3/3

Ep.75 – นายน้อยฉงขอร่วมทีม

อ้างอิงจากเมนูราคาอาหารวิญญาณ คาดว่าโพชั่นที่ผังต้าไห่ซื้อ สมควรอยู่ระหว่าง 50,000 ถึง 100,000

ซึ่งการที่ฮังอวี่ขายโพชั่นให้ ผังต้าไห่ในราคานั้น แสดงว่านั่นเป็นราคาที่เขาได้กำไรแล้ว

จากข้อสันนิษฐานนี้ แสดงว่าต้นทุนโพชั่นน่าจะอยู่ที่ราวๆ 30,000 – 50,000 หยวน

ต้นทุนในการทำโพชั่นต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ!

ซูหยุนปิงมีผู้ใช้สกิลกลั่นยาที่มีสูตรโพชั่นคล้ายๆกันอยู่ถึงสองคน  ทว่าวัตถุดิบที่พวกเขาจำเป็นต้องใช้ มันหาซื้อได้เฉพาะในค่ายโลกวิญญาณเท่านั้น ค่าใช้จ่ายในการกลั่นเลยค่อนข้างสูง ไม่สามารถผลิตเป็นจำนวนมากได้

ผังต้าไห่เป็นคนของฮังอวี่ ซูหยุนปิงไม่หวังว่าจะได้ราคาเท่ากันอยู่ล้ว แต่ข้อเสนอที่ ฮังอวี่เอ่ยออกมามันอำมหิตเกินไป!

“ราคาสูงไป ถ้าราคาวงในนายยังขายเท่านี้ เกรงว่าร้านอาหารของผังต้าไห่คงเจ๊งยับ ฉันคิดว่าควรลดราคาเหลือหนึ่งในสามจากที่เสนอมาตอนแรก มันถึงจะสมเหตุสมผล”

ราคาโพชั่นฟื้นพลังชีวิตที่ฮังอวี่คาดหวังต้องไม่ต่ำกว่า 100,000 แต่ไม่นึกเลย ว่าเพียงเริ่มเจรจา เธอจะตัดความหวังเขาทันทีเช่นนี้

แล้วมีหรือเขาจะยอมรับได้?

“อาจารย์ซูรู้วิธีต่อราคาจริงๆ ไม่สนใจราคาเสนอขาย ต่อน้อยกว่าครึ่งในพริบตา” ฮังอวี่อดบ่นไม่ได้ เอ่ยจุดแข็งของเขาออกมา “แต่ตอนนี้ในเจียงเฉิง มีผมคนเดียวที่สามารถผลิตโพชั่นได้เป็นจำนวนมาก ดังนั้นราคาที่เสนอไปไม่ถือว่าแพงเลย!”

ซูหยุนปิงขมวดคิ้ว หากนี่เป็นเพียงการซื้อมาใช้ส่วนตัว โพชั่นราคาขวดละสองแสนไม่นับเป็นสิ่งใด

แต่ซูหยุนปิงมีทีม ดังนั้นต้องการในปริมาณมาก นอกจากนี้ยังพร้อมกระโจนเข้าไปมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมผลิตต่างๆที่จำเป็นต้องใช้โพชั่นฟื้นพลังจิต

หากเธอซื้อโพชั่นด้วยราคาดังกล่าว  เกรงว่าทำธุรกิจได้ไม่นาน แม้แต่กางเกงในก็คงต้องนำไปขาย

“นักศึกษาฮัง นายควรรู้นะ ว่าถ้าตั้งราคาแบบนี้ ฉันไปซื้อวัตดุดิบเองแล้วจ้างหาคนมากลั่นยาให้ดีกว่า ราคาคงไม่ต่างกันมากนัก และนั่นยังเป็นการฝึกฝนคนของฉัน ให้สามารถแข่งขันกับนายได้ในอนาคตด้วย” กล่าวถึงจุดนี้ ซูหยุนปิงยอมลดราวาศอกลง “แต่ฉันจะไม่ทำแบบนั้น พวกเราสามารถสร้างความร่วมมือกันในระยะยาว หวังว่านายจะมีพื้นที่ให้พวกเรา วิน วิน กันทั้งสองฝ่าย”

สมุนไพรในค่ายมีราคาแพงมาก ทุกสองสามต้นมีราคา 1 หินคริสตัลเทา

และหินคริสตัลเทาตามราคาตลาดในปัจจุบัน มีค่าสูงถึง 200,000 – 300,000 หยวน!

