โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.249 – มุกวิญญาณ

 

มุมปากของฉินเฟิงยกสูงขึ้นทันใด

 

โอกาสที่เขาเฝ้ารอคอย ในที่สุดก็มาถึง!

 

ฉินเฟิงใช้ออกด้วยโอบกอดทมิฬในเสี้ยววินาทีเดียวกัน อีกฝ่ายไม่ทันสังเกต และร่างของเขาก็หายวับไปมิอาจมองเห็นได้อีกเลย

 

“เป็นไปได้ยังไงกัน!” ปีศาจเสพวิญญาณเบิกตากว้าง ทุกสิ่งรอบตัวมัน จู่ๆก็กลายเป็นความมืดมิดซะเอง

 

หมอกหนาที่แพร่ออกมา ไม่น่าจะบดบังวิสัยทัศน์ของมันสิ ผลลัพธ์ควรออกมาในรูปแบบ : มันสามารถมองเห็นฉินเฟิง แต่ฉินเฟิงไม่สามารถมองเห็นมันได้

 

วิ้งงงง!

 

ช่วงเวลานั้นเอง คล้ายกับเสียงสัญชาตญาณร้องเตือน กวงเสี่ยวกังที่ถูกสิงพลันจมลงสู่เบื้องล่างทันใด ผลุบหายเข้าไปในร่างของซากศพยักษ์โดยตรง

 

ฉัวะ!

 

ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ฉินเฟิงกระโดดขึ้น และตัดเข้าใส่หัวของซากศพยักษ์ –เป็นตำแหน่งเดิมที่ปีศาจเสพวิญญาณเคยอยู่ ทว่ามันกลับหลบเลี่ยงได้ทัน!

 

เมื่อคมมีดวาดผ่านไป มือคู่หนึ่งก็พุ่งขึ้นมาจากซากศพยักษ์ ฉกเข้าหาร่างของฉินเฟิง

 

มีดกษัตริย์ครามในมือฉินเฟิง ระเบิดพลังอำนาจชนิดต่อต้านสวรรค์ออกมา

 

“พลุไฟสงคราม!”

 

กำลังภายในปะทุคลั่ง คมมีดเบี่ยงวิถี ตัดเฉือนลงไป

 

พลุไฟที่แต่เดิมสมควรพวยพุ่งสู่เบื้องบน บัดนี้ดิ่งลงเบื้องล่าง ผ่าแยกซากศพยักษ์ออกเป็นสองท่อน

 

“อ๊ากกกกก!”

 

ปีศาจเสพวิญญาณส่งเสียงโหยหวนอุดอู่ในลำคอ ทั้งยังคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวในเวลาเดียวกัน

 

โครม!

 

ร่างยักษ์ล้มตึง ก่อนจะแยกจากกัน กลายเป็นซากศพไร้หัวนับพันในเวลาต่อมา ปรี่เข้าหาฉินเฟิง

 

แต่ฉินเฟิงก็เตรียมรับมือกับสถานการณ์นี้อยู่แล้ว พลังสมาธิของเขาถูกเร่งเร้าอย่างรุนแรง

 

“ประกายแสงแห่งความตาย!”

 

รังสีอันมืดมิดระเบิดออกจากร่างฉินเฟิง กวาดออกไปทุกทิศทาง ห่อหุ้มซากศพไร้หัวที่พุ่งเข้าหาทันที

 

จริงอยู่ที่ซากศพน่ะไม่หวาดเกรงพลังงานมืด … แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าพลังงานมืดที่มันเผชิญแข็งแกร่งแค่ไหน

 

แสงแห่งความมืดที่ฉินเฟิงปลดปล่อยออกมา ราวกับหนอนไชกระดูก ยามกระทบซากศพไร้หัว ก็แทรกซึมเข้าไปกัดเซาะด้ายดำที่ถูกเชื่อมต่อไว้โดยปีศาจเสพวิญญาณ

 

“ไม่จริง! นี่แก!!” ในที่สุดปีศาจเสพวิญญาณก็เข้าใจ ว่าเหตุใดพลังมืดของมันถึงไม่ส่งผลกระทบต่อฉินเฟิง ที่แท้เพราะศัตรูก็เป็นผู้ใช้อบิลิตี้มืดเช่นกัน ทั้งความเข้มข้นของพลังมืดยังหนาแน่นยิ่งกว่าตน!

 

ยังไม่พอ เวลานี้อำนาจมืดที่แข็งแกร่งของอีกฝ่าย ยังพยายามกลืนกินพลังงานของตน เข้าสู่ร่างกายเจ้าของมันอีกต่างหาก

 

ฟู่ ฟู่ …

 

ซากศพไร้หัวที่ถูกปกคลุมโดยประกายแสงแห่งความตาย เนื้อหนังเน่าๆของพวกมันเริ่มหลุดลอก เหลือให้เห็นแค่กระดูกสีขาว และจากนั้นไม่นาน กระดูกสีขาวก็กลายเป็นขี้เถ้า

 

หากอบิลิตี้มืดของปีศาจเสพวิญญาณคือพลังในการเสริมสร้างและเรียกซากศพ ของฉินเฟิงก็เป็นพลังในการทำลายล้างและกลืนกินซากศพ

 

แม้ทั้งสองจะเป็นอบิลิตี้มืดเหมือนกัน ทว่าวิธีการใช้งานกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!

 

“ไม่!”

 

อำนาจการควบคุมซากศพถูกทำลายลงโดยฉินเฟิง ด้ายดำถูกทำลาย ส่งผลให้ความแข็งแกร่งของปีศาจเสพวิญญาณอ่อนโทรมลงมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ

 

ช่วงเวลานี้ ปีศาจเสพวิญญาณอ่อนแอลงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

 

“รีบฆ่าเขาเร็วเข้า!”

 

ปีศาจเสพวิญญาณเร่งเร้าอบิลิตี้ของมันอย่างบ้าคลั่ง ซากศพระดับราชันย์อีกครึ่งซีกที่เหลืออยู่เมื่อครู่ ผุดลุกกลับมาอีกครั้ง ตรงเข้าหาฉินเฟิง

 

มีดกษัตริย์ครามถูกใช้งานอีกครา สับสะบั้นพวกมันกลับไปนอนล้มครืนดังเดิม

 

ในตอนนี้ พอฉินเฟิงเปิดเผยอบิลิตี้มืดของตนเอง สถานการณ์ก็พลิกผันโดยสิ้นเชิง

 

ทางฝั่งปีศาจเสพวิญญาณ ไม่หลงเหลือซากศพให้ใช้งานอีกต่อไป ขณะเดียวกันจิตวิญญาณของมันก็ค่อยๆอ่อนแอลง

 

“ตายซะ!”

 

ฉินเฟิงพุ่งชาร์จเข้าหามัน ปีศาจเสพวิญญาณคล้ายตระหนักว่าคงหนีต่อไปไม่ได้แล้ว ตัดสินใจโฉบกายเข้าหาฉินเฟิงเช่นกัน

 

ฉัวะ!

 

มีดกษัตริย์ครามตัดหัวของกวงเสี่ยวกัง

 

แต่ในเวลานั้นเอง จู่ๆก็มีมือสีดำปรากฏขึ้นเบื้องหลังร่างไร้หัวของกวงเสี่ยวกัง คว้าจับตัวฉินเฟิงเอาไว้

 

“สูบวิญญาณ!”

 

พลังสมาธิทรงพลังพลันปะทุโหม อบิลิตี้อันเป็นเอกลักษณ์ของปีศาจเสพวิญญาณระเบิดอำนาจเฮือกสุดท้ายออกมา

 

ฉินเฟิงรู้สึกได้ทันที ว่าจิตวิญญาณของตนจู่ๆก็เริ่มอ่อนล้า อ่อนล้าจนมาถึงจุดที่วิงเวียนแทบจะเป็นลม พลังในจิตสำนึกตนกำลังถูกสูบออกไปอย่างรวดเร็ว

 

สถานการณ์พลิกผันอีกครา กลายเป็นฝ่ายปีศาจเสพวิญญาณที่ชิงความได้เปรียบไปครอบครอง

 

ปีศาจเสพวิญญาณ ฉวยจังหวะนี้ใช้ด้ายดำเชื่อมต่อและควบคุมศพไร้หัวของกวงเสี่ยวกัง สั่งการให้ยกกรงเล็บแหลมสีดำขึ้น และฉกวูบบบบ! คว้าลงตรงตำแหน่งหัวใจของฉินเฟิง

 

แต่คนอย่างฉินเฟิงน่ะหรือจะยินยอมอยู่เฉย เขายกแขนซ้ายและระเบิดเปลวเพลิงสวนกลับไป

 

กึ้งงงงง!

 

ทว่าใครลงมือก่อน คนๆนั้นก็ย่อมโจมตีโดนเป้าหมายก่อน เป็นฝั่งกรงเล็บของกวงเสี่ยวกังที่รวดเร็วยิ่งกว่า ฉกเข้าถึงตัวฉินเฟิง

 

หัวของกวงเสี่ยวกังที่เพิ่งถูกตัดร่วงลงกับพื้น เผยรอยยิ้มแห่งชัยชนะ

 

ทว่าในวินาทีต่อมา รอยยิ้มแย้มบนใบหน้าก็พลันแข็งค้าง!

 

นั่นก็เพราะ กรงเล็บของมัน มิอาจเจาะทะลวงผ่านเข้าเสื้อของฉินเฟิงได้

 

ต้องไม่ลืมนะว่า เสื้อตัวนี้ของฉินเฟิง ได้เคยถูกดัดแปลงโดยรูบิควิเศษมาก่อนแล้ว ซึ่งมีการผสมวัตถุดิบระดับราชันย์เข้าไป ในขณะที่อำนาจของกวงเสี่ยวกัง ถึงจะเป็นระดับราชันย์เหมือนกัน แต่ก็แค่ราชันย์ปลอมๆที่ถูกเติมแต่งขึ้นมา พลังสมาธิของปีศาจเสพวิญญาณเอง ตอนนี้ก็ไม่มั่นคง ดังนั้นไม่มีทางทะลวงเข้ามาได้

 

ช่วงเวลานี้ เปลวเพลิงได้ไปถึงอีกฝ่ายแล้ว มันโถมเข้าปกคลุมร่างกายของกวงเสี่ยวกังอย่างสมบูรณ์

 

พรึบ!

 

เปลวไฟลุกไหม้ ห่อหุ้มซากศพร่างสุดท้ายที่เหลืออยู่ ปีศาจเสพวิญญาณกว่าจะนึกขึ้นได้ว่าต้องหลบหนี

 

—ก็สายเกินไปแล้ว

 

“อ๊ากกกกกกกกก!” ปีศาจเสพวิญญาณลากเสียงกรีดร้องโหยหวนยาวนาน ท่ามกลางเปลวไฟ ร่างของกวงเสี่ยวกังถูกแผดเผาจนกลายเป็นขี้เถ้า เหลือเพียงปีศาจเสพวิญญาณที่ยังคงอยู่ ภายใต้การเผาผลาญของเปลวไฟ ร่างวิญญาณของมันเริ่มเล็กลง สุดท้ายหดกลายเป็นเม็ดกลมขนาดเท่ากำปั้น

 

นี่คือแก่นอบิลิตี้ ทั้งยังมีอีกชื่อหนึ่ง ‘ไข่มุกแห่งจิตวิญญาณ’

 

ฉินเฟิงคว้าไข่มุกวิญญาณขึ้นมา และเริ่มดูดซับพลังงานจากมันอย่างไม่ลังเล

 

“พลังพิเศษดูดกลืน!”

 

รูนแห่งความมืดอันทรงพลังถูกส่งผ่านจากภายในไข่มุกวิญญาณ ตามมาติดๆด้วยพลังสมาธิ

 

พลังสมาธิของฉินเฟิงถูกฟื้นฟู กลับคืนสู่จุดสูงสุดอย่างรวดเร็ว ยังไม่พอ เมื่อถูกเติมเต็มแล้ว มันยังทะยานเกินกว่าขีดจำกัดเดิม สูงขึ้นไปอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุดยั้ง—

 

—ก้าวขึ้นสู่เลเวล E4 !

 

หลังจากก้าวขึ้นสู่เลเวล E การยกระดับแต่ละขั้นช่างแสนยากลำบาก ความสำเร็จที่ฉินเฟิงเพิ่งได้รับ เกรงว่าหากเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ธรรมดาๆ คงต้องใช้เวลาถึงหนึ่งปีเต็ม

 

ฉินเฟิงรับรู้ถึงพลังสมาธิของตน ว่ามันกำลังเพิ่มพูนขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แผ่ขยายออกไป สัมผัสถึงระดับที่สูงกว่าเดิม

 

ในเวลาเดียวกัน แสงสีขาวก็เริ่มโผล่ขึ้นมาจากเส้นขอบฟ้า บ่งบอกว่ารุ่งอรุณของวันใหม่ได้มาเยือนอีกครั้ง

 

รูนมืดค่อยๆสลาย ถูกกำจัดโดยแสงอาทิตย์ ฉินเฟิงก้าวออกจากซากปรักหักพัง มุ่งหน้าสู่ภายนอก

 

ขณะนี้ การต่อสู้ได้จบลงแล้ว!

