โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.250 – กระตุกหนวดเสือ

“อ้าว ทำไมเขาจึงไปแล้วล่ะ? พวกเราทำอะไรให้มิสเตอร์ฉินขุ่นเคืองรึเปล่า?” หยูกังเฝ้ามองฉินเฟิงจากไป ด้วยกายที่สั่นไหวเล็กน้อย

ตันหยูเองก็รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากเช่นกันในตอนนี้

เขากัดฟันกล่าว “ฉันมอบแต้มสงครามให้กับมิสเตอร์ฉินแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่พอใจมันก็ไม่เป็นไร เพราะแต้มสงครามเหล่านี้น่าจะพอชดเชยสิ่งที่ว่าได้!”

บอกตามตรง ตันหยูก็หวาดกลัวฉินเฟิงเช่นกัน ว่าฉินเฟิงอาจจะเปลี่ยนเป็นปีศาจเสพวิญญาณไปแล้วจริงๆ

ปัจจุบัน นี่ก็นับเป็นวันที่ 3 แล้วที่ปีศาจเสพวิญญาณปรากฏตัวขึ้นในผิงหยุน ทางเมืองต่างๆก็กำลังส่งผู้ใช้พลังมาช่วยเหลือ แต่ระหว่างเดินทาง พอได้ทราบข่าวจากตันหยูว่าการต่อสู้จบลงแล้ว ทั้งหมดอดขมวดคิ้วไม่ได้

“อันดับแรก มอบรางวัลให้เขาไปก่อน เรื่องต่อจากนี้ ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง!”

ด้วยเหตุนี้ แต้มของกลุ่มซ่งเฉิง จึงถูกส่งมาเป็นรางวัลในการต่อสู้ของฉินเฟิง โดยเป็นจำนวนมากกว่า 300,000 แต้มสงคราม

ฉินเฟิงที่กำลังหลับตาพักผ่อน เปิดระบบขับขี่อัตโนมัติออกจากผิงหยุน จู่ๆก็รู้สึกถึงการสั่นสะเทือนของอุปกรณ์สื่อสาร

–เป็นข้อความจากระบบแจ้งเตือน

ระบุเอาไว้ว่า : ฉินเฟิงได้กลายเป็นสมาชิกภายในกลุ่มซ่งเฉินชั่วคราว แต่ไม่ได้มีส่วนลดพิเศษอะไรให้ และจำเป็นต้องใช้แต้มสงคราม 300,000 ในคราวเดียวเพื่อแลกเปลี่ยนสิ่งที่ตนต้องการ หลังจากนั้นสถานะสมาชิกจะถูกยกเลิก และสิทธิ์ในการเข้าถึงรายการคลังสมบัติจะถูกถอนคืน

ฉินเฟิงเมื่อเห็นข้อความนี้ ก็ตระหนักได้ทันทีถึงความหมายที่ทางกลุ่มซ่งเฉินต้องการจะสื่อออกมา

“เอาเถอะ ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลยล่ะนะ”

เพราะเดิมทีจุดหมายของฉินเฟิงคือการออกตามล่าปีศาจเสพวิญญาณ ดังนั้นรางวัลจากทางกลุ่มซ่งเฉิงที่มอบให้เขาถือเป็นประเด็นรอง

อย่างไรก็ตาม เมื่อฉินเฟิงเปิดหน้าเว็บในส่วนสมาชิกของกลุ่มซ่งเฉิง เจ้าตัวก็ถึงกับสูดหายใจลึก

เพราะสมบัติในคลังของอีกฝ่าย มันมหาศาลยิ่งกว่าของฟูเฉิงอย่างเห็นได้ชัด

แม้สิ่งที่มีให้ฉินเฟิงเลือก ทั้งหมดล้วนมูลค่าต่ำกว่า 300,000 แต้มสงคราม แต่ในส่วนของเลเวล E มันกลับมีจำนวนให้เลือกเยอะมากราวกับขนบนตัววัว

