2/3

Ep.304 – นางฟ้านักบวช

รูปร่างหน้าตาของผู้หญิงคนนี้มีความคล้ายคลึงกับมนุษย์กว่า 8 – 9 ส่วน แต่ทั้งตัวของเธอราวกับมีม่านแสงอันนุ่นวลเข้าห่อหุ้ม เบื้องหลังมีปีกแสงสีขาวอันงดงามคู่หนึ่ง บนตัวสวมเกราะนักบวช ในมือถือหอกยาวที่ฝังไว้ด้วยอัญมณีศักดิ์สิทธิ์

เธอมีผมสีทองยาวถึงเอว ไม่ว่าจะใบหน้าหรือร่างกายเรียกได้ว่าแทบจะสมบูรณ์แบบ

หากมองเพียงรูปลักษณ์

คงยากที่จะพบเจอจุดด่างพร้อย

แวบแรกเธอดูมีอายุราวๆ 18 ปี

นี่คือเผ่าสวรรค์ ชาวสวรรค์คือเผ่าพันธุ์เก่าแก่ในโลกวิญญาณ มีลักษณะคล้ายคลึงกับเอลฟ์ มนุษย์ ฯลฯ แต่เอกลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดก็คือปีกของบนแผ่นหลัง

เมื่อต่างเผ่าพันธุ์

พรสวรรค์โดยกำเนิดจึงไม่เหมือนกัน

เช่นเดียวกับมนุษย์จิ้งจอกที่โดดเด่นด้านสอดแนม

ความสามารถทางเผ่าพันธุ์ของชาวสวรรค์นั้นจัดว่าอยู่ในกลุ่มที่ดีที่สุดในบรรดาเผ่าพันธุ์ต่างๆ

เนื่องจากเผ่าพันธุ์นี้เก่าแก่เกินไป และมีความสัมพันธ์กับทวยเทพมากมาย และยังแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มภายใต้การนำของเทพเจ้าองค์ต่างๆ ดังนั้นจึงมักถูกเรียกอีกอย่างว่าเทวดาหรือนางฟ้า

ดวงตาของฮังอวี่กวาดมองไปยังร่างอื่นๆที่อยู่รอบๆ เขาพบว่านอกจากหญิงชาวสวรรค์แล้ว ยังมีนักรบอีกสอบคน และพ่อมดอีกสิบคน

นักรบทุกคนสวมเกราะทองคำทั้งตัว มองไกลๆเหมือนกระป๋องเหล็ก อาวุธของพวกเขาคือขวานเล็กและโล่

พ่อมดทุกคนสวมเสื้อคลุมที่มีฮู้ดคลุมหัว ในมือถือคทา เวลามองไปจะไม่สามารถเห็นใบหน้าของพวกเขาได้

นักรบสิบคน พ่อมดสิบคนล้วนเป็นพลรบที่มีสติปัญญาต่ำ

NPC ที่สำคัญที่สุดมีเพียงคนเดียวในการทดสอบนี้ ซึ่งนั่นคือสาวสวยจาเผ่าสวรรค์

“พวกท่านคงจะเป็นนักรบที่ท่านเทพธิดาดลใจให้มาช่วยปกป้องโบสถ์ใช่หรือไม่?” สาวสวยจากเผ่าสวรรค์เอ่ยขึ้น เธอโน้มตัวแสดงความเคารพด้วยท่วงท่าที่ทั้งสี่ไม่เคยเห็นมาก่อน “ข้าคือนางฟ้าประจำโบสถ์แห่งนี้ ชื่อว่าลีอาห์ ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือของพวกท่าน”

ซูหยุนปิง ฉูเทียนหัว เสี่ยวไป๋ ทั้งสามต่างเหม่อลอย กำลังอึ้งอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้น

ฮังอวี่ตอบรับอย่างรวดเร็ว “เป็นเกียรติของเราที่ได้สู้เคียงข้างนางฟ้านักบวชผู้สูงศักดิ์ ผมขอถามสถานการณ์ตอนนี้ได้ไหม?”

