3/4

 

Ep.192 – ทีมผู้บุกเบิกที่แข็งแกร่งที่สุด

 

เหล่าจ้าวเห็นได้ชัดว่ามีความสุขมาก

 

โล่ยักษ์สีเขียวเลเวล 6 นั่นไม่ธรรมดา

 

ด้วยโล่นี้ แม้ความสามารถในการโจมตีของจ้าวหมิงจะลดลง แต่เมื่อเปิดสกิลป้องกันของเขาแล้ว ศัตรูแทบไม่มีโอกาสทะลวงในการโจมตีเดียว ต่อให้เป็นผู้ทรงพลังอย่าง ฮังอวี่ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำลายมัน

 

“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ”

 

ฮังอวี่ขัดจังหวะจ้าวหมิง

 

ทุกคนต่างคุ้นเคยกันดี

 

ไม่มีประโยชน์ที่ต้องเอ่ยคำสุภาพหรือเป็นมารยาทอะไรแบบนั้น

 

เหล่าจ้าวเคยช่วยฮังอวี่ไว้มากมาย ไม่ว่าจะตอนหินสกิลก้าววายุ หรือเข้าข้างตอนแบ่งสินสงคราม น้ำใจเหล่านั้น กับอีแค่โล่สีเขียวเพียงชิ้นเดียว มันเทียบกันไม่ได้เลย

 

นอกจากนี้ โล่นี้ไม่ได้มอบให้เหล่าจ้าวแบบเปล่าๆ

 

ต่อไป ฮังอวี่ยังต้องการความช่วยเหลือจากเขาอีก

 

การที่ลุงจ้าวได้ถือโล่ยักษ์นี้ เพราะหน้าที่ของเขาสำคัญมาก

 

ปัจจุบัน หินสกิลในมือฮังอวี่ที่ยังไม่ได้ขายออกคือ ‘คำสาปกลายเป็นหิน’ ของผู้ใช้วิญญาณ แต่จากสถานการณ์บุกครั้งหน้า มันยังไม่จำเป็นต้องใช้

 

หินสกิลน่ะมีค่ามาก

 

ตามปกติแล้วไม่สามารถนำออกมาแลกเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ

 

หลังจากขายอุปกรณ์บนแผงลอยและกรีดเลือดเฉือนเนื้อฉูเทียนหัวกับเฉินหยูแล้ว ฮังอวี่ได้รับหินคริสตัลขาวเพิ่มมาในกระเป๋ากว่า 300 ก้อน

 

ซึ่งเป็นจำนวนมากพอแล้วสำหรับใช้จ่ายในตอนนี้ และเนื่องจากได้แลกเปลี่ยนอุปกรณ์และหินสกิลให้แก่คนที่สมควรต้องแลกแล้ว ฮังอวี่ก็ไม่มีความจำเป็นต้องนั่งเฝ้าแผงลอยอีก

 

“หมาหวังเอ๋อ ของที่เหลือฝากให้นายดูแล อะไรที่ขายได้ก็ขาย ฉันมีเรื่องจะคุยกับหัวหน้าของค่ายทั้งสาม”

 

“ฮ่ง เจ้านายไว้ใจได้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสุนัขเถอะ!”

 

ฮัสกี้ยกอุ้งเท้าตะเบ๊ะ

 

ฮังอวี่ไม่ต้องกังวลเรื่องการขายอุปกรณ์ หรือกังวลว่าจะมีใครมาขโมยของๆเขา

 

ทางหนึ่งก็เพราะศักดิ์ศรีและชื่อเสียงของตัวเอง อีกทางหนึ่งคือมีหวังเอ๋ออยู่ และหมาตัวนี้ไม่ง่ายเลยหากคิดยั่วโมโหมัน

 

แม้หวังเอ๋อจะคอยเดินตามฮังอวี่มาโดยตลอด ทำให้หลายคนอาจเห็นว่ามันเป็นแค่ตัวขี้ขลาด แต่จริงๆแล้วหวังเอ๋อไม่ได้อ่อนแอ ตอนนี้มันเป็นถึงสัตว์วิญญาณชั้นยอดขั้นโกลด์ในเลเวล 4!

 

แม้หวังเอ๋อจะไม่ใช่สัตว์วิญญาณประเภทโจมตี และสกิลส่วนใหญ่ไม่ได้มีไว้สำหรับต่อสู้ก็ตาม ถึงมันจะอ่อนแอหากเทียบกับชนชั้นยอดขั้นโกลด์ตนอื่นๆ แต่เมื่อเทียบกับมนุษย์ในค่ายแล้ว เจ้าหมอนี่ยังถือว่าเหนือการคนส่วนใหญ่!

 

อย่าหลงกลกับรูปร่างหน้าตาอันแสนน่าขบขันของฮัสกี้ตัวนี้เชียว

 

ไม่เช่นนั้นคุณอาจต้องตายอย่างน่าอนาถ!

 

ฮัสกี้มีไหวพริบมาก นอกจากนี้มันยังมีมิติเก็บของขนาดเล็ก ซึ่งสะดวกสบายในการจัดเก็บหินคริสตัลหรือหยิบจับอุปกรณ์ ฉะนั้นการฝากฝังแผงลอยไว้กับมันไม่น่าจะมีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้น

 

สามารถวางใจปล่อยให้มันตั้งเฝ้าแผงลอยขายของได้

 

ส่วนเขาจำเป็นต้องคุยเหล่าสหายหัวหน้าจากค่ายต่างๆเพื่อหารือแผนการ

 

ในความเป็นจริง แม้ว่าฮังอวี่จะไม่เป็นคนเอ่ยปาก แต่หัวหน้าทั้งสามก็เตรียมหาเวลาเข้ามาสนทนากับเขาอยู่แล้ว

 

“นอกเหนือจากหอคอยเขตแดน รอบๆค่ายมนุษย์หมูป่าแทบไม่เหลือสถานที่ดีๆให้โจมตีแล้ว”

 

“สถานการณ์ในเขาวงกตหอคอยเขตแดนเป็นยังไงบ้าง ช่วยบอกข้อมูลให้พวกเราหน่อยได้ไหม?”

 

“ … ”

 

ทั้งสามระเบิดคำถามพร้อมกัน

 

ฮังอวี่รีบยกมือทำท่าทางห้าม

 

“หยุด หยุด หยุด”

 

“อย่าพึ่งรีบร้อน ขอให้ผมได้พูดก่อน”

 

“ที่ผมเรียกทุกคนมา ก็เพราะจะพูดเรื่องเขาวงกตหอคอยเขตแดนกันนี่แหละ”

 

ฉูเทียนหัว จ้าวหมิง และเฉินหยูต่างเผยท่าทางปิติยินดีเมื่อได้ยินว่าฮังอวี่จะเปิดเผยสถานการณ์

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ถึงค่าใช้จ่ายในการไปกลับจะไม่ค่อยแพงนัก แต่การส่งคนไปสอดแนม มันกินเวลามาก แล้วก็ไม่รู้ว่าจะได้รับข้อมูลกลับมาหรือไม่

 

หากเขาวงกตคุ้มค่าที่จะสำรวจจริงๆ การที่พวกเขาได้ข้อมูลมาก่อน ย่อมหมายความว่าสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากขึ้น

 

“เขาวงกตของหอคอยเขตแดนค่อนข้างกว้าง มันซับซ้อนและอันตรายมาก เนื่องจากมีเวลาจำกัด ตอนนี้ผมเลยสำรวจได้แค่สถานการณ์ทั่วไปในบริเวณรอบนอกเท่านั้น”

 

“ … ”

ฮังอวี่ไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวที่เขาประสบมาในวันนี้

 

เพียงอธิบายสั้นๆ เกี่ยวกับสถานการณ์รอบนอกเขาวงกต

 

“สถานการณ์คร่าวๆก็ประมาณนี้ ถึงจะเป็นแค่เขตรอบนอกของเขาวงกต แต่ก็มีปริมาณมอนสเตอร์ชั้นยอดอาศัยอยู่ค่อนข้างหนาแน่น อย่างไรก็ตาม เลเวลของมอนสเตอร์โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 6 – 7 ซึ่งถึงจะเสี่ยง แต่ก็คุ้มค่า”

 

“จากการสังเกตของผม หอคอยเขตแดนคือสถานที่สำคัญอย่างแน่นอน”

 

“ถ้าสามารถร่วมมือกันโค่นหอคอยเขตแดนได้สำเร็จ พวกเราก็จะได้ขึ้นเป็นระดับแนวหน้าของโลก และเป็นคนแรกที่คว้าผลประโยชน์และโอกาสดีๆก่อนที่คนอื่นๆทันได้ตั้งตัว”

 

“แน่นอน การยึดหอคอยเขตแดนไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ในชั่วข้ามคืน เป้าหมายหลักของพวกเราตอนนี้คือฝ่ารอบนอกเขาวงกตเพื่อบุกสู่พื้นที่ชั้นในของเขาวงกต”

 

“ … ”

 

หัวหน้าทั้งสามยิ่งฟังฮังอวี่ก็ยิ่งมีสีหน้าคร่ำเคร่ง

 

ฮังอวี่พูดถูก หอคอยเขตแดนมีเลเวลสูงมาก เป็นสิ่งปลูกสร้างที่โดดเด่น หากบอกว่าไม่สำคัญ ใครเล่าจะเชื่อ?

 

ยังไงก็ตาม ตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงหอคอยเขตแดน แต่กระทั่งส่วนนอกของเขาวงกตก็ยังมีมอนสเตอร์ชั้นยอดเลเวล 6-7 อาศัยอยู่ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น มอนสเตอร์ใจกลางเขาวงกตจะแข็งแกร่งถึงขนาดไหน?

 

รู้ใช่ไหมว่าพลังรบของฮังอวี่น่ะแข็งแกร่ง

 

ทว่าแม้แต่เขาก็ยังไม่กล้าบุกลึกเข้าไปในใจกลางเขาวงกต!

 

จ้าวหมิงพยักหน้าแล้วถามว่า “แต่นายมีแผนแล้วถูกไหม?”

 

“แน่นอน ถ้าไม่มีแผนแล้วผมจะตามตัวพวกคุณมาทำไม”

 

“ผมตั้งใจว่าจะร่วมมือกับเหล่าหัวหน้าค่าย ขั้นแรกพวกเราจะจัดทั้งทีมบุกเบิกที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อบุกทะลวงรอบนอกเขาวงกตเพื่อเจาะเข้าสู่พื้นที่ภายใน

 

“และระหว่างดำเนินแผนการนี้ มีมอนสเตอร์ชนิดหนึ่งที่ควรค่าแก่การกวาดล้าง”

 

ระหว่างพูด

 

ฮังอวี่หยิบอุปกรณ์ชุดเซ็ทจากการ์กอยล์หินขึ้นมา

 

ฮังอวี่มีเลเวล 6 แล้วตอนนี้ และพลังรบของเขาก็แก่กล้ากว่าเมื่อก่อนมาก ดังนั้นการล่าการ์กอยล์หินซักตัวแม้จะเสี่ยง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากร่วมมือกับหวังเอ๋อ

 

แต่ปัญหาในตอนนี้ก็คือ

 

การ์กอยล์หินไม่เปิดโอกาสให้เขาสู้กับมันเพียงลำพัง!

 

เจ้าหมอนี่ชอบมาเป็นกลุ่ม กลุ่มละสามถึงห้าตัว แบบนี้ต่อให้เป็นฮังอวี่ก็ไม่สามารถฆ่าพวกมันได้

 

ยิ่งไปกว่านั้น ในบรรดาการ์กอยล์หิน ยังมีระดับเจ้าถิ่นอยู่ การออกล่าพวกมันเพียงลำพังจึงเป็นเรื่องอันตรายเกินไป

 

หลักการของฮังอวี่คือหากสามารถสู้เพียงลำพังได้ก็จะทำ แต่หากทำไม่ได้ เขาก็ยินดีจะนำคนอื่นๆไปด้วยเพื่อผลกำไรสูงสุด

 

อย่างที่ผ่านๆมา ยังถือว่าอยู่ในปฏิบัติการที่สามารถลงมือคนเดียวได้

 

ตัวอย่างเช่น ผู้พิทักษ์ต้นไม้ยักษ์ หรือมอนสเตอร์ชั้นยอดรอบนอกเขาวงกตที่ไม่อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม

 

แต่ตอนนี้ทำไม่ได้อีกแล้ว หากต่อไปเขายังฝืนลุยเขาวงกตคนเดียว ความยากและอันตรายจะเพิ่มขึ้น

 

“นี่มันของดี!”

 

“เป็นชุดเซ็ทเลเวล 6 !”

 

“แถมยังมีครบทุกสายอาชีพ แบบนี้คุ้มค่ากับการเดินทางแน่นอน!”

 

การ์กอยล์หินสามารถดึงดูดความสนใจของทุกคนได้อย่างไม่ต้องสงสัย

 

ไม่เพียงจะมีแต้มวิญญาณเยอะและของดรอปอันล้ำค่าเท่านั้น แต่พวกมันยังมีชุดเซ็ทถึงสี่ชุด

 

ฮังอวี่เอ่ยขึ้น “การล่าการ์กอยล์หินเป็นแค่ผลพลอยได้ เป้าหมายที่แท้จริงคือการบุกเข้าไปในส่วนกลางของเขาวงกต และลงหลักปักฐานเพื่อเตรียมตัวสำหรับการโจมตีหอคอยเขตแดนอย่างเต็มรูปแบบ ทุกคนคิดว่ายังไง? ”

 

“ฉันไปแน่นอน!”

 

ฉูเทียนหัวปัจจุบันมาถึงเลเวล 6 แล้ว

 

พลังรบของเขาแก่กล้ากว่าที่เจอกันตอนแรกมาก

 

และด้วยนิสัยของฉูเทียนหัว เขาไม่มีทางยอมถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง

 

เขากล่าวว่า “ค่ายเลเวล 4 ที่ใหญ่ที่สุดใกล้ๆกับค่ายมนุษย์หมูป่าถูกพวกเราบุกยึดแล้วในวันนี้ ส่วนค่ายเล็กเลเวล 3 4 แห่งอื่น พวกเราไม่มีความจำเป็นต้องบุกยึดด้วยตัวเอง แค่มอบให้คนอื่นนำทีมจัดการก็พอแล้ว ”

 

“ใช่ ตอนนี้ฉันอยู่ไม่ไกลจากเลเวล 6 นี่เป็นเวลาเหมาะสมที่จะบุกเข้าไป” จ้าวหมิงพยักหน้าและกล่าวว่า “เสี่ยวฮังสำรวจเขาวงกตมาก่อนแล้ว ดังนั้นถ้ามีเขาเป็นผู้นำทีม ฉันก็มั่นใจที่จะร่วมมือ”

 

“นอกจากพวกเราแล้ว นายต้องการคนอีกกี่คน” เฉินหยูถามตรงๆ “ขอแค่พูดอออกมา ไม่ว่าจะต้องการคนแบบไหน ฉันหาให้นายได้!”

 

ฉูเทียนหัว “หึ พูดเหมือนกับว่าในทีมของฉันไม่มีคนคุณภาพสูงเลยนะ”

 

เฉินหยูรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยกับคำพูดของอีกฝ่าย “ฟังจากคำพูดของหัวหน้าฉู คุณกำลังจะบอกว่าคนของคุณดีกว่าของฉันงั้นใช่ไหม?”

 

ฉูเทียนหัวไม่ยอมถอย “ก็มันคือเรื่องจริง!”

 

เฉินหยู “นี่คุณ … ”

 

จ้าวหมิงไม่ได้พูดอะไร

 

เพราะนี่คือโอกาสที่ดีในการฝึกฝนผู้ใต้บังคับบัญชา

 

การมีคนของตัวเองเพิ่มในทีมซัก 1 คน ก็เท่ากับผลิตคนเก่งเพิ่มได้อีก 1 คน

 

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการแบ่งอุปกรณ์และสินสงคราม ที่ยิ่งมีคนของตัวเองเยอะเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้ส่วนแบ่งเยอะขึ้นเท่านั้น

 

ฉูเทียนหัวและเฉินหยูไม่มีใครยอมน้อยหน้า พวกเขาต้องการนำคนของตัวเองเข้าทีมบุกเบิกในครั้งนี้

 

จ้าวหมิงรู้จักนิสัยของฮังอวี่ดี เด็กคนนี้มีหรือจะมอบให้คนอื่นจัดการ?

 

และเพราะเข้าใจสไตล์ของฮังอวี่ เขาจึงไม่สนใจที่จะเอ่ยปากแนะนำคนของตน แต่ถามตรงๆว่า “ฮังอวี่ นายคิดว่าไง”

 

“เน้นคุณภาพดีกว่าจำนวนคน อันที่จริง แค่มีหัวหน้าจากทั้งสามค่ายเข้าร่วมก็น่าจะพอแล้ว” ก่อนกล่าวต่อว่า “แต่ที่ต้องเสริมก็คงเป็นฝ่ายสนับสนุนกับโจมตีระยะไกล ลุงจ้าวบอกให้เจียงหนานกับจางเสี่ยวเฉียงเตรียมตัวได้เลย ”

 

ใบหน้าของจ้าวหมิงเผยร่องรอยของความสุข

 

เสี่ยวฮังคนนี้รู้จักใส่ใจคนสนิทจริงๆ

 

“ผู้นำฮังจัดทีมแบบนี้มันจะทำให้คนอื่นไม่พอใจเอาได้นะ” เฉินหยูอารมณ์เสียเล็กน้อยทันที “ในบรรดายอดฝีมือจากค่ายลิซาร์ดแมนของเรา ก็มีผู้รักษาที่ทรงพลังอยู่เหมือนกัน ทำไมต้องเลือกคนของค่ายก็อบลินด้วย?”

 

ฉูเทียนหัวยังกล่าวอีกว่า “ใช่ ทางฉันเองก็มีนักเวทย์ดีๆเยอะ และคิดว่าเก่งไม่แพ้ทั้งนักเวทย์ของค่ายก็อบลิน”

 

ฮังอวี่ไม่คิดสุภาพ

 

เขาเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาด้วยทัศนคติที่แข็งกร้าว

 

“เขาวงกตที่กำลังจะไป ทุกคนมีสิทธิ์เข้าท้าทายมัน แต่ในเมื่อครั้งนี้ผมเป็นคนจัดทีม ถ้าหัวหน้าค่ายทั้งสองไม่พอใจกับการจัดทีมของผม ก็สามารถออกจากทีมไปสำรวจด้วยตัวเองได้”

 

“นอกจากนี้ ผมยังคงคิดถึงส่วนรวม ยังเหลือปราการและค่ายมอนสเตอร์เลเวล 3 4 อีกมากในบริเวณนี้ที่ยังไม่ได้บุกยึด ถ้ายอดฝีมือทั้งหมดถูกดึงตัวออกมาอยู่ทีมเรา แล้วคนอื่นๆจะทำยังไง?”

 

“อย่าลืมว่าค่าเทเลพอร์ตเข้าสู่เขาวงกตต้องจ่ายคนละ 10 หินคริสตัลขาว”

 

“สองค่ายของพวกคุณพึ่งเสียหินคริสตัลขาวไปเป็นจำนวนมาก ไม่อยากยึดค่ายอื่นๆอีกซักสองสามแห่งเพื่อสำรองหินคริสตัลกันหรอ?”

 

“ครั้งนี้เป็นการต่อสู้แบบทีมเล็ก การต่อสู้ที่แท้จริงยังมาไม่ถึง”

 

ฉูเทียนหัวกับเฉินหยูขมวดคิ้วแน่นแต่ไม่ตอบโต้อะไรกลับไป

 

ดูเหมือนจะไม่มีใครอยากละทิ้งผลประโยชน์ในครั้งนี้

 

แล้วอีกอย่าง การจัดทีมด้วยตัวเองก็เสี่ยงเกินไป ในกรณีที่เกิดเหตุผิดพลาด พวกเขาตายครั้งเดียว ทั้งคู่อาจลงเอยด้วยเลเวลลดลง 1 ขั้น

 

จ้าวหมิงเอ่ยแก้บรรยากาศอึมครึม “เสี่ยวฮังร่วมมือกับเสี่ยวเฉียงและเสี่ยวเจียงมาหลายครั้งแล้ว พวกเขาค่อนข้างรู้ใจกัน เขาวงกตเป็นสถานที่อันตราย ดังนั้นร่วมสู้ไปกับคนรู้ใจจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า”

 

“ตกลง”

 

“ในเมื่อเหล่าจ้าวพูดถึงขนาดนี้ เอาตามนั้นก็ได้”

 

ทั้งสองไม่กล้าล่วงเกินฮังอวี่

 

ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะทั้งสามค่ายกำลังหยั่งเชิงกันว่าใครจะขึ้นเป็นใหญ่

 

ใครก็ตามที่ทำให้ฮังอวี่ขุ่นเคืองในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้นับว่าโง่เง่านัก

 

แม้ฮังอวี่จะอยู่ข้างจ้าวหมิงอย่างชัดเจน แต่โดยภาพรวมแล้วเขายังคงเป็นกลาง

 

“ขอบคุณหัวหน้าทั้งสอง เอาจริงๆไม่ใช่ว่าพวกเราไม่สามารถเพิ่มคนได้อีก เท่าที่ผมรู้ ค่ายก็อบลินไม่มีสายสนับสนุนอย่างผู้ใช้วิญญาณที่แข็งแกร่ง ” ฮังอวี่พูดกับฉูเทียนหัวและเฉินหยู “ถ้าในค่ายพวกคุณสามารถหาผู้ใช้วิญญาณที่น่าพอใจมาได้ ผมก็ยินดีรับเข้าทีม”

 

“ผู้ใช้วิญญาณที่น่าพอใจ? ได้ ไม่มีปัญหา!” ฉูเทียนหัวกล่าวโดยไม่เสียเวลาคิด “ฉันมีผู้ใช้วิญญาณหลายคนที่มีประโยชน์ต่อทีมอยู่พอดี”

 

เฉินหยูเยาะเย้ย “หัวหน้าฉู คุณมั่นใจหรือว่าคนของตัวเองจะเก่งกว