 

ฉินเฟิงก้าวออกจากผิงหยุนทีละก้าว ทีละก้าว ตรงไปยังค่ายชั่วคราวด้านนอก

 

มือปืนรักษาการณ์เมื่อเห็นฉินเฟิงเดินออกมา ทั้งหมดก็รู้สึกด้านชาไปถึงกระดูกสันหลัง

 

พวกเขาทราบดีว่าปีศาจเสพวิญญาณเป็นสิ่งมีชีวิตแบบใด ดังนั้นอดหวั่นใจไม่ได้

 

“การต่อสู้จบลงแล้วงั้นหรือ? เป็นผู้ว่าการฉินที่ชนะใช่ไหม?”

 

“ไม่รู้สิ โดรนสำรวจเองก็ไม่ได้รายงานความคืบหน้าอะไรมาเลย … จะเป็นไปได้ไหม ว่าปีศาจเสพวิญญาณได้รับชัยชนะ!”

 

“งั้นที่เดินออกมาก็คือร่างที่ถูกสิงสู่โดยปีศาจเสพวิญญาณน่ะสิ!”

 

ไร้ซึ่งเสียงโห่ร้องยินดี ไร้ซึ่งการต้อนรับอย่างอบอุ่น ทุกคนจ้องมองฉินเฟิงด้วยความหวาดกลัว

 

ปัจจุบันพลังสมาธิของฉินเฟิงแข็งแกร่ง และกว้างไกลกว่าเดิมมาก เลยเป็นธรรมดาที่เขาจะเห็นใบหน้าของมือปืนเหล่านี้

 

เนื่องจากตนกำลังอยู่ในห้วงอารมณ์ยินดีที่ได้กลืนกินไข่มุกวิญญาณ ดังนั้นถ้าจะให้มามัวเสียเวลาอธิบายมันคงน่ารำคาญ

 

เมื่อคิดถึงจุดนี้ ฉินเฟิงก็หยุดฝีเท้า

 

เขาโบกมือ เรียกรถศึกล่องเวหาของตนออกมา

 

“ตันหยู ผมคิดว่าคนของคุณกำลังหวาดกลัวผม ฉะนั้นจะขอตัวกลับไปก่อน ไม่คิดรบกวนอะไรอีก!” ฉินเฟิงกล่าว

 

ตันหยูเมื่อได้รับข้อความ ที่จริงในหัวใจต้องการเช่นนั้น แต่ไม่กล้าพูดมันออกไปตรงๆ “จะทำแบบนั้นได้อย่างไร? ผู้ว่าการฉินเพิ่งทำผลงานครั้งใหญ่ ดังนั้นฉันต้องมอบความบันเทิงให้แก่คุณก่อนสิ ยิ่งไปกว่านั้นคุณต่อสู้ต่อเนื่องมาตั้งหลายวัน คงต้องเหนื่อยมากแน่ๆ”

 

ฉินเฟิงปฏิเสธโดยตรง “ไม่จำเป็น เพราะอย่างที่บอกไป ผมก็แค่บังเอิญผ่านมา!”

 

“ผู้ว่าการฉิน ครั้งนี้คุณได้ช่วยเหลือเมืองของเราเอาไว้ ดังนั้นฉันกำลังติดต่อกับพวกระดับสูง เพื่อมอบแต้มสงครามเป็นรางวัลให้กับคุณ จะได้สามารถนำไปใช้แลกเปลี่ยนอะไรบางอย่าง”

 

“โอ้ ขอบคุณมากจริงๆ เดิมทีผมก็แค่หวังว่าทางคุณจะไม่ตำหนิที่ผมทำลายผิงหยุนจนกลายเป็นซากปรักหักพัง … ”

 

“การซ่อมแซมมันไม่เสียค่าใช้จ่ายมากนักหรอก!” ตันหยูเร่งกล่าว เพราะในตอนที่ฉินเฟิงยิงกระสุนศักดิ์สิทธิ์ เขาเองก็เห็นมันเช่นกัน ซึ่งกระสุนที่ว่ามีมูลค่าไม่ธรรมดา หากฉินเฟิงจะขอเงินคืน อิงตามค่าเสียหายแล้วคงพอๆกัน!

 

“งั้นผมขอรับน้ำใจเอาไว้”

 

สิ้นเสียง ฉินเฟิงก็ไม่เหลียวมองไปทางฝูงชนในค่ายอีกเลย เขาขึ้นไปในรถล่องเวหาของตนเอง สตาร์ทเครื่องและขับจากไป