3/5

 

Ep.608 – เป้าหมายคือรังผึ้ง

 

หยวนเสี่ยวกวงอุทานออกมา “ลืมไปเลยว่าเขาเป็นผู้ใช้อบิลิตี้มืด แบบนี้ก็สบายใจได้แล้ว”

 

แต่ประโยคนี้ ในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา มันก็ไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป

 

หลังฉินเฟิงขับรถศึกล่องเวหาเข้าสู่พื้นที่อันตรายสีส้มไปได้สักพัก เจ้าตัวยังคงสงบเหมือนอย่างเคย แต่ผู้ใช้พลังอีกสองคนที่นั่งอยู่ในรถสายฟ้าสีเงินของฉินเฟิง กลับแสร้งทำเป็นสงบไม่ได้อีกต่อไป

 

พาหนะยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง หยวนเสี่ยวกวงที่ตามอยู่ด้านหลัง ยิ่งนานยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ เพราะพลังสมาธิของตนสามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายทรงพลังนับไม่ถ้วน แต่ฉินเฟิงกลับยังไม่หยุดรถซักที

 

รูนมืดปกคลุมสองรถศึก ช่วยป้องกันไม่ให้สิ่งมีชีวิตใดพบเห็น แต่ยิ่งพวกเขาขับลึกเข้าไป สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ก็เริ่มวูบไหวผ่านรอบๆตัวรถมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ผู้คนขนลุกเกรียว

 

หึ่ง หึ่ง!

 

แมลงปีกแข็งอย่างน้อยนับสิบตัวบินผ่านไป เจ้าพวกนี้ดูอย่างไรก็ไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้พลังระดับต่ำ แต่ละตัวมีขนาดอย่างน้อยสองเมตร ยามเกาะกลุ่มบินด้วยกัน ไม่ต่างจากเครื่องบินขนาดเล็กหลายลำบินผ่านไป ก่อแรงกดดันมหาศาลเป็นอย่างมาก

 

และความแข็งแกร่งของพวกมันก็มากเช่นกัน แต่ละตัวเทียบได้กับเลเวล C1 ครอบครองความสามารถในการต่อสู้อันน่าเกรงขาม ถือเป็นกลุ่มสิ่งมีชีวิตน่าหวาดกลัว

 

“นี่ … คุณจะเข้าไปลึกถึงไหนกันแน่” ภายในรถของหยวนเสี่ยวกวง ผู้ใช้พลังเลเวล E คนหนึ่งทนไม่ไหว สุดท้ายรวบรวมความกล้า เอ่ยตะกุกตะกักออกมา

 

“คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นแหละที่รู้” หยวนเสี่ยวกวงเหลือบมองลงบนแผงวงจรรถ และพบว่าตำแหน่งที่พวกเขาอยู่ในปัจจุบัน ได้เข้าสู่เขตอันตรายร้ายแรงจริงๆแล้ว ปัจจุบันเป็นเขตสีแดงเลือดหมู กล่าวได้ว่าเป็นฐานหลักของแมลงสัตว์ร้ายอย่างแท้จริง

 

ในเวลานั้นเอง พาหนะลอยฟ้าเบื้องหน้าได้หยุดลง หยวนเสี่ยวกวงผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่หลังจากขับตามจนทัน เส้นประสาทของเขาต้องเขม็งตึงอีกรอบ

 

เนื่องจากสถานการณ์ในตอนนี้ แม้ยังปลอดภัยจากอำนาจของรูนมืด แต่รอบๆตัวรถ ไม่ใกล้ไม่ไกลถูกรอบล้อมไปด้วยแมลงสัตว์ร้ายอย่างน้อย 7 กลุ่ม และแต่ละกลุ่มมีมากกว่า 20 ตัว

 

เป็นผึ้งบรรพกาลเลเวล C5 !