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ผู้คนมีหินคริสตัลเทาในมือจำกัด และสมุนไพรในค่ายมีจำกัดจำกัดยิ่งกว่า ดังนั้นไม่สามารถผลิตโพชั่นออกมาเป็นจำนวนมากได้

ต่อให้ในโลกจริงรวยแค่ไหนก็ไม่อาจซื้อ

แต่ราคาเปิดของฮังอวี่สูงเกินไปจริงๆ หากอีกฝ่ายยืนกรานไม่ลดราคา สุดท้ายซูหยุนปิงต้องยอมจำใจจ่าย แต่คงซื้อจำนวนไม่มาก สุดๆแค่อย่างละไม่เกิน 20 – 30 ขวด และเก็บไว้ให้พวกอาชีพนักรบใช้เท่านั้น

และต่อไป เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์สูบเลือดสูบเนื้อเช่นนี้อีก เธอจะเตรียมการเรื่องกลั่นยาด้วยตัวเอง

และนั่นไม่ใช่สิ่งที่ฮังอวี่ต้องการจะเห็น  เพราะฮังอวี่มีโพชั่นอยู่ในมือเยอะมาก เขาอยากขายมันออกไปให้เร็วที่สุด

รีบขายให้ได้ก่อนที่มนุษย์บนโลกจริงจะรู้จักวิธีทำฟาร์ม ขั้นแรกต้องคว้ากระแสเงินติดมือให้ได้มากที่สุด

หลังจากทั้งสองต่อรองจนแทบจะจิกหัวทะเลาะกัน ราคาสุดท้ายของโพชั่นพลังชีวิตตกลงขายกันที่ 150,000 หยวน , โพชั่นฟื้นพลังจิตขายที่ 180,000 หยวน โพชั่นแก้ปวดตั้งราคาไว้ที่ 230,000หยวน

สำหรับราคานี้

ถือว่าสูงกว่าความคาดหวังของฮังอวี่

และขณะเดียวกันก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ซูหยุนปิงรับได้

“นี่เป็นราคามิตรภาพ ถ้าไม่ใช่อาจารย์ซู ผมคงไม่ขายราคานี้”

“เหอะ เหอะ มิตรภาพของนาย ฉันสัมผัสได้ถึงมันแล้ว”

ภายนอกซูหยุนปิงยังคงเป็นเหมือนเทพธิดา แต่ภายในใจเธอถ่มน้ำลายใส่ฮังอวี่เป็นหมื่นๆครั้งแล้ว

สำหรับโพชั่นฟื้นพลังจิตและโพชั่นแก้ปวดน่ะช่างมันเถอะ แต่ราคาซื้อโพชั่นฟื้นพลังจิต หากจ่ายราคานี้แล้วไปลุยอุตสาหกรรมการผลิตมีโอกาสเสี่ยงขาดทุนสูงมาก แต่ไม่เป็นไร ตอนนี้คิดซะว่าใช้มันเป็นการซ้อมกันภายในทีมแล้วกัน

ในที่สุดทั้งสองก็บรรลุข้อตกลง

ซูหยุนปิงเอ่ยคำสั่งซื้อเป็นโพชั่นแก้ปวด 20 ขวด , โพชั่นฟื้นพลังชีวิต 100 ขวด และโพชั่นฟื้นพลังจิต 300 ขวด

“อาจารย์ซูเป็นมหาเศรษฐีจริงๆ ในเมื่ออาจารย์ใจกว้างขนาดนี้ คำสั่งซื้อโพชั่นชุดแรกผมจะลดให้อีกนิดหน่อย ปัดเศษให้อาจารย์ เอาราคารวมๆทั้งหมดแค่ 70 ล้านก็พอ อีกสองวันมารับสินค้าได้เลย”

ต้นทุนในการผลิตของฮังอวี่สำหรับคำสั่งซื้อล็อตนี้จะอยู่ที่ราวๆ 7 – 8 ล้านหยวน  เรียกได้ว่ากำไรเยอะมาก

ซูหยุนปิงแม้ไม่พอใจกับผลลัพธ์นี้ แต่ก็ยอมจ่ายเงินมัดจำ 30 ล้านให้กับฮังอวี่แต่โดยดี

เม็ดเงินจำนวนนี้นับว่าเฉือนเนื้อกันเลยทีเดียว แต่ถ้ามองในเชิงกลยุทธ นับว่าคุ้มค่ามาก

การซื้อขายนี้เธอไม่ได้โฟกัสแค่เฉพาะเรื่องผลกำไรจากอุตสาหกรรมการผลิต เพราะถ้าคิดแค่นั้นมองยังไงก็ขาดทุน

ซูหยุนปิงมองมุมที่ว่าคนอื่นยังไม่มีโพชั่นเช่นพวกเธอ และนั่นคือข้อได้เปรียบที่ไม่สามารถตีค่าเป็นเงินได้

ทั้งสองถอนหายใจโล่งอก ในที่สุดก็กลับมาคุยกันแบบสบายๆ

“จากสถานการณ์ในปัจจุบัน เจียงเฉิงอาจเกิดความวุ่นวายขึ้นในอนาคตอันใกล้ ฉันรู้ว่านายแข็งแกร่งมาก แต่อย่าได้ประมาทไป” ซูหยุนปิงผลักกรอบแว่นตาและพูดว่า “ฉันคิดว่าหลินหลานน่าจะบอกข้อมูลบางอย่างแก่นายแล้ว”

“อ่า ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงของอาจารย์ซู ผมจะระมัดระวังไว้”

“ถ้าวันหนึ่งนายไม่อยากฉายเดี่ยว สามารถโทรหาฉันได้ตลอดเวลา เรื่องเงื่อนไขต่อรองกันได้”

แม้การร่วมมือกับกองกำลังอื่นจะไม่ใช่สิ่งที่ฮังอวี่ชอบทำ

แต่สถานะของซูหยุนปิงนั้นไม่ธรรมดา เธอรู้ข้อมูลวงในมากมาย การที่ครั้งนี้เธอเอ่ยเตือน เกรงว่าเพราะมีเจตนาดีจริงๆ

ได้คืบไม่ควรเอาศอก ฮังอวี่แม้ไม่เอ่ยปากตอบรับแต่ก็ไม่ตัดพ้อเอ่ยปฏิเสธความปรารถนาดีในครั้งนี้

ยังไม่ถึงเวลาเข้าสู่โลกวิญญาณ

ฮังอวี่จูงฮัสกี้กลับบ้าน หนึ่งคนหนึ่งหมาดื่มน้ำพุวิญญาณคนละทัพพีอย่างมีความสุข

ทั้งคู่ปีนขึ้นไปนอนบนหลังคาบ้านเพื่อคลายร้อน อากาศข้างบนสดชื่น น่าพอใจมาก

ฮังอวี่เปิดกระทู้ผ่านโน๊ตบุ๊คของเขา ไม่กี่วันก่อนเขาลงทะเบียนในบัญชีชื่อ ‘ด็อกเตอร์มอนสเตอร์’ และเคยใช้มันโพสต์กระทู้ 《คู่มือนักล่า》 เผยแพร่ข้อมูลของพวกมอนสเตอร์ต่างๆที่พบเจอได้ทั่วไปในเมือง  , วิธีรับมือ , วัตถุดิบที่จะได้รับ ฯลฯ

ซึ่งตอนนี้ได้รับการตอบกลับมาแล้วกว่า 600 ครั้ง ทำให้รู้สึกใจฟูขึ้นมาเล็กๆ อย่างไรก็ตาม มันยังไม่ขึ้นเป็นกระทู้ร้อนแรง

เพราะตอนนี้ยังไม่ค่อยมีใครรู้จัก ‘ด็อกเตอร์มอนสเตอร์’ และ 《คู่มือนักล่า》

แต่เชื่อเถอะว่าหากมันได้รับการปรับปรุงและเพิ่มข้อมูลอย่างต่อเนื่อง และหลังจากที่มีคนพิสูจน์แล้วพบว่ามันคือของจริง ไม่ช้าก็จะดึงดูดผู้คนมากมายเข้ามา

ขอบเขตและความเร็วของการเสื่อมโทรมบนโลกมนุษย์เลวร้ายกว่าที่คาดไว้มาก ตอนนี้มีแค่เรื่องนี้ที่ฮังอวี่พอจะช่วยเหลือได้

ข้อมูลนี้สามารถช่วยให้ผู้คนล่ามอนสเตอร์ รวบรวมวัตถุดิบ และปกป้องเมือง ถือเป็นการทำประโยชน์แก่สังคม

หลังจากอัปเดตข้อมูลมอนสเตอร์ได้หลายสิบตัว ฮังอวี่ก็กดบันทึกและตั้งเวลาให้มันอัปเดตพรุ่งนี้

มีมอนสเตอร์เข้ามารุกรานเป็นจำนวนมาก และยิ่งนานจะยิ่งเพิ่มขึ้น

“ฮ่ง! อาหารเย็นมื้อนี้ยอดเยี่ยมมาก เล่นเอาเปิ่นหวังรู้สึกเหมือนครึ่งชีวิตที่ผ่านมาที่ไม่เคยได้กินมัน เหมือนกลายเป็นสูญเปล่าไปเลย” ฮัสกี้นอนหงายท้องอยู่ข้างฮังอวี่ มันขยับปากหยุบหยับไม่หยุด ทำท่าเหมือนกำลังนึกถึงรสชาติที่ติดอยู่ในลิ้น “เจ้าคนอ้วนนั่นเข้าร่วม App ส่งอาหารด้วยไหม? เปิ่นหวังหิวอีกแล้ว จะสั่งมาส่งที่บ้าน!”

ฮังอวี่พูดไม่ออกไปพักหนึ่ง หวังเอ๋อเป็นฮัสกี้ตัวใหญ่ที่ใช้ชีวิตเหมือนปลาเค็ม เจ้าหมอนี่รู้จักแค่วิธีเล่น กิน และนอน เขาต้องรีบทำสัญญาสัตว์วิญญาณกับมันโดยเร็วที่สุดก่อนจะสายเกินไป ต้องรีบเรียกมันเข้าสู่โลกวิญญาณ จะได้ไม่เบื่อทำตัวน่าหน่ายอย่างเช่นทุกวันนี้

ว่าแล้วก็เข้าไปเช็คประวัติการเล่นของมันในเกม LOL (League of Legends) ซักหน่อยดีกว่า

แต่เมื่อเปิดเข้าไป ไม่นึกเลยว่ามันจะมีฝีมือถึงขนาดนี้ ทุกแมตช์ที่เล่นล้วนได้ตำแหน่ง MVP ฆ่าฝ่ายตรงข้ามเป็นว่าเล่น

ฮัสกี้ภูมิใจมาก “ฮ่ง! เป็นยังไงล่ะเจ้านาย เปิ่นหวังร้ายกาจสุดๆไปเลยใช่ไหม ตราบใดที่มีเปิ่นหวังอยู่ในทีม ต่อให้เจ้านายมีแรงค์แค่บรอนซ์ แต่เปิ่นหวังสามารถแบกเจ้านายไต่ขึ้นแรงค์ไดม่อนได้ ”

“ก็แค่เกม! ฉันไม่เล่นมันอีกแล้ว!”

ให้เล่นต่อก็เชี่ยแล้ว! ฉันไม่ยอมรับหรอกว่าตัวเองจะเล่นเกมแพ้หมา!

ฮังอวี่รู้สึกหดหู่และเสียศักดิ์ศรีมาก ตัดสินใจกดถอนการติดตั้งทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ปวดใจ อย่าเล่นเกมนี้อีกเลยจะดีกว่า

อีกอย่างโลกวิญญาณกำลังจะเปิด ใครจะมีเวลาเล่นเกมกับฮัสกี้?

เขาสั่งให้ฮัสกี้ดูแลบ้านให้ดี คลิกไอคอนเกมมือถือ เปิดประตูสู่โลกวิญญาณ

ฮังอวี่ถูกกระแสวังวนดูดเข้ามาในโลกวิญญาณ และเพราะอุปกรณ์สวมใส่กลับมาบนตัวอีกครั้ง ทำให้รู้สึกถึงพละกำลังเพิ่มพูนขึ้นทันที

ภายในค่ายก็อบลิน ผู้เล่นพากันเข้าสู่โลกวิญญาณ จ้าวหมิง จางเสี่ยวเฉียงทยอยกันเข้าเกม แต่เมื่อถึงคราวเจียงหนาน ฮังอวี่ก็ต้องประหลาดใจเพมื่อพบกับความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง

“เจียงหนาน ทำไมอาวุธของเธอถึงเปลี่ยนไป?”

เดิมเจียงหนานใช้ไม้เท้าก็อบลินนักเวทย์ที่เสี่ยวเฉียงส่งต่อให้ แต่ตอนนี้มันกลับถูกแทนที่ด้วยกระบองสั้นสีขาวดั่งหยก และเหนือผิวของมัน ถูกปกคลุมปด้วยแสงจางๆ บ่งบอกว่าเป็นอาวุธสีขาว

เธอยิ้มหวาน รีบส่งข้อมูลคุณสมบัติให้มหาเทพดู

ปรากฏว่านี่เป็นอาวุธอาชีพนักบวช

[กระบองศักดิ์สิทธิ์ของนักบวช] อุปกรณ์เลเวล 2 , สีขาวคุณภาพสูง , การโจมตีทางกายภาพ +2 , การโจมตีทางเวทมนตร์ +1 , ศักดิ์สิทธิ์ +1 ,​เจตจำนง +1 ค่าความทนทาน 9/10

“พี่มหาเทพ เป็นยังไง กระบองฉันไม่เลวเลยใช่ไหม? มันช่วยเพิ่มคุณสมบัติศักดิ์สิทธิ์ด้วยนะ!”

ฮังอวี่ จ้าวหมิง และจางเสี่ยวเฉียงต่างตกใจ ว่าเธอไปเอาอาวุธสีขาวเลเวล 2 ที่สุดยอดขนาดนี้มาจากไหน

เจียงหนานเห็นทุกคนมองมาที่เธอ ก็อดภูมิใจไม่ได้ อธิบายทันทีว่า “พ่อฉันได้ยินมาว่าครั้งนี้ฉันต้องบุกสถานที่อันตรายกับทุกคน เลยใช้เงินจำนวนมากซื้อมันในโลกมนุษย์ มันแพงจริงๆนะ … ถ้าฉันตายขออย่าดรอปเป็นเจ้านี่เลย!”

คนที่เหลือมองหน้ากัน พวกเขารู้อยู่หรอกว่าสถานะครอบครัวของเจียงหนานไม่ธรรมดา แต่ไม่นึกว่าจะร่ำรวยขนาดนี้!

อาวุธสีขาวเลเวล 2 มีค่าขนาดไหนน่ะหรือ? ก็มีค่าเท่ากับอุปกรณ์เลเวล 3 สีเทาทั้งหมดที่ฮังอวี่ขายให้เหล่าเซี่ยงยังไงเล่า!

และยิ่งเมื่อต้องจ่ายภาษีโลกวิญญาณเพื่อซื้อขายในโลกมนุษย์ มันก็ยิ่งแพงขึ้นไปอีก!

ตอนนี้อาวุธคุณภาพสูงจากโลกวิญญาณเป็นที่ต้องการแค่ไหน? มีเงินอย่างเดียวบางครั้งอาจไม่สามารถซื้อมันได้ ขนาดฮังอวี่ยังใช้อาวุธขาวเลเวล 1 อยู่เลย!

แต่พ่อของเจียงหนานสามารถควักเงินเป็นสิบๆล้านหยวน เพื่อซื้ออาวุธดีๆให้ลูกสาวมาเสริมพลังรบแก่ทีม นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนรวยทั่วไปจะทำได้

จางเสี่ยวเฉียงกล่าวน้อยใจ “ดีจังที่บ้านมีเงิน!”

“เอาล่ะๆ อย่าเสียเวลาอยู่เลย พวกเรายังต้องเดินทางไกล รีบไปกันดีกว่า”

จ้าวหมิงเอ่ยขึ้น

ตอนนี้เขาเป็นนักรบเลเวล 3 แล้ว แทบอดใจรอไม่ไหวที่จะได้ออกผจญภัย

คราวนี้พวกเขาจะบุกเข้าไปในวิหารเนโครแมนเซอร์ที่อยู่ลึกเข้าไปในแดนฝังกระดูกก็อบลิน ความยากของที่นั่นค่อนข้างสูง บวกกับหนทางอันยาวไกล ถ้าจะพูดกัน พูดระหว่างทางดีกว่า

แต่ในตอนนั้นเอง เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง “ช้าก่อน!”

ทั้งสี่หันไปพร้อมกัน และพบกับชายเปลือยท่อนบน ท่อนล่างใส่กางเกงผ้าขี้ริ้วขาดๆ ถือไม้เท้ายาวในมือ วิ่งเหยาะๆเข้ามา

“นายน้อยฉง เป็นคุณ?” จางเสี่ยวเฉียงประหลาดใจ

คนอื่นๆมองหน้ากัน  เจ้าของเสียงไม่ใช่ใครอื่น เป็นหวังฉง

นายน้อยฉงมีชื่อเสียงมาก พ่อเขาเป็นคนรวยที่สุดในประเทศจีนในรอบหลายปีที่ผ่านมา เขาจึงกลายเป็นลูกคนรวยที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งไปโดยปริยาย และบังเอิญว่าเขาได้มาอยู่ที่ค่ายนี้เหมือนกัน

“ฉันได้ยินมาว่าทีมพวกนายแข็งแกร่งมาก ขอฉันร่วมทีมด้วยคนได้ไหม” นายน้อยฉงบอกความตั้งใจทันทีที่มาถึง “ฉันจ่ายได้! เรียกราคาตามที่พวกนายต้องการมาเลย!”

“ไม่มีทาง” ฮังอวี่ปฏิเสธโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด

นี่ล้อกันเล่น?

แค่สี่คนก็แบ่งแต้มวิญญาณกับอุปกรณ์กันยากแล้ว เขาไม่อยากถูกพรากพวกมันไปมากกว่านี้!

แล้วฮังอวี่จะยอมให้มีคนเพิ่มเข้ามาในทีมอีกคนได้อย่างไร? ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่เห็นอยู่ชัดๆว่าหวังฉงพึ่งตายกลับมา แถมเสื้อที่สวมยังดรอปหายไปอีก

และประเด็นก็คือเจ้าหมอนี่ยังอยู่แค่เลเวล 1!

ฮังอวี่พึ่งกรีดเลือดอาจารย์ซูมา เวลานี้เขาไม่ขาดเงิน อีกทั้งสถานที่จะไปครั้งนี้ไม่ธรรมดา มันไม่เหมาะที่จะแบกตะเกียงน้ำมันใกล้มอดดับไปด้วย!