ชาวสวรรค์ลีอาห์ตอบว่า “พิธีกรรมดำมืดของอามอนทิสได้เริ่มขึ้นแล้ว พลังของเขากำลังรุกล้ำอาณาจักรสวรรค์ และโบสถ์กำลังทุกข์ทรมานจากการถูกพลังแห่งความมืดเข้ากัดกร่อน ตอนนี้สถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก”

สายตาของเธอมองไปนอกโบสถ์ “บริเวณรอบๆโบสถ์ถูกกัดเซาะ ด้านนอกเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ชั่วร้าย บัดนี้ พวกเราต้องปกป้องที่นี่ ต่อให้ตัวตายก็ห้ามปล่อยให้อามอนทิสดูหมิ่นโบสถ์ของท่านเทพธิดา!”

ฮังอวี่พูดคุยกับนางฟ้านักบวชอีกสองสามประโยค

ซูหยุนปิง ฉูเทียนหัวต่างก็ได้ยิน

ฮังอวี่กำลังสอบถามข้อมูลระหว่างกระบวนการนี้

และลีอาห์ไม่ได้ปิดบัง เธอเปิดเผยข้อมูลบางอย่างของอาณาจักรสวรรค์ และเทพทั้งสององค์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีค่ามากอย่างไม่ต้องสงสัย

ไม่นาน

ทั้งโบสก็ก็เริ่มสั่นสะเทือน

ทั้งสี่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าตัวโบสถ์กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงจากรอบทิศทาง

ใบหน้าของลีอาห์แปรเปลี่ยนไป เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ทุกท่านเตรียมตัวให้พร้อม เหล่าผู้มัวหมองกำลังมา!”

ไม่มีเวลารับข้อมูลเพิ่มเติมไปมากกว่านี้แล้ว

ทั้งซูหยุนปิงและฉูเทียนหัวเกิดความรู้สึกเสียดายเล็กน้อย

กำแพงรอบด้านที่แต่เดิมงดงาม เต็มไปด้วยจิตรกรรมฝาผนังอันศักดิ์สิทธิ์ ขณะนี้ราวกับถูกน้ำซึมจากภายนอก สีเริ่มหมองลง เกิดการสึกกร่อนลุกลามไปทั่ว ภาพจิตรกรรมฝาผนังเกิดคามเสียหายประหนึ่งขึ้นรา

มอนสเตอร์ผีที่ดูน่าสยดสยอง

เดินทะลุกำแพงโบสถ์และปรากฏตัวขึ้นข้างใน

พวกมันมีจำนวนเยอะมาก กวาดมองแวบแรกด้วยสายตาน่าจะซักราวๆ 200 – 300 ตัว

ซูหยุนปิงตะลึง “พวกมันมีตั้งขนาดนี้แล้วจะสู้ได้ยังไง? แถมแต่ละตัวเหมือนจะมีเลเวล 10 ทั้งนั้น และสัดส่วนของพวกระดับชั้นยอดก็สูงมาก!”

ไม่ใช่แค่เรื่องจำนวนเท่านั้น แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือพวกมันยังคงบกุเข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะต่อกรกับ มอนสเตอร์ผีจำนวนมากด้วยคนแค่ไม่กี่คนในโบสถ์?

ช่องว่างความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสองฝ่ายห่างชั้นกันเกินไป!

ในที่สุดฉูเทียนหัวก็รู้ว่าทำไมทีมสกายเน็ตสองสามกลุ่มแรกที่เข้ามาถึงลงเอยด้วยความล้มเหลว

พิธีกรรมของจักรพรรดิลิซอามอนทิสกินเวลาหกชั่วโมง

หรือก็คือพวกเขาแค่สี่คนต้องต้านทานการโจมตีเช่นนี้ถึงหกชั่วโมงเต็ม?

นั่นแทบเป็นไปไม่ได้เลย!

ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาคิดด้วยซ้ำ!