 

ครอบครองร่างอันใหญ่โต ยาวมากกว่าสองเมตร เข็มด้านหลังที่เหมือนจะเป็นหาง ยาวแหลมไม่ต่างจากหอก อย่างไรก็ตาม ผึ้งเหล่านี้ไม่นับว่าเป็นสิ่งใดเลย หากเทียบกับอีกสิ่งหนึ่งที่ระบบสแกนของรถตรวจพบอย่างกะทันหัน

 

หยวนเสี่ยวกวงเงยหน้าขึ้นโดยไม่กล้าใช้พลังสมาธิ อันที่จริงไม่ต้องใช้มัน เพียงมองด้วยตาเปล่า เขาก็สามารถเห็นได้ว่ากลางป่าทึบในจุดที่ไกลออกไป บนต้นไม้ใหญ่ที่สูงเกือบ 30 เมตร มีรวงขนาดใหญ่ของผึ้งถูกสร้างเอาไว้

 

แต่ละหลุมของรังผึ้ง มีความยาวเต็มที่ก็สองเมตร รวมๆแล้วสูงเท่ากับตึกสิบสองชั้น ใหญ่โตมาก และบางครั้งก็มีผึ้งบรรพกาลบินออกมาจากมัน

 

“นี่มันรังใหญ่ของพวกผึ้งสัตว์ร้าย!”

 

แข้งขาของหยวนเสี่ยวกวงกลายเป็นอ่อนนุ่ม ตัวอ่อนยวบลงจากเบาะคนขับ

 

ก่อนหน้านี้แม้หยวนเสี่ยวกวงจะทราบดีว่าพวกเขากำลังเข้าใกล้พื้นที่อันตรายที่สุด แต่ก็ไม่คาดหวังว่ามันจะอันตรายถึงขนาดนี้ มองไปยังรังผึ้งที่ห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตร เขาบังเกิดความรู้สึกว่า แม่จ๋า ครั้งนี้คงไม่รอดแน่ๆแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นเอง ฉินเฟิงกับไป๋หลีได้ลงจากรถ

 

“ขอให้ทุกคนอยู่ข้างในเงียบๆ ถ้าไม่ได้ยินคำสั่งฉัน ไม่ต้องตามมา”

 

ฝูงชนสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าแม้หายใจแรง ได้แต่เฝ้ารอคำสั่งของฉินเฟิง

 

ฉินเฟิงเริ่มทำการติดตั้งป้อมปืน

 

ไม่นาน ปืนใหญ่แก่นสัตว์ร้ายก็เผยโฉมออกมา ทั้งหมดห้าป้อม ปากกระบอกล้วนเล็งไปยังทิศทางของรังผึ้ง

 

“มิสเตอร์ฉิน อย่าบอกนะว่าคุณ … ”

 

คำเหล่านี้ยังไม่ทันเปล่งออกมาจนสุด ฉินเฟิงก็กระแทกปุ่มยิง

 

หัวใจของผู้ใช้พลังเลเวล E ที่โดนจ้างมา ถูกขู่จนขวัญกระเจิง

 

เพราะสิ่งที่เรียกว่ารังผึ้งเบื้องหน้านี้ เป็นการดำรงอยู่เช่นใดกัน?

 

ในความเห็นของพวกเขา อย่างน้อยต้องเป็นผู้ใช้พลังเลเวล A ลงมือ จึงจะสามารถถล่มรังผึ้งโดยลำพังได้ ส่วนเลเวล B อย่างน้อยก็ต้องมีหลายสิบคนร่วมมือกัน ถ้าเลเวล C ก็เพิ่มจำนวนเข้าไปเป็นทวีคูณ ถึงจะปราบปรามมันลงได้

 

แต่ทีมของฉินเฟิงในปัจจุบันเล่า? ทีมนี้มีเลเวล C แค่สามคน และเลเวล E อีกห้าคนเท่านั้นเอง ที่มันเรื่องตลกอะไรกัน?

 

“เขา .. เขาเป็นบ้าไปแล้วรึไง!”

 

แต่คำถามนี้ กลับไม่มีใครตอบ เพราะกระสุนที่ฉินเฟิงยิงออกไป มันได้พุ่งเสียดอากาศขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้ว ก่อนย้อยเป็นมุมโค้ง พุ่งไปยังรังผึ้งที่อยู่ห่างออกไป

 

กระสุนปืนใหญ่จิ้มลงไปในรังผึ้งอย่างไร้ปรานี รังผึ้งนี้แม้มีขนาดใหญ่โต แต่มันไม่ได้ลึกเท่ากับรังของพวกแมลงที่ทำรังใต้พื้นดิน เพียงเจาะคว้านเข้าไป ก็สามารถรุกล้ำถึงใจกลางได้อย่างง่ายดาย

 

บรึ้ม!

 

บังเกิดเสียงอู้อี้หนักทึบ ทั้งแปดคนในที่เกิดเหตุ เห็นแค่เพียงรังสีแสงเรืองรอง เจาะเข้าไปในรังผึ้ง จากนั้น รังผึ้งที่ติดกันเป็นรวงขนาดใหญ่ ก็เริ่มฉีกขาดออกจากกัน

 

โครม!

 

รวงผึ้งชิ้นโต หลุดจากต้นไม้ ร่วงหล่นลงกับพื้น และภายในรอยแตกร้าวของรังผึ้ง เริ่มทยอยกันมีผึ้งบรรพกาลคืบคลานออกมา ทว่าบัดนี้กระดองอันแข็งแกร่งของพวกมันถูกหลอมละลาย กระทั่งปีกก็ยังถูกย่างจนกลายเป็นขี้เถ้า ไม่สามารถบินได้อีกต่อไป

 

หยวนเสี่ยวกวงอ้าปากค้าง กว้างจนสามารถกลืนไข่ทั้งใบลงไปได้ในคราวเดียว

 

ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าเขาสามารถทำลายรังผึ้งได้จริงๆ?

 

แต่ไม่นาน หยวนเสี่ยวกวงก็ไม่อาจสนใจเรื่องนี้ได้อีกต่อไป เพราะรังผึ้งถูกทำลาย ส่งผลให้ผึ้งบรรพกาลนับไม่ถ้วนบินออกมา ส่วนพวกที่ได้รับบาดเจ็บ ปีกเสียหาย ยังคงคลานอยู่กับพื้น ดวงตาของพวกมันเป็นสีแดงฉาน จ้องมองมายังทิศทางของฉินเฟิงและคนอื่นๆ

 

หากสายตาสามารถฆ่าผู้คนได้ พวกฉินเฟิงคงตายไปแล้วไม่รู้กี่รอบ

 

หึ่ง หึ่ง!

 

ผึ้งบรรพกาลปริมาณมหาศาล ไล่ตามทิศทางลมของแรงระเบิด กระพือปีกบินเข้าหาพวกเขา

 

ณ ใจกลางฝูงผึ้งที่กระจุกกันหนาแน่น มีนายพลผึ้้งหลายตัวนำทัพอยู่เบื้องหน้า และไม่นาน ราชินีผึ้งก็ปรากฏตัวออกมา ตรงเข้าสังหารฉินเฟิง

 

แม้เผชิญกับฉากอันน่าสยองเกล้าตรงหน้า แต่ฉินเฟิงกลับไม่หวาดกลัวเลยสักน้อย อบิลิตี้มืดถูกใช้ออกอีกครั้ง

 

“ประกายแสงแห่งความตาย!”

 

ในพริบตา คล้ายดั่งแสงแดดอันแรงกล้าและทิวทัศน์รอบตัว กระทั่งชั้นอากาศก็ยังถูกปกคลุมไปด้วยประกายแสงนี้ ผึ้งบรรพกาลที่อยู่หน้าสุดโดนแสงกวาดเข้าใส่เป็นกลุ่มแรก ถูกสูบพลังชีวิตไปทันที

 

หวี่—

 

ตึงงง!

 

ขนาดตัวของผึ้งบรรพกาลไม่เล็ก สองปีกอ่อนล้า สุดท้ายบินไม่ไหวร่วงลงกับพื้น ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะขัดขืน ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะต่อกรกับอำนาจมืดนี้ ในเวลาไม่ถึงครึ่งนาที พวกมันก็ตายลง

 

“จงฟังคำสั่งฉัน!”

 

ฉินเฟิงทำการควบคุมผึ้งบรรพกาลที่เพิ่งตายต่อทันที ให้พวกมันวกย้อนกลับไปสังหารผึ้งฝูงใหญ่เบื้องหลังแทน แต่ไม่นาน ฉินเฟิงก็ค้นพบว่าสถานการณ์ค่อนข้างผิดจากที่คิดอยู่เล็กน้อย

 

เนื่องจากเผ่าแมลงไม่มีกระดูก ดังนั้นเมื่อเลือดเนื้อจากศพกลายเป็นเน่าเปื่อย ของแข็งที่ยังติดอยู่บนตัวพวกมันคือกระดองที่ว่างเปล่าและหางแหลม หลังจากเสียชีวิต ต่อให้ยังเหลือเข็มพิษอยู่ ก็ยังไม่ถึงขั้นโจมตีกลุ่มเดิมของตนเองได้

 

หุ่นเชิดแห่งความตายเหล่านี้ ไม่นานก็ถูกผึ้งที่ยังมีชีวิตกัดแทะ จู่โจมทำลายศพไปอย่างรวดเร็ว

 

ดูเหมือนว่าการใช้เทคนิคควบคุมศพในครั้งนี้ นอกจากสูญเสียพลังงานจำนวนหนึ่งไปเปล่าๆแล้ว ยังขาดทุนไม่คุ้มกับที่จ่ายไป

 

“ช่างมันเถอะ”

 

เมื่อฉินเฟิงคิดได้ เขาก็ถอนเทคนิคประกายแสงแห่งความตายออก แม้ฝูงผึ้งบรรพกาลจะตายไปแล้วนับร้อยตัว แต่ก็ยังเหลือจำนวนอีกมาก ทั้งหมดกรูกันเข้ามา

 

ภาพตรงหน้าให้ความรู้สึกไม่ต่างจากบางสิ่งที่ท่วมทับผืนฟ้า กระทั่งแสงจากดวงอาทิตย์ก็ยังถูกบดบัง

 

ผึ้งบรรพกาลรุกถึงตัวฉินเฟิง วินาทีต่อมา เสียงกระหน่ำของบางสิ่งก็ดังขึ้น

 

ฟุฟ ฟุฟ ฟุฟ ฟุฟ ฟุฟ!

 

แท้จริงแล้วนี่คือเสียงของเข็มพิษที่ถูกยิงลงมาจากฟากฟ้า ทั้งหมดเล็งมายังตำแหน่งเดียว

 

ไป๋หลีก้าวไปข้างหน้า แสงสีเงินสะท้อนไปทั่วบริเวณ –เป็นอบิลิตี้มิติ!

 

ทันใดนั้นรอยแยกสีดำปรากฏขึ้นเบื้องหน้าฉินเฟิง เข็มพิษที่ถูกยิงเข้าหา จมหายไปในรอยแยกมิติ ส่วนที่หลุดรอดจากรอยแยกมิติ ปลายแหลมของมันจิ้มลงกับพื้น ตอกลึกลงบนพื้นดิน

 

นอกจากฉินเฟิงกับไป๋หลี และรถศึกอีกสองคันที่จอดนิ่งอยู่แล้ว พื้นดินส่วนอื่นๆล้วนถูกเติมเต็มไปเข็มแหลม ไม่ต่างจากหลังของเม่น อีกทั้งบนเข็มยาวดั่งหอกเหล่านี้ ยังมีสารพิษสีเข้มปนเปื้อนมาด้วย

 

“ว๊ากกกกกกก”

 

หยวนเสี่ยวกวงกับคนอื่นๆร้องเสียงหลง คิดว่าพวกตนถูกเข็มพิษเจาะทะลวงเข้ามาแล้ว

 

อย่างไม่ก็ตาม หลายวินาทีต่อมา พวกเขาก็ค้นพบว่า มันไม่ได้เกิดขึ้นจริง

 

ก็แค่ระทึกใจ ตื่นตูมเกินไปเท่านั้นเอง!