5/5

Ep.770 – หลบหนีจากเมืองหลวงแห่งความมืด

เหอเทียนสิงย่อมไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอย ใช้ออกด้วยตัวเชื่อมมิติ เปิดช่องว่างติดตามร่องรอยของโม่ลี่ไป

ในสถานที่เกิดเหตุ หลงเหลือเพียงซากเมืองหลังการทำลายล้างเท่านั้นที่ยังคงอยู่ นอกจากนั้นก็เป็นกลุ่มผู้ใช้พลังที่ได้รับผลพวงจากหายนะแต่ยังรอดชีวิตมาได้

“จับพวกมันให้ฉัน!”

ฟีนิกซ์เพลิงตวาดลั่นด้วยความโกรธ ชี้ไปทางผู้ใช้พลังหลายคนที่กำลังหลบหนีไกลออกไป

เจ้าพวกนั้นถือเป็นผู้ร้าย และฟีนิกซ์เพลิงจะไม่ยอมปล่อยพวกเขาไป หากไม่ใช่เพราะหัวขโมยเหล่านี้ คลับมังกรดำคงไม่เสียหายร้ายแรงดังปัจจุบัน —

–เมืองหลวงแห่งความมืดถูกทำลาย เสียหายเกือบทั้งหมด!

เวลานี้ผู้คนจากเมืองหลวงแห่งความมืดต่างกำลังโกรธเกรี้ยว แม้พวกเขาไม่สามารถเอาชนะโม่ลี่ได้ แต่หากเป็นการสังหารผู้ใช้พลังด้วยกันเอง พวกเขายังมีฝีมือพอจะกระทำเช่นนั้นได้

ฝูงชนทะยานไปข้างหน้า ออกไล่ล่าและปิดล้อมผู้หลบหนี

ส่วนฉินเฟิง เขากำลังเก็บปืนใหญ่เกราะคริสตัล แต่เมื่อออกมาก็ถูกรุมล้อมไปด้วยผู้ใช้พลังหลายคน หลังจากได้เห็นฉินเฟิง ในคู่ดวงตาของทุกคนเปล่งประกายระยับด้วยความโลภสะท้อนออกมา

สภาพของฉินเฟิงในปัจจุบันดูย่ำแย่มาก เกราะศักดิ์สิทธิ์ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ที่สำคัญคือเขามีความแข็งแกร่งอยู่ในเลเวล B เท่านั้น อย่าลืมสิว่าถึงตอนวิกฤตจักสามัคคีกลมเกลียว แต่อย่างไรคนที่นี่ล้วนเป็นชาวเมืองหลวงแห่งความมืด พวกเขาไม่ทราบถึงความแข็งแกร่งของฉินเฟิง ในสมองจดจ่ออยู่แต่กับปืนใหญ่ที่สามารถยิงทะลุเกล็ดของโม่ลี่ได้

ในมุมมองของพวกเขา ฉินเฟิงคงเป็นคนที่บังเอิญโชคหล่นทับ เป็นผู้โชคดีบังเอิญได้รับเทคโนโลยี อาวุธล้ำเลิศจากต่างมิติ!

และเกรงว่าจะเป็นแค่มือปืน ดังนั้นหากอยากช่วงชิงปืนที่ว่า ก็แค่ฆ่ามันเสีย!

พวกเขาไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ ว่าฉินเฟิงคือคนสำคัญที่ช่วยเหลือเมืองหลวง นี่แหละหนอคือกลุ่มพันธมิตรองค์กรมืด

ไม่เพียงแค่นั้น กระทั่งฟีนิกซ์เพลิง ในเวลานี้ยังปรากฏร่องรอยของความละโมบฉายชัดในแววตาของเธอ

ฟีนิกซ์เพลิงเคยให้ความเคารพต่อฉินเฟิงมาก่อน เนื่องจากฉินเฟิงเป็นลูกค้าที่มั่งคั่ง แต่เวลานี้ด้านมืดของเธอได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว เมื่อมีของล้ำค่าอยู่ตรงหน้า คลับมังกรดำจะไม่คว้ากินได้อย่างไร?

อันที่จริงพวกเขามีจรรยาบรรณต่อลูกค้า แต่ตอนนี้คงไม่จำเป็นแล้ว เพราะทุกหนแห่งเต็มไปด้วยความโกลาหล และหากคลับมังกรดำต้องการกลับมามีอำนาจอีกครั้ง พวกเขาต้องสังหารฉินเฟิง จากนั้น สิ่งที่อีกฝ่ายมี เป็นธรรมดาที่ทั้งหมดจะตกเป็นของคลับมังกรดำ ไม่เว้นกระทั่งศพของเขา

เมื่อได้ข้อสรุปเช่นนี้ในใจ ฟีนิกซ์เพลิงก็ไม่คิดเอ่ยหยุดคนเหล่านั้น ปล่อยให้พวกเขากระโจนเข้าเข่นฆ่าฉินเฟิง

การต่อสู้ชุลมุนได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!

ในบรรดาผู้ใช้พลังที่กลับมาพร้อมฉินเฟิง มีสี่ถึงห้าคนที่มาจากพันธมิตรมนุษย์ เวลานี้เมื่อเห็นเลเวล A นับร้อยคนรุมล้อมพวกเขา สีหน้าของทั้งหมดก็แปรเปลี่ยนกลับกลาย เวลานี้พวกเขาทราบดี ว่าคงไม่สามารถหลบหนีไปได้

ดังนั้น คนเหล่านี้ ทั้งหมดจึงค่อยๆถอยร่นมารวมตัวกันกับฉินเฟิง

ฟิ้ววว!

ชายคนหนึ่งโยนหน้ากากทิ้งไป ขณะเดียวกันก็หยิบตราผู้ใช้พลังออกมา ติดลงบนอกเขา ที่แท้ชายผู้นี้คือนายพลทรงพลังจากภูมิภาคใต้ เรียกว่าหนานกงเช่อ

นี่คือตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนทางใต้ ผู้อาวุโสของตระกูลหนานกง ทั้งยังเป็นขุมกำลังของพันธมิตรมนุษย์อย่างแท้จริง

เป็นหนึ่งในผู้เปี่ยมไปด้วยฝีมือ ด้วยเหตุนี้เขาจึงกล้าเดินทางมายังเมืองหลวงแห่งความมืด เพื่อเข้าร่วมเกาะนรก!

“ฉินเฟิง พวกเรามาร่วมมือกันฝ่าวงล้อมออกไป!” หนานกงเช่อกล่าว

แน่นอน เขาไม่คิดถึงขั้นพึ่งพาฉินเฟิง แต่เขารู้สึกว่าในเวลานี้ ทางรอดเดียวคือการร่วมมือ ผนึกกำลังกันเท่านั้น

แต่นั่นขึ้นอยู่กับว่าฉินเฟิงจะยอมช่วยรึเปล่า? เพราะต่อให้ไม่มีคนพวกนี้ หากฉินเฟิงคิดหนีไป อาศัยเพียงกำลังตนแค่ลำพัง เขาย่อมสามารถทำได้อย่างแน่นอน

ผู้ใช้พลังอีกสี่คนที่เหลือ ต่างถอดหน้ากากเปิดเผยหน้าตาของตน ทั้งหมดไม่ได้มีส่วนร่วมในการขโมยสมบัติของโม่ลี่ เพียงมาที่เกาะนรกเพื่อล่าสัตว์ร้าย และเก็บรวบรวมสมุนไพรเพื่อหวังจักตัดผ่าน ยกระดับตนเท่านั้น ไม่มีความขัดแย้งทางด้านผลประโยชน์อะไรกับฉินเฟิงเลย

ด้วยเหตุนี้เอง ฉินเฟิงเลยยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือพวกเขา

“ค่อยๆล่าถอยกลับไปทางสะพาน” ฉินเฟิงสั่งการ ขณะเดียวกันระเบิดอบิลิตี้ออกมา

“รับทราบ!” หนานกงเช่อตอบกลับ พลางฟาดหนึ่งฝ่ามือใส่ผู้ใช้พลังฝั่งเมืองหลวงแห่งความมืด เปิดทางให้ทุกคนล่าถอยออกไป

ฉินเฟิงเป็นฝ่ายรั้งท้าย พลังสมาธิเริ่มวูบไหว ดาวเคราะห์เพชรสีฟ้าเริ่มว่ายวน ปะทุออกด้วยอักษรรูนในปริมาณที่น่าสะพรึงกลัว

“เทคนิคสึนามิ!”

บังเกิดคลื่นยักษ์ม้วนตัวขึ้นเบื้องหน้าฉินเฟิง ทวีความสูงขึ้นเรื่อยๆ ก่อนโถมทับไปยังชาวเมืองผู้ใช้พลังที่คิดโจมตีเขา

ผู้ใช้พลังเหล่านั้นจำต้องหยุดฝีเท้า หันเหสมาธิมาป้องกันอบิลิตี้อันน่าสะพรึงนี้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังถูกคลื่นกลืนลงไป พัดพาถอยไปไกลกว่า 100 เมตร

ฉินเฟิงสามารถเว้นระยะจากศัตรูได้สำเร็จ

แม้เผชิญหน้ากันในรูปแบบหนึ่งต่อห้า แต่ฉินเฟิงกลับไม่เสียเปรียบเลย

“จิ๊ส์! ไอ้พวกขยะไม่ได้เรื่อง รีบฆ่าเขาซะ!” พลังสมาธิของฟีนิกซ์เพลิงถ่ายทอดคำสั่งออกมา ใบหน้าของผู้ใช้พลังเลเวล A ที่เพิ่งถูกพัดปลิวกลายเป็นแดงก่ำ! ไม่ทราบว่าเป็นเพราะพวกเขาโกรธในคำตำหนิของฟีนิกซ์เพลิง หรือว่าโกรธที่ไม่อาจต้านทานการโจมตีของฉินเฟิงได้กันแน่

ผู้หลบหนีหลายกลุ่มค่อยๆถอยร่นจนมาถึงสะพานได้สำเร็จ!

แต่ขณะเดียวกัน ระหว่างทางก็มีผู้ใช้พลังเลเวล A หลายคนถูกจับตัวไป บางคนดิ้นรนสุดชีวิตจากวงล้อม ไม่ยินยอมที่จะตาย!

การต่อสู้ขัดขืนส่งผลให้ตัวสะพานสั่นสะเทือนอย่างไม่อาจควบคุม การต่อสู้ระหว่างผู้ใช้พลังเลเวล A มิใช่อะไรที่สิ่งปลูกสร้างธรรมดาจะสามารถรองรับได้

ช่วงเวลานี้ จากเดิมห้าคนที่คอยไล่ตามกลุ่มของฉินเฟิง มีกำลังเสริมเพิ่มมาอีก ทำให้กลายเป็นสิบคนแล้ว

สีหน้าของฉินเฟิงเริ่มกลายเป็นเย็นชา เจตนาฆ่าปรากฏขึ้นในแววตาเขา

“ในเมื่อพวกคุณแส่หาที่ตายนัก งั้นผมจะทำให้พวกคุณสมหวังเอง!” ฉินเฟิงหันกลับมาเผชิญหน้ากับผู้ไล่ล่าจากเบื้องหลัง พร้อมเปิดใช้งานทักษะหมื่นภูติ

เงาร่างหลายร้อยตนปรากฏขึ้น วิ่งวนล้อมผู้ใช้พลังทั้งสิบคน พวกเขาไม่ทราบว่าร่างใดเป็นของจริง หรือเงาใดเป็นของปลอม แต่สิ่งที่แย่ที่สุดก็คือ เงาเหล่านี้สามารถโจมตีพวกเขาได้เช่นกัน ทักษะนี้ไม่ต่างจากเทคนิคหุ่นเชิดแห่งความตายเลย!

“เทคนิคโอบกอดทมิฬ!”

อบิลิตี้แห่งความมืดแผ่ขยาย ปกคลุมอยู่เหนือหัวพวกเขา

ช่วงเวลานี้ ในหัวใจของผู้ไล่ล่าทั้งสิบกระตุกวูบ เพิ่มความระมัดระวังถึงขีดสุด ขับเคลื่อนกำลังภายในและอักษรรูน เพื่อแหวกฝ่าเทคนิคโอบกอดทมิฬ

แต่เพียงชั่วขณะที่วิสัยทัศน์ของพวกเขาหวนคืนสู่แสงสว่าง กลับพบว่าสหายข้างกายตน มีสองผู้ใช้อบิลิตี้ถูกผ่าเป็นศพไปแล้ว และมีอีกหนึ่งผู้ใช้วรยุทธโบราณกำลังถูกฝ่ามือของฉินเฟิงประทับลงเหนือตันเถียน และใบหน้าของคนๆนั้นคล้ายตื่นตกใจด้วยความหวาดกลัว ร่างกายชักกระตุก กำลังภายในเหือดหาย ทั้งหมดถูกฉินเฟิงดูดซับมาสิ้น!

เหล่าผู้ใช้พลังที่เหลือพุ่งเข้าช่วยเหลือ แต่ฉินเฟิงใช้ออกด้วยทักษะหมื่นภูติอีกครั้ง หายวับไปจากสถานที่เดียวกัน

ช่วงเวลาต่อมา ทั้งสิบผู้ใช้พลังที่ไล่ล่า ก็ถูกสังหารลงโดยฉินเฟิง

วิกฤตได้ผ่านพ้นไปแล้ว!

“ไปกันต่อเถอะ”

โดยไม่ทันรู้ตัว ฉินเฟิงได้กลายเป็นผู้นำของทั้งหกคนไปแล้ว

ช่วงเวลานี้ พวกเขาสามารถหลุดออกมานอกรัศมีของอุปกรณ์รักษาเสถียรภาพเชิงมิติได้สำเร็จ ทั้งยังไม่มีผู้ใช้พลังเลเวล A คนใดไล่ตามมาอีก แต่ ณ เวลานี้ ช่างแปลกนัก กลับยังไม่มีใครยอมบดขยี้ตัวเชื่อมมิติของเขา

“พวกคุณไปกันก่อนเถอะ” ฉินเฟิงกล่าว

ทั้งห้าแสดงถึงความลังเลเล็กน้อย ก่อนพยักหน้า เพราะพวกเขารู้มานานแล้ว ว่าฉินเฟิงคือลูกรักของพระเจ้า อีกฝ่ายน่ะทรงพลังชนิดพวกเขาไม่อาจเทียบเปรียบได้

“นายพลฉิน ขอบคุณสำหรับน้ำใจอันยิ่งใหญ่ของคุณ!”

“นายพลฉิน หากในอนาคตมีเรื่องอะไรให้ช่วยเหลือ โปรดอย่าลังเลที่จะติดต่อฉัน”

“หากคุณต้องการอะไร ขอแค่พูดมันออกมา!”

ทุกคนต่างเปิดเผยสถานะของตน และในบรรดาทั้งห้าไม่มีใครอ่อนแอเลย!

“เข้าใจแล้ว พวกคุณรีบไปเถอะ” ฉินเฟิงรับคำ คนพวกนี้ติดหนี้บุญคุณเขา ไม่ช้าก็เร็วฉินเฟิงสามารถเรียกใช้งานได้

ทั้งห้าคนไม่รั้งรออีก บดขยี้ตัวเชื่อมมิติ ออกจากเมืองหลวงแห่งความมืดไป

ตอนนี้เหลือเพียงฉินเฟิงกับไป๋หลี ฉินเฟิงเองก็ไม่คิดรั้งอยู่ที่นี่เช่นกัน แต่ขณะนั้นเอง ท้องฟ้าคล้ายบังเกิดอาเพศอีกครั้ง รอยแยกมิติถูกเปิดออก

กลิ่นอายของผู้ใช้พลังเลเวล S กวาดกระจายออกมา

–เหอเทียนสิงกลับมาแล้ว!

ไม่เพียงแค่นั้น แต่สภาพของเขายังดูสะบักสะบอมเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าประสบกับความพ่ายแพ้ มองไปยังใบหน้าของเขา ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถสังหารโม่ลี่ได้

กระนั้น การกลับมาของเหอเทียนสิงในครั้งนี้ สามารถเรียกความมั่นใจจากคนของคลับมังกรดำจนสังเกตได้

สมาชิกคลับมังกรดำหลายคน ถ่ายทอดคำพูดผ่านพลังสมาธิออกไป

โดยเฉพาะฟีนิกซ์เพลิง ที่รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

“เจ้านาย ท่านต้องจับตัวเขาคนนั้นไว้ ในงานประมูลก่อนหน้านี้ … ”

ฟีนิกซ์เพลิงกล่าวอธิบายฉินเฟิงในลมหายใจเดียว เธอให้ค่าฉินเฟิงไว้สูงมาก

ในฐานะคนที่สามารถต่อสู้กับโม่ลี่ได้เป็นเวลากว่าสามวันสามคืนโดยไม่เพลี่ยงพล้ำ และสามารถล่าสังหารสัตว์ร้ายบนเกาะนรกได้มากมาย ฉินเฟิงเลยกลายเป็นจุดสนใจของผู้คน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แล้วฟีนิกซ์เพลิงจะไม่รู้เรื่องราวของเขาได้อย่างไร?