ทว่าเรื่องนี้พอเข้าใจได้ เพราะยังไงซะ ผู้ใช้พลังเลเวล D ในฟูเฉิงน่ะมีแค่หยิบมือเดียวเท่านั้น ในขณะที่ทางกลุ่มซ่งเฉิง มีเลเวล D อยู่มากมาย และประธานกลุ่มของพวกเขาก็มิใช่ตัวตนเล็กจ้อย

ฉินเฟิงไม่เสียเวลาวุ่นอยู่กับมันนานเกินไป เขาตัดสินใจเลือกค้นหาของดีที่สุด โดยให้จัดเรียงรายชื่อนับจากราคาสูงสุดไปต่ำสุด

ทันใดนั้น สิ่งที่ปรากฏในสายตาของฉินเฟิง มันล้วนเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างไม่น่าเชื่อ

อันดับแรก คือเทคนิคแมกมา ซึ่งเป็นเทคนิคระดับเดียวกันกับเทคนิคมังกรไฟ

เนื่องจากเทคนิคมังกรไฟที่ได้จากฟูเฉิงมีส่วนลดเป็นตัวช่วย ในคราวนั้นฉินเฟิงจึงสามารถแลกเปลี่ยนมันได้ในราคา 100,000 แต้มสงคราม

แต่ปัจจุบันไม่มีส่วนลด ฉินเฟิงเลยตัดสินใจใช้ 300,000 แต้มสงครามทั้งหมดอย่างไม่ลังเลใดๆ

“ขอแลกเปลี่ยนกับเทคนิคแมกมา และช่วยนำมันไปส่งที่สถานชุมชนเฟิงหลีด้วย”

ฉินเฟิงกรอกแบบฟอร์ม และช่องในส่วนของสมาชิกก็หายไป

ฉินเฟิงหลับตาลงอีกครั้ง และคราวนี้เขาไม่ลืมที่จะปรับอุปกรณ์สื่อสารให้อยู่ในโหมดห้ามรบกวน

ในเวลาเดียวกัน ทางฝั่งกลุ่มซ่งเฉิงก็ได้รับข้อความของเขา

“ฉินเฟิงเลือกของที่จะแลกเปลี่ยนได้แล้ว!”

“อะไร? มันคืออะไร? ใช่สิ่งที่ช่วยฟื้นฟูพลังสมาธิรึเปล่า? ฉันว่านะ ถึงการต่อสู้จะจบลงแล้ว แต่การเผชิญหน้ากับปีศาจเสพวิญญาณ เขาจะต้องสูญเสียพลังสมาธิไปเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน”

“ถามแบบนี้ เหมือนคุณกำลังสงสัยอยู่เลยนะ ว่าเขาเป็นปีศาจเสพวิญญาณปลอมตัวมา?”

“ก็ถามเพราะกลัวไง แค่ระวังตัวไว้ก่อนมันผิดนักหรอ?”

ถูกต้อง สิ่งที่คนเหล่านี้รู้สึก มันคือความหวาดกลัวจริงๆ

หวาดกลัวว่าร่างของฉินเฟิงจะถูกยึดครองโดยปีศาจเสพวิญญาณ เนื่องจากเดิมฉินเฟิงก็แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว หากถูกปีศาจเสพวิญญาณยึดครองไปอีก เกรงว่าในอนาคตคงจะเกิดเรื่องวุ่นวายตามมาอีกมากมาย!

ตันหยูส่ายมือให้คนอื่นๆ พลางถอนหายใจโล่งอก

“ไม่ต้องกังวลกันไป ผู้ว่าการฉินเลือกแลกเปลี่ยนเป็นเทคนิคแมกมา!”

“เทคนิคแมกมางั้นหรอ? ไม่ใช่ว่าเขามีเทคนิคมังกรไฟอยู่แล้ว?”

“นั่นสิ เขาจะแลกเทคนิคแมกมาไปทำไม แค่อบิลิตี้มังกรไฟก็ยากที่จะฝึกฝนมากพอแล้ว คิดฝึกเทคนิคแมกมาควบคู่ไปด้วย แบบนี้มันจะไม่โลภเกินไปหน่อยหรอ!”

ตันหยูส่ายหัว หากเทียบกับคนพวกนี้ ตัวเขาถือว่าเข้าใจฉินเฟิงมากกว่าเยอะ

“มิสเตอร์ฉินเพิ่งได้รับเทคนิคมังกรไฟเมื่อไม่นานมานี้เอง จากข้อมูล ฉันคิดว่าเขาน่าจะได้รับมันมาจากฟูเฉิง และข้อมูลที่ว่า ไม่น่าจะถึงหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ แต่มิสเตอร์ฉินกลับสามารถใช้มันได้แล้ว!”

ซู๊ด—

ฝูงชนพากันสูดหายใจลึก

และจู่ๆพวกเขาก็เกิดความคิดขึ้นมา ว่าหากเป็นฉินเฟิง การสังหารปีศาจเสพวิญญาณก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!

ทางฝั่งเฉียนหยวนและพี่น้องตระกูลฟาง เกรงว่าฉินเฟิงคงกลายเป็นตำนานที่จะถูกจดจำไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต!

ฉินเฟิงหลับสนิทไปทั้งวัน พอตื่นขึ้นมาอีกที เขาก็พบว่ารถศึกกำลังแล่นเข้าใกล้อาณาเขตของเมืองเฉิงหยางแล้ว

อุปกรณ์สื่อสารถูกเปิดอีกครั้ง ข้อความผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ชัดว่าระหว่างที่กำลังพักผ่อน ทุกคนต่างตามหาตัวเขา

ฉินเฟิงปัดอ่านไปทีละข้อความ แต่แล้วเมื่อเจอข้อความหนึ่ง เขาก็ต้องขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้

ฉินเฟิงเปิดฟังก์ชั่นโทรออก ติดต่อหาซูซิงฝูทันที

ทางฝั่งซูซิงฝูรับสายเขาอย่างรวดเร็ว

“ลูกพี่ ในที่สุดคุณก็ตอบกลับ ฉันคิดว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณแล้วซะอีก!” ซูซิงฝูกล่าวอย่างร้อนรน

“ไม่มีอะไรหรอก อย่าไปเก็บข่าวจากพวกคนนอกมาใส่ใจนักเลย ตอนนี้บอกผมมาได้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ฉินเฟิงกล่าว

ซูซิงฝู เร่งอธิบาย “ช่วงที่ผ่านมาการค้าขายเป็นไปด้วยดี ผู้คนมากมายนำสินค้าบางอย่างที่ขายได้ยากมาให้พวกเรา จนสินค้าระดับต่ำเป็นกองพะเนิน ฉันเลยติดต่อไปทางสถานชุมชนเล็กๆหรือเมืองต่างๆ เพื่อขายสินค้าจำนวนมากในราคาถูก และมีพ่อค้าจากสถานชุมชนขนาดเล็กคนหนึ่งตอบรับคำเชิญของฉัน แต่ระหว่างเดินทาง กลับ ดันถูกปล้นโดยพวกองค์กรมืด!”

ระหว่างกล่าว รู้สึกได้ถึงความโกรธของซูซิงฝู “มีคนเดียวเท่านั้นที่สามารถหนีรอดมาได้ เขาวิ่งกลับมายังเฟิงหลี และบอกว่ามันเป็นความผิดของพวกเรา ว่าถ้าหากเขาไม่มาที่นี่ คงไม่มีใครต้องตาย ถึงตอนนี้เขาจะสงบลงแล้วก็ตาม แต่ข่าวนี้ชัดเจนว่าไม่ใช่เรื่องดีสำหรับพวกเรา!”

เนื่องจากเฟิงหลีเพิ่งก่อตั้งขึ้น ดังนั้นยังคงขาดแคลนผู้ใช้พลัง ปัจจุบันเลยมีหน้าที่รับผิดชอบเพียงขายสินค้า แต่ยังขาดในเรื่องของการบริการด้านความปลอดภัย

หรือพูดอีกอย่างก็คือ หากส่งผู้ใช้พลังออกไปช่วยปกป้องสินค้า ในสถานชุมชนเฟิงหลีคงไม่เหลือผู้ใช้พลังคอยรักษาการณ์!

สรุปง่ายๆว่า สำหรับลูกค้าที่ได้ออกจากเฟิงหลีไปแล้ว จะถือว่าอยู่นอกความรับผิดชอบ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเฟิงหลีอีก

แต่ในความเป็นจริงก็คือ หากข่าวนี้ถูกส่งต่อออกไป มันคงจะฟังดูไม่ดี และอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจในอนาคตได้ เพราะสถานชุมชนเล็กๆจำนวนมาก ถือเป็นแหล่งทำเงินของเฟิงหลี

“คุณรู้รึเปล่าว่าใครเป็นคนทำ?” ฉินเฟิงเอ่ยถาม

“รู้ เป็นกลุ่มตู่เซี่ย! (แมงป่องพิษ) ” ซูซิงฝูตอบ

“พวกมันคงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้วสินะ … ” น้ำเสียงของฉินเฟิงกลายเป็นเย็นชา เขาเพิ่งจัดการเชือดไก่ถึง 3 ตัวให้ลิงดูไป แต่กลุ่มตู่เซี่ยกลับไม่หวาดเกรงกระนั้นหรือ?

ซูซิงฝูเร่งอธิบายต่อ “หลังงานประมูลของกลุ่มหวันซ่ง แม้จะมีผู้คนจากสถานชุมชนต่างๆเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก แต่ทางฝั่งคนจากองค์กรมืดก็สูญเสียไปไม่น้อยเช่นกัน ตอนนี้คนฝั่งองค์กรมืดกำลังต่อสู้แย่งชิงอาณาเขตกันอย่างลับๆ และในบรรดากลุ่มองค์กรมืด เป็นกลุ่มตู่เซี่ยที่สามารถขยายอิทธิพลเป็นวงกว้างเมื่อไม่นานมานี้”

ฉินเฟิงหัวเราะหยัน “ไอ้บ้าตัวไหนกันที่ไปกล่อมประสาทมัน ให้กล้าทำแบบนี้กับเฟิงหลี?”

ซูซิงฝูไม่กล้าเอ่ยต่อ เพราะรู้สึกได้ชัดว่าฉินเฟิงกำลังโกรธ

ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของฉินเฟิงคือเลเวล E และเนื่องจากก่อนหน้านี้เขาได้ทำการเชือดไก่ให้ลิงดู เลยส่งผลให้หลายคนรู้สึกยำเกรงฉินเฟิง

นี่แหละคือประโยชน์ของสิ่งที่เรียกกันว่า ‘ความแข็งแกร่ง’

เดิมฉินเฟิงคิดว่าตัวเองจะได้พักหายใจสักสองสามวัน แต่ช่างน่าฉงน ที่กลับมีคนก้าวออกมายั่วยุเขาอีกแล้ว

ไม่ว่าคนเหล่านี้จะตั้งใจหรือไม่ ฉินเฟิงก็คร้านจะใส่ใจ

อย่างไรก็ตาม เขามิได้รังเกียจมัน ถูกเสนอตนก็สนอง แค่ฆ่าอีกรอบให้จบๆไป ย้ำเตือนให้ผู้คนที่กำลังคอยสอดแนมและคิดฉกฉวยผลประโยชน์จากเฟิงหลีได้รู้ซึ้งอีกครั้ง

“น่ากลัวว่าคงไม่ใช่แค่กลุ่มตู่เซี่ย กลุ่มเดียวแน่ที่คิดจะทำแบบนี้ พวกมันคงคิดว่าขอแค่ไม่เข้าไปย่างกรายถึงสถานชุมชนเฟิงหลีก็จะปลอดภัยงั้นหรือ? มันเห็นพวกเราเป็นแค่แกะอ้วนใช่ไหม? ไป! จงไปนำเงินออกมา แล้วติดต่อกับเครือข่ายนักล่าเงินรางวัล บอกว่ามีคนเสนอค่าหัวผู้นำกลุ่มตู่เซี่ยเป็นเงิน 1,000 ล้านเหรียญ , สมาชิกเลเวล F ต่อหัวในราคา 10 ล้านเหรียญ และเลเวล G ต่อหัวในราคา 100,000 เหรียญ!”