิมรสมัน

 

พลังงานนี้ ชวนให้ฉินเฟิงรู้สึกโหยหา ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม แต่ที่แน่ๆน่าจะเป็นของดี!

 

พลังสมาธิของฉินเฟิง สั่งการหุ่นเชิดแห่งความตาย มุ่งหน้าไปยังทิศทางนั้น

 

ขณะเดียวกัน เมื่อคลื่นความผันผวนของพลังงานนี้แพร่กระจายออกไป สิ่งมีชีวิตที่อยู่บนธารน้ำแข็ง ทั้งหมดก็เริ่มเคลื่อนไหว

 

ฉินเฟิงวิ่งด้วยพลังงานเต็มพิกัด ไม่นานเขาก็พบกลุ่มสิ่งมีชีวิตสายพันธ์ใหม่ เป็นจิ้งจอกหิมะสองตัวกำลังวิ่งอย่างดุเดือดบนพื้นหิมะ เบื้องหลังส่ายไปมาด้วยหางทั้งเจ็ด กลิ่นอายบนร่างกายของพวกมันเป็นระดับเทวะ

 

–พบเจอสองสัตว์เทวะอย่างไม่คาดฝัน!

 

อย่างไรก็ตาม แม้สังเกตเห็นฉินเฟิง แต่จิ้งจอกทั้งสองกลับเพิกเฉย เร่งความเร็วกว่าเดิม วิ่งนำหน้าทิ้งห่างฉินเฟิง กลืนหายไปพร้อมกับสายลมและหิมะ หากไม่ใช่เพราะครอบครองพลังสมาธิในระดับสูง เกรงว่าฉินเฟิงคงไม่สามารถมองเห็นภาพอันเลือนลางของสองสิ่งมีชีวิตที่กำลังสับฝีเท้าวิ่งได้

 

ฉินเฟิงมุ่งหน้าต่อไป ความเร็วของหุ่นเชิดแห่งความตายไม่เชื่องช้า แต่มันไม่เร็วเท่าฝีเท้าของฉินเฟิง ยังไงก็ตาม ท่ามกลางสถานเลวร้ายเช่นนี้ ฉินเฟิงไม่กล้าลงจากหุ่นเชิด

 

หุ่นเชิดแห่งความตายวิ่งอย่างบ้าคลั่งเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมง ด้วยความเร็วในปัจจุบัน คาดว่าฉินเฟิงจะเดินทางมาได้ไกลกว่า 200 กิโลเมตรแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปยังเป้าหมาย มันช่างห่างไกลเหลือเกิน ในตอนแรกฉินเฟิงอยู่ไกลแต่ยังเป็นเสาแสงนี้ได้อย่างชัดเจน แล้วหากเข้าไปใกล้ๆเล่า? ภาพแบบใดจะปรากขึ้นเบื้องหน้าเขา

 

แต่เขาแทบไม่สนใจเรื่องนั้น เพราะตอนนี้เขารู้สึกได้ว่าพลังพิเศษดูดกลืนกำลังปลดปล่อยหนวดที่มองไม่เห็นออกมา สะบัดออกไปไขว่คว้า ลากพลังงานที่มองไม่เห็นรอบตัวเข้ามากลืนกิน ความรู้สึกนี้ ไม่ต่างจากตอนที่ฉินเฟิงกำลังสังหารสัตว์ร้ายอบิลิตี้อย่างต่อเนื่อง สามารถดูดซับพลังสมาธิได้ตลอดเวลา

 

ทิวทัศน์เบื้องหน้าเขา คือรอยแยกขนาดใหญ่บนธารน้ำแข็ง ทอดยาวหลายสิบกิโลเมตร ความกว้างน่าจะสักพันเมตร ตอนนี้ฉินเฟิงยังอยู่ห่างออกมาหมื่นเมตรจากจากเนินเขานั่น แต่เขาไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้อีกแล้ว

 

เพราะเบื้องล่าง เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตอันน่าหวาดกลัว เป็นกลุ่มสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ ยังไม่พอ ฝั่งตรงข้ามของรอยแยกมิตินี้ ก็เป็นฉากเดียวกัน

 

สัตว์ร้ายนับไม่ถ้วนแออัด ผลักดันกันที่นี่

 

อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่ได้ถึงขั้นเบียดเสียดเนื้อแนบเนื้อกัน อาจเพราะสัตว์ร้ายแต่ละตัวแข็งแกร่งมาก พวกมันเลยมีเส้นแบ่งอาณาเขตเป็นของตัวเอง ระยะห่างระหว่างสัตว์ร้ายแต่ละตัว อย่างน้อยราวๆ 10 – 20 เมตร

 

การมาเยือนของรอยแยกมิตินี้ ดึงดูงสัตว์ร้ายเลเวล A มาอย่างน้อยหลายหมื่นตัว และระดับที่อ่อนแอที่สุดคือราชันย์!

 

กลิ่นอายในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ หากเป็นผู้ใช้พลังธรรมดา อาจถูกแรงกดดัน บดขยี้ร่างกายจนเละเหลว

 

ปึกกก!

 

ณ บริเวณขอบรอยแยกมิติ สัตว์ร้ายสองตัวกระแทกใส่กันอย่างรุนแรง ก่อคลื่นความผันผวนของพลังงาน หนึ่งในนั้นเสียหลัก ถูกผลักเข้าไปในรอยแยกมิติ

 

แต่สัตว์ร้ายตัวนั้นไม่ได้จมลง มันกลับถูกยกขึ้นด้วยคลื่นพลังงานที่มองไม่เห็น ลอยขึ้นไปในอากาศ และวินาทีต่อมา หัวของมันก็ระเบิด!

 

ดวงตาของฉินเฟิงหดลีบลงทันใด

 

ความแข็งแกร่งของสัตว์ร้ายตัวเมื่อครู่สมควรเป็นเลเวล S แต่มันกลับตกตายไปทั้งๆแบบนั้นจริงๆน่ะหรือ? พลังงานนี่มันคืออะไรกันแน่?

 

ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งๆที่รอยแยกมิติอันตรายถึงเพียงนี้ แต่สัตว์ร้ายกลับยังแห่แหนกันมา เรียงรายกันอยู่ที่นี่ พยายามแทรกเข้าไปข้างหน้า คล้ายกับว่าต้องการเข้าใกล้รอยแยกมิติให้มากที่สุด

 

กระนั้น สิ่งที่กระจายออกมาจากรอยแยกมิติ แม้เป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับพลังงาน แต่มองยังไงก็คือสถานที่แห่งความตาย

 

“ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป บางที สัตว์ร้ายพวกนี้ พวกมันทั้งหมดอาจถูกระเบิดด้วยพลังงาน!”

 

เหตุการณ์ที่กล่าวมา ฉินเฟิงเคยเห็นมากกว่าหนึ่งครั้ง หลังกลับมาเกิดใหม่ ครั้งแรกคือตอนที่เขาเข้าสู่ดินแดนล่มสลายของเผ่าวิญญาณ ในตอนที่ฉินเฟิงและลูกรักของพระเจ้าคนอื่นๆพยายามคว้าเกราะศักดิ์สิทธิ์ มันก็เคยเกิดขึ้น เป็นสภาวะที่ร่างกายไม่สามารถรองรับพลังงานได้ สุดท้ายระเบิดตัวแตกเสียชีวิต

 

และเป็นสถานการณ์ที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีเช่นกัน ว่ามีสมบัติล้ำค่าอยู่ข้างในนั้น!

 

อย่างไรก็ตาม กลุ่มสัตว์ร้าย เพื่อเข้าใกล้ขอบรอยแยกมิติ จึงเกิดการต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งอยู่บ่อยครั้งโดยเฉพาะสัตว์ร้ายที่เพิ่งมาใหม่ พวกมันพยายามแหวกวงล้อม มุดเข้าไปข้างใน เกิดการต่อสู้ฆ่าฟัน

 

เลือดเจิ่งนองเป็นสาย พลังงานจากศพกระจัดกระจายตลอดเวลา ถูกดูดซับโดยพลังพิเศษดูดกลืน ผสานรวมกันในร่างของฉินเฟิง ยิ่งไปกว่านั้น ซากศพสัตว์ร้ายยิ่งทวีจำนวนมากขึ้น

 

“นี่มันโอกาสทอง!”

 

“เปิดใช้งานเทคนิคควบคุมความตาย!”