ลีอาห์เริ่มร่ายสกิลของเธอ

อาวุธในมือฉูเทียนหัว ฮังอวี่ได้รับพรแห่งแสง

ราวกับมันถูกเคลือบด้วยชั้นจาระบีสีทองวาววับ

ฮังอวี่กล่าว “นี่คือสกิลขั้นสาม พรแสงศักดิสิทธิ์ มันช่วยให้เราโจมตีมอนสเตอร์ผีได้”

นักรบที่มุ่งเน้นไปทางการโจมตีกายภาพย่อมเสียเปรียบอย่างมากในการรับมือกับ มอนสเตอร์ผี เนื่องจากมอนสเตอร์ผีสามารถลดทอนดาเมจทางกายภาพได้ค่อนข้างสูง หากพลังรบของพวกเขาไม่แก่กล้าพอ เกรงว่าคงไม่สามารถสร้างความเสียหายแก่พวกมันได้

กระนั้น

ลีอาห์เห็นได้ชัดว่าเป็นนักบวชชั้นสูง

ด้วยสกิลประทานพรนี้ การโจมตีของฮังอวี่ ฉูเทียนหัวจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมไปถึงการโจมตีด้วยแสง ดังนั้นสามารถทำดาเมจแก่มอนสเตอร์ผีได้มากยิ่งขึ้น

ลีอาห์เริ่มปลดปล่อยสกิลออกมาทีละอย่าง

มันช่วยมอบเอฟเฟกต์บัฟอย่างน้อยสองสามอย่างแก่ทุกคนในที่นี้

และเห็นได้ชัดว่าลีอาห์ไม่ใช่นักบวชที่ทำได้แค่อยู่เบื้องหลัง บนร่างเธอถูกบัฟด้วยมนต์แห่งแสงหลากหลายชนิด กวัดแกว่งหอกในมือ โจมตีมอนสเตอร์ผีหลายตัวที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และเกือบทั้งหมดจบชีวิตลงในการโจมตีเดียว ช่างเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพในการต่อสู้!

อย่างไรก็ตาม

ไม่ว่าพลังรบจะแข็งแกร่งเพียงใด

สุดท้ายสองมือก็มิอาจเอาชนะสิบมือได้

มอนสเตอร์ผีเกือบ 70% กรูกันเข้าหาเธอ

มอนสเตอร์ผีพวกนี้มีวิธีการโจมตีหลากหลายรูปแบบ บ้างโจมตีด้วยคาถา บ้างลอบโจมตี ไม่ช้าลีอาห์ก็ได้รับบาดเจ็บ พลังชีวิตเริ่มถดถอย เมื่อต้องเผชิญการโจมตีมากมายเช่นนี้ เกรงว่าคงยื้อได้มากสุดแค่สิบนาที

และเมื่อนางฟ้านักบวชตายในสนามรบ

สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้นคงมีแค่การถูกทุบตีฝ่ายเดียว

“มอนสเตอร์ผีส่วนใหญ่ถูกล่อไปทางนางฟ้านักบวช และอีกเกือบทั้งหมดถูกดึงดูดไปทางพลรบของโบสถ์ แรงกดดันฝั่งเรามีไม่มากนัก” ซูหยุนปิงเริ่มสังเกตสภาพแวดล้อม ขณะเดียวกันวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบัน “ตอนนี้มีแค่พวกเราเท่านั้นที่มีช่องว่างให้เคลื่อนไหว นั่นหมายความว่ากุกญแจสำคัญในการพลิกเกมนี้ต้องอยู่ที่พวกเรา”

ฉูเทียนหัวพยักหน้าและกล่าวว่า “นั่นก็ฟังดูมีเหตุผล ว่าแต่พวกเราควรทำยังไง?”

ฮังเสี่ยวไป๋ไม่พูดอะไร เธอเริ่มกำจัดมอนสเตอร์ผีที่ใกล้เข้ามาอย่างเป็นระบบ

ฮังอวี่เรียกหวังเอ๋อออกมา

เจ้าหมาตกใจเมื่อเห็นสถานการณ์โดยรอบ “ฮ่ง เกิดอะไรขึ้น ทำไมมีผีเต็มไปหมด!”

ฮังอวี่กล่าวพลางกวาดสายตามองมอนสเตอร์ผีที่บินอยู่รอบๆ “มอนสเตอร์ผีพวกนี้ แต่ละกลุ่มน่าจะมีหัวหน้าที่คอยควบคุมอยู่ ตราบใดที่เราสามารถทำลายหัวหน้าผีได้ มอนสเตอร์ผีตัวอื่นก็จะแตกขบวนเอง เจ้าหมา ช่วยหาผีที่มีพลังแข็งแกร่งกว่าตัวอื่นๆให้ที  ”

มอนสเตอร์ผีมีลักษณะคล้ายคลึงกันก็จริง

แต่หวังเอ๋อสามารถแยกแยะพลังรบของพวกมันผ่านกลิ่นอายได้

ในไม่ช้า มันก็พบว่าในบรรดาผีบนท้องฟ้า มีมอนสเตอร์ผีสามสี่ตัวที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ

เจ้าพวกนี้อยู่ในระดับเจ้าถิ่นขั้นบรอนซ์ ชัดเจนว่าพลังรบโดดเด่นกว่ามอนสเตอร์ผีตัวอื่นๆ

“ดีมาก!”

“เราต้องฆ่าพวกมันให้หมด!”

ฮังอวี่เป็นคนแรกที่ก้าวออกไป ทั้งคนทั้งร่างเขาทอแสงสว่างไสว ก่อนโผล่ขึ้นกลางอากาศ แทงอาวุธทั้งสองในมือใส่มอนสเตอร์ผีพร้อมกันจากด้านหลัง สร้างดาเมจทับซ้อนในทันที ฮังเสี่ยวไป๋ก็เริ่มโจมตีเช่นกัน ปลดปล่อยสายฟ้าฟาดใส่มันอย่างแรง

เจ้ามอนสเตอร์ผีตัวนี้เหมือนจะมีไหวพริบอยู่บ้าง เมื่อถูกพบตัวมันรีบพยายามบินหลบหนีทันที

ซูหยุนปิงร่ายสกิลเทคนิคกักวิญญาณหน่วงเหนี่ยวมันไว้

ฉูเทียนหัวกระโจนขึ้นไป และเริ่มปล่อยคอมโบของเขา

ซึ่งคอมโบครบเซ็ทของเขา สามารถทำดาเมจได้ไม่น้อยไปกว่าฮังอวี่เลย

ทั้งสี่รุมโจมตีมอนสเตอร์ผีตัวเดียว

และเมื่อผีตัวนั้นถูกฆ่า มีมอนสเตอร์ผีอย่างน้อย 100 ตัวในโบสถ์ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด พวกมันเริ่มทำลายตัวเอง ดาเมจจากการทำลายตัวเองกระจายไปทั่ว แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่รับไหว

แหวนในมือเสี่ยวไป๋ทอประกายแสง

สกิลรักษาถูกร่ายใส่ซูหยุนปิง

ซูหยุนปิงเป็นผู้ใช้วิญญาณ ดังนั้นพลังชีวิตค่อนข้างเปราะบาง

คลื่นแห่งการรักษานี้สามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของเธอได้ทันที เสี่ยวไป๋สวมแหวนคุณภาพสีฟ้าที่มีสกิลรักษา ทำให้เธอสามารถรับหน้าที่เป็นผู้รักษาพาร์ทไทม์ได้ใระหว่างการต่อสู้

ซูหยุนปิงกล่าว “ขอบคุณ!”

เสี่ยวไป๋ยิ้ม “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ”

เนื่องจากซูหยุนปิงอาศัยอยู่ในบ้าน เสี่ยวไป๋จึงถือว่าซูหยุนปิงเป็นครอบครัวเดียวกัน

เวลานี้ หวังเอ๋อชี้เป้าหมายที่สอง ทว่ามีมอนสเตอร์ผีจำนวนมากบินวนอยู่รอบตัวมัน

หัวหน้าผีพวกนี้มีสติปัญญาไม่มากเท่าไหร่ก็จริง แต่พวกมันตระหนักแล้วว่าหนึ่งในสหายถูกพบตัว ดังนั้นเริ่มหันมาปกป้องตัวเอง

ฮังอวี่ตะโกน “เจ้าหมา ทนเจ็บหน่อยนะ!”

ฮังอวี่พุ่งเข้าไปกลางวงมอนสเตอร์ผี เปิดใช้งานคลุ้มคลั่งเข้าสังหาร มอนสเตอร์ผีถูกทุบตีแตกฮือกระจัดกระจายไปทุกทิศทาง

ระหว่างกระบวนการนี้ ฮังอวี่ถูกทุบตีไปไม่น้อยเช่นกัน แต่ดาเมจส่วนใหญ่ที่โดนถูกถ่ายโอนไปยังสุนัข นี่คือเอฟเฟกต์ของสกิลดูดซับความเสียหาย

ดาเมจที่ต่ำกว่าสิบถูกถ่ายโอนแบบเต็มจำนวน

ส่วนดาเมจที่มากกว่า 10 แต่ไม่เกิน 100 จะถูกดูดซับไปบางส่วนแค่ 30%!

ส่วนดาเมจที่มากกว่า 100 จะไม่สามารถดูดซับได้

แม้มอนสเตอร์ผีเหล่านี้จะไม่อ่อนแอ แต่ฮังอวี่ก็แข็งแกร่งเช่นกัน ไม่ต้องกล่าวถึงขณะนี้ที่อยู่ในสถานะบัฟทั้งตัว และดาเมจเกือบทั้งหมดที่โจมตีมายังเขาจึงถูกถ่ายโอนไปยังสุนัข

สามารถกล่าวได้ว่า

หากไม่มีเจ้าหมารับเคราะห์

อาศัยเพียงโพชั่นฟื้นฟู เกรงว่าฮังอวี่คงตายไปตั้งนานแล้ว

หวังเอ๋อเหลียวมองบาดแผลตามร่างกาย เริ่มโวยวายด้วยสีหน้าโศกเศร้า “ฮ่ง เจ้านายรีบเข้าไปฆ่าลูกพี่ผีเร็ว! สุนัขจะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว!”

เจ้าหมามีเลือดเยอะก็จริง

แต่เวลานี้บอกตามตรงมันรู้สึกอึดอัดมาก

ตัดสินใจเรียกร่างแยกสุนัขออกมา

แล้วให้ร่างแยกใช้สกิลดูดซับความเสียหาย รับดาเมจเหล่านี้แทน

ฉูเทียนหัว ซูหยุนปิง ฮังเสี่ยวไป๋ใช้ประโยชน์จากจังหวะที่มอนสเตอร์ผีส่วนใหญ่เข้ารุมล้อมฮังอวี่เข้าโจมตีทันที และสามารถกำจัดหัวหน้าผีได้สำเร็จ

ในตัวโบสถ์ที่เดิมเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ผี

ตอนนี้เหลือไม่ถึงครึ่งแล้ว

ปรากฏว่าตราบใดที่ค้นพบวิธีที่ถูกต้อง ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะรับมือ

จากสถานการณ์ปัจจุบัน ฉูเทียนหัวเริ่มคิดหาวิธีอื่นในการผ่านดันเจี้ยนนี้

อย่างแรกเลย ต้องมีหนึ่งในสมาชิกทีมเป็นตัวแทงค์คอยรับดาเมจ และอีกหนึ่งเป็นนักสอดแนมคอยค้นหาตัวหัวหน้าผี มีแต่ต้องทำแบบนี้ถึงจะรอดได้

นี่เป็นข้อมูลสำคัญมาก

หลังจากออกไป ฉูเทียนหัวจะรายงานแก่สกายเน็ต

แล้วสกายเน็ตจะพัฒนาต่อยอดกลยุทธ์เอง หลังจากนั้นการท้าทายของผู้เข้ามาใช้งานในอนาคตก็จะง่ายขึ้น

ใช้เวลาราวๆครึ่งชั่วโมง ทั้งสี่ก็สามารถกำจัดหัวหน้าผีได้สำเร็จ แม้สภาพโดยรอบจะพังพินาศ แต่นักบวชหญิงและพลรบส่วนใหญ่รอดชีวิตมาได้ กล่าวได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง