2/3

Ep.320 – สตรีมสดโจมตีเมือง

ในเวลาเที่ยงคืน

ณ มหาวิทยาลัยหางโจว

ในห้องของสโมสรนักผจญภัยโลกวิญญาณ

ซุนเจาหุยและสมาชิกอีกนับสิบรวมตัวกันตั้งตารอการถ่ายทอดสด

และช่องทางออนไลน์ที่รับผิดชอบในการถ่ายทอดสดครั้งนี้เรียกว่า ‘ข่าวด่วนโลกวิญญาณ’

เนื้อหารายการก็ตามชื่อ

พวกเขาจะดำเนินรายการด้วยภาพและเสียง

วิเคราะห์การต่อสู้ของมอนสเตอร์ในโลกวิญญาณ แบ่งปันเรื่องราวของยอดฝีมือในโลกวิญญาณ โดยมีเบื้องหลังคือสมาคมโลกวิญญาณแห่งประเทศจีน

ต้องบอกเลยว่า

สมาคมโลกวิญญาณยังคงมีบทบาทอย่างมากในด้านสื่อ

กระทู้ โซเชียลมีเดีย ความคมชัดของทั้งภาพและเสียงล้วนน่าประทับใจ

พิธีกรคือสาวสวย

“ยินดีต้อนรับสู่ข่าวด่วนโลกวิญญาณ ฉันคือพิธีกรเสี่ยวหลิว”

“อย่างที่ทราบกันดีว่าเมืองส่วนใหญ่ในประเทศเราได้เปลี่ยนไปใช้พลังงานจากโลกวิญญาณอย่างเชื้อเพลิงสไลม์เพื่อให้อุปกรณ์ไฟฟ้าทำงาน เริ่มมีการการตีบวกหรือใช้ลูกเล่นอื่นๆในการเพิ่มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีการผลิตอาหารวิญญาณ โพชั่นรักษา และอุปกรณ์เหนี่ยวนำมนตราต่างๆขึ้นเข้ามาในโลกมากขึ้น ”

“การรุกรานจากโลกวิญญาณได้นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาสู่โลกของเรา ไล่ตั้งแต่รูปแบบทางสังคมไปจนถึงการผลิตทางวิทยาศาสตร์”

“การสำรวจโลกวิญญาณของพวกเราพึ่งจะเริ่มต้นขึ้น และวันนี้ในโลกวิญญาณจะมีสงครามที่ถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งกำลังหลักและผู้นำของสงครามในครั้งนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นชาวจีนของเรา”

“รายการพิเศษวันนี้จะออกอากาศและอธิบายการต่อสู้ทั้งหมดผ่านการส่งสัญญาณข้ามมิติ”

“วันนี้พวกเราได้เชิญผู้เชี่ยวชาญมาถึงสี่คน พวกเขาคือ ….. ”

“เอาล่ะ ตอนนี้เรามาฟังผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์และพูดคุยถึงความเป็นไปได้ในการสำรวจโลกวิญญาณ รวมไปถึงความสำคัญของการต่อสู้ในครั้งนี้กัน ”

ทำไมยังไม่เริ่มอีก?

สมาชิกสโมสรนักผจญภัยเริ่มหมดความอดทน

ผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาอาชีพกำลังพูดคุยกันบนหน้าจอเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ในปัจจุบัน และที่อาจเกิดขึ้นต่อไป คำพูดของพวกเขาค่อนข้างมีน้ำหนัก หากเป็นเวลาปกติ ย่อมสามารถกระตุ้นความสนใจของทุกคนได้

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังมีใครอยากฟังพวกเขา ฮ๊าาาาา!

ทุกคนแค่อยากเห็นบอสฮังสู้กับเมืองหุบเขาเดียวดาย!

หลังจากรอนานกว่า 30 นาที สีหน้าของพิธีกรสาวก็เผยถึงความสุขและโล่งใจ เธอใช้เวลาอยู่นานกว่าจะอ้าปากแทรกพวกเขาได้ รีบเอ่ยว่า “พวกเราได้รับสัญญาณส่งข้ามมิติแล้ว ตอนนี้จะทำการเชื่อมต่ออย่างเป็นทางการ เชิญทุกท่านรับชม!”

สามารถกล่าวได้ว่า

พิธีกรสาวก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน

เธอเองก็เป็นหนึ่งในแฟนตัวยงของเถ้าแก่ใหญ่ฮัง

ภาพในหุบเขาเดียวดายปรากฏขึ้นบนหน้าจอ

สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยภูเขาแห้งแล้ง แทบไม่มีต้นไม้ใบหญ้า อย่างไรก็ตาม ทีมงานเกือบ 700 คนได้เดินออกจากถ้ำมารวมตัวกันข้างนอกแล้ว

เสียงหนึ่งดังขึ้น “สวัสดีทุกคน ฉันชื่อหลี่ยี่จากสมาคมโลกวิญญาณสาขาหยางเฉิง ฉันรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในศึกเมืองหุบเขาเดียวดาย และจะทำการถ่ายการต่อสู้ที่ทุกคนรอคอยกันแบบสดๆ!”

พิธีกรสาวกล่าว “สวัสดี คุณก็เป็นหนึ่งในพลรบด้วยใช่หรือเปล่า?”

เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการซ้อมการแสดงล่วงหน้า

พิธีกรสาวเลยยังไม่ทราบสถานการณ์อีกฝั่ง

หลี่ยี่ตอบว่า “ไม่ค่ะ ฉันอ่อนแอเกินไป อยู่แค่เลเวล 6 เท่านั้น เลยไม่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมกำลังพลจากบอสฮัง แต่ในฐานะนักข่าวเฉพาะกิจ ฉันจะร่วมเดินทางไปกับกองทัพมนุษย์ และถ่ายทอดสดให้ทุกท่านรับชม”

พิธีกรสาว “ถ้าอย่างนั้นก็ระมัดระวังตัวด้วย”

“อย่ากังวลไปเลย ถึงจะอันตรายไปบ้าง แต่ก็ยังปลอดภัยกว่าคนที่สู้ศึกนี้ แล้วอีกอย่าง ถึงฉันจะพลาดถูกฆ่าตาย แต่ก็ยังมีอะไหล่สำรองอยู่อีกหลายคน ดังนั้นพวกคุณไม่ต้องกังวล ฝั่งนี้ยังคงสามารถถ่ายทอดสดให้รับชมได้ต่อไป”

ทุกคนหัวเราะ

แต่เอาจริงๆมีคนมากมายคิดว่าหลี่ยี่ถ่อมตัวเกินไป

พลังรบในเลเวล 6 นับว่าไม่เลวในสายตาคนธรรมดา

อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์เช่นนี้ เว้นแต่จะเป็นนักบวชที่มีสกิลซักสองสามอย่าง อาชีพอื่นไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมสงครามจริงๆ เพราะพวกเขาไม่มีประโยชน์อะไรเลย และอาจกลายเป็นตัวถ่วงได้

พิธีกรสาวเอ่ยถาม “หลี่ยี่โปรดอธิบายสถานการณ์ในตอนนี้ด้วย”

หลี่ยี่เลื่อนกล้องมือถือไปยังกลุ่มของฮังอวี่ “บอสฮังกำลังจัดระเบียบและปรับตำแหน่งทีม ตอนนี้น่าจะมีผู้เข้าร่วมเกือบ 680 คน มีทั้งจีน อเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และอินเดีย … ”

ซุนเจาหุยและคนอื่นๆมองดูรายชื่อทีมแบบตาไม่กะพริบ

และพบว่าคนเหล่านี้ทั้งหมดล้วนเป็นยอดฝีมืออย่างแท้จริง!

อยากให้ฉันไปอยู่ที่นั่นด้วยจัง!

สมาชิกสโมสรนักผจญภัยกล่าวว่า “เจาหุย นายไปถึงเลเวล 8 แล้ว เสียดายที่ไม่ได้อยู่ที่นั่น ไม่งั้นคงได้เข้าร่วมการต่อสู้นี้แล้ว”

ซุนเจาหุยส่ายหัว “ถึงเลเวลของฉันจะสูง แต่ฉันคงสู้คนเลเวล 7 ในนั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะฉันยังไม่ได้รับสืบทอดมรดกขั้น 1 ที่สมบูรณ์เลย แถมยังไม่มีอาวุธสีเขียวสวมใส่ ในขณะที่คนเหล่านี้ ส่วนใหญ่มีมรดกขั้น 1 ครบถ้วน และอุปกรณ์สวมใส่ก็ดีมากเช่นกัน”

เลเวลเป็นเกณฑ์สำคัญในการวัดพลังรบก็จริง

แต่นอกเหนือจากเลเวลแล้ว พลังรบยังเกี่ยวพันกับอุปกรณ์และมรดกสืบทอดอีกด้วย

บางคนมีเลเวลสูง

แต่ความสามารถในการต่อสู้กลับอ่อนแอมาก

ระหว่างกระบวนการนี้ ฮังอวี่สั่งการให้ผู้คนเริ่มเคลื่อนไหว เนื่องจากระยะทางค่อนข้างยาวไกล เพื่อเป็นการประหยัดเวลา พวกเขาจึงเปิดใช้งานคัมภีร์สัตว์ขี่

คัมภีร์สัตว์ขี่ไม่ใช่ของหายาก

แม้แต่ฐานที่มั่นในระดับค่ายมนุษย์หมูป่าก็สามารถหาซื้อได้ และราคาแพง ค่อนไปทางถูกด้วยซ้ำ สิ่งนี้สามารถอัญเชิญสัตว์ขี่ได้ชั่วคราว

และพวกมันเคลื่อนที่ได้เร็วมาก

เทียบได้กับรถสปอร์ตในโลกมนุษย์

ขณะเดียวกันก็สามารถวิ่งบนเนินชันหรือทะเลทรายได้อย่างลื่นไหลราวกับพื้นราบ

แน่นอน พาหนะประเภทนี้ไม่มีใครสามารถในการต่อสู้

ผู้ชมทั่วโลกสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน มีคนเกือบ 700 คนนั่งอยู่ในสัตว์ขี่ของตัวเอง ฝุ่นฟุ้งกระจายราวกับพายุเฮอริเคน ฉากนี้ช่างตระการตา ดูห้าวหาญมาก

แม้จำนวนคนจะไม่ถึงหลักพัน

แต่มันให้ความรู้สึกเหมือนกองทัพใหญ่กำลังเดินขบวนเตรียมทำสงคราม

หลี่ยี่รวมถึงสมาชิกที่ไม่ต้องสู้จำนวนหนึ่งตามหลังกองทัพมนุษย์ไปอย่างใกล้ชิด และส่งภาพกลับมายังโลก ในระหว่างการเดินทาง พวกเขาเจอมอนสเตอร์เป็นบางครั้ง แต่พวกมันก็ถูกสังหารไม่ต่างจากไก่กา

ครั้งแล้วครั้งเล่าผู้ชมในโลกจริงต่างพากันปรบมือ

พลังรบของทีมนี้แข็งแกร่งมาก!

“ชนะแน่!”

“พวกเขาต้องชนะแน่นอน!”

“บอสฮังจงเจริญ!”

แพลตฟอร์มถ่ายทอดสดบางรายการสามารถพิมพ์ข้อความตัววิ่งไปบนหน้าจอได้

ตอนนี้ข้อความตัววิ่งหลั่งไหลราวกับน้ำตก

มันเยอะมากจนคนดูมองหน้าจอไม่ชัด

ระหว่างการเดินทางไม่ค่อยมีอะไรนัก เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับเชิญจึงพากันสนทนาเกี่ยวกับความเป็นไปได้ต่างๆ

ประมาณหนึ่งชั่วโมงหรือมากกว่านั้น

ทุกคนสังเกตเห็นได้ว่าความเร็วของทีมค่อยๆช้าลง

พวกเขาเข้าสู่เส้นทางหุบเขาที่ค่อนข้างแคบ

เสียงของหลี่ยี่ดังขึ้น “บอสฮังพึ่งออกคำสั่งว่าพวกเราอยู่ใกล้กับเมืองหุบเขาเดียวดายแล้ว ดังนั้นต้องช้าลงเพื่อป้องกันการถูกลอบโจมตี!”

ผู้เชี่ยวชาญในจอเริ่มรู้สึกประหม่า

ขณะที่พูดคุยกัน  พวกเขาไม่แม้จะกะพริบตา ราวกับว่าต้องการช่วยเหลือคนเหล่านี้ สอดส่องหาผู้ที่อาจซุ่มโจมตีจากมุมมืด

ถึงยังไงนี่ไม่ใช่เกม

มันคือการถ่ายทอดสดที่ไม่มีการฝึกซ้อม

สถานการณ์รุนแรงอาจเกิดขึ้นได้เสมอ

อารมณ์ของคนดูตอนนี้ก็เหมือนกับกำลังรับชมการปล่อยจรวดที่มีนักบินอวกาศอยู่ข้างในแบบสดๆ เพราะสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปไม่อาจหยั่งรู้ได้อย่างสมบูรณ์ ผู้คนเริ่มเกิดอาการตึงเครียด เพราะกลัวว่าอาจเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันที่ไม่อาจแก้ไขได้ในวินาทีต่อไป

“เห็นแล้ว!”

“นั่นคือเมืองหุบเขาเดียวดาย!”

“ข้างหน้าคือเมืองหุบเขาเดียวดาย!”

เมืองที่มีลักษณะเหมือนปราสาทปรากฏขึ้นกลางหุบเขา มันสร้างจากหินสีเทา-ดำ ความสูงของกำแพงเมืองชั้นนอกสูงถึง 20 เมตร และล้อมรอบไปด้วยรัศมีบางอย่าง

และบนฟ้า

มีสิ่งมีชีวิตที่คล้ายๆกับแร้งหรือเหยี่ยวบินวนเวียนอยู่

เหนือกำแพงสูงตระหง่าน มีสมุนมนุษย์จิ้งจอกอย่างน้อย 200 ตัวติดอาวุธธนูและไม้เท้า พวกมันสังเกตเห็นการมาเยือนของมนุษย์แล้ว ดังนั้นเตรียมการรับมืออย่างถี่ถ้วน

ซุนเจาหุยสูดหายใจลึก

ตอนแรกพวกเขาคิดว่าเมืองหุบเขาเดียวดายจะมีขนาดพอๆกับค่ายเลเวล 5 แต่เท่าที่เห็นตอนนี้ มันคือปราสาท! เป็นป้อมปราการที่มีกำแพงใหญ่ป้องกันอย่างแน่นหนา!

อีกทั้งยังเต็มไปด้วยค่ายกล!

มีกับดักตั้งอยู่เกือบทุกที่!

ทหารคุ้มกันหนาแน่น!

พิธีกรสาวถึงกับอึ้ง พูดไม่ออกไปพักหนึ่ง ในโลกวิญญาณเธอพึ่งอัพเลเวล 4 ดังนั้นไม่เคยเห็นสถานที่เช่นนี้มาก่อน เสียงเธอสั่นเล็กน้อย “นี่ …. คุณผู้เชี่ยวชาญคิดเห็นว่าอย่างไร?”

ใบหน้าของผู้เชี่ยวชาญหัวล้านเคร่งขรึมราวกับว่าเขาเป็นมืออาชีพมาก “มันยากกว่าที่คิดไว้เยอะมาก!”

พิธีกรสาวรีบถาม “ทำไมถึงพูดอย่างนั้น?”

“เมืองหุบเขาเดียวดายมีภูมิประเทศสูงและมีป้อมปราการที่แข็งแกร่งเป็นเกราะกำบัง ดูจากรัศมีรอบๆเมือง คาดว่านั่นคงเป็นกับดักหรือค่ายกล ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นอุปสรรคที่ยากจะหลีกเลี่ยง”

ผู้เชี่ยวชาญอีกคนหนึ่งกล่าวว่า “ดูตรงเหนือกำแพงเมืองนั่นสิ มนุษย์จิ้งจอกบนหอสังเกตการณ์ถือธนูอยู่ พวกมันคือมอนสเตอร์ชั้นยอดเลเวล 10 ที่สามารถโจมตีจากที่สูงในระยะไกล เมื่อพวกเราเข้าใกล้ ก็จะตกเป็นเป้าโจมตีฝ่ายเดียว ”

ผู้เชี่ยวชาญอีกคนพยักหน้า “มี นุษย์จิ้งจอกอยู่เยอะเกินไป! และเหมือนว่าพวกมันจะเตรียมการเป็นอย่างดี คุณสังเกตเห็นนั่นไหม นอกจากมนุษย์จิ้งจอกนักธนูกับนักเวทย์แล้ว ดูเหมือนจะมีอุปกรณ์เวทย์มนตร์ที่คล้ายปืนใหญ่ตั้งอยู่ในหลายๆจุด ฉันคิดว่านั่นคงเป็นอาวุธหนักที่ใช้ปกป้องเมือง!  ”

พิธีกรสาวถาม “งั้นถ้าพวกคุณสามคนต้องตกอยู่ในสถานการณ์นี้ พวกคุณจะใช้กลยุทธ์โจมตีแบบไหน?”

ผู้เชี่ยวชาญนึกพักหนึ่งก่อนตอบว่า “บางทีอาจลองปีนขึ้นไปบนภูเขาสูงทั้งสองข้างก่อน จากนั้นค่อยโจมตีจากบนลงล่างแบบไม่ให้ทันตั้งตัว”

“ทำแบบนั้นไม่สำเร็จหรอก!” ดวงตาของผู้เชี่ยวชาญหัวล้านสะท้อนประกายหลักแหลม ชี้ให้เห็นถึงความจริง “คุณเห็นพวกแร้งหรือนกเหยี่ยวที่บินอยู่เหนือเมืองนั่นไหม ฉันคิดว่าพวกมันคือสัตว์อัญเชิญ ไม่ก็สัตว์ที่ถูกฝึกจนเชื่อง น่าจะมีไว้เพื่อป้องกันการโจมตีทางอากาศ”

“เฮ้อ จริงด้วย พวกมนุษย์จิ้งจอกคิดวิธีแก้ปัญหานี้ไว้แล้ว … ดูท่ากลยุทธ์ที่ดีคือถอย การยอมแพ้ชั่วคราวเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ ”

“ … ”

ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้วิเคราะห์หลายอย่างๆ บลา บลา บลา

และทุกคำมันเหมือนน้ำเย็นที่เทราดลงบนหัวของผู้ฟัง

พลังรบโดยรวมของมนุษย์นั้นด้อยกว่ามนุษย์จิ้งจอก มนุษย์จิ้งจอกทุกตนมีเลเวล 10 ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังตั้งรับ มีข้อได้เปรียบในการใช้ประโยชน์จากเวลาและสถานที่ ดังนั้นการต่อสู้ครั้งนี้จะยังดำเนินต่อไปได้จริงๆน่ะหรือ?

ไม่ไกลจากเมืองหุบเขาเดียวดาย

ฮังอวี่ยืนอยู่เบื้องหน้ากองทัพ

เขาใช้เทคนิคตาเหยี่ยวเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ข้างหน้า

ฉูเทียนหัว จ้าวหมิง มือซ้ายมือขวาทั้งสองยืนขนาบข้างเขา สีหน้าดูจริงจัง กล่าวด้วยอารมณ์ “เป็นสงครามที่ยุ่งยากจริงๆ”

“ยุ่งยากจริงๆนั่นแหละ” ฮังอวี่กล่าว “แต่ตอนนี้กำลังถ่ายทอดสด ผมไม่อยากพลาดท่าแบบน่าเกลียด บอกคนอื่นเตรียมตัวให้พร้อม พวกเราจะไปลองเชิงมันซักสองสามรอบ”

ว่าจบ

เขาก็มองไปทางเสี่ยวไป๋

ฮังเสี่ยวไป๋ปลดปล่อยราชินีมดหน้าคน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการโจมตีจากเบื้องหน้าและบนฟ้ามีแต่เป็นการส่งหัวไปประเคนถึงที่เท่านั้น

โชคดีที่ฮังอวี่มีวิธีการที่ต่างออกไป ดั่งวลีที่เขากล่าวกันว่าเลี้ยงกองทัพทั้งปีเพื่อใช้ในวันเดียว

ฮังอวี่พยายามอย่างหนักเพื่อฝึกฝนมดยักษ์ และตอนนี้ถึงเวลาที่มันต้องสำแดงพลังอย่างเต็มที่แล้ว

แน่นอนว่ากระบวนการนี้ต้องได้รับการปกปิดอย่างมิดชิด ระหว่างนั้นต้องมีการโจมตีจากด้านหน้าเพื่อดึงดูดความสนใจของมนุษย์จิ้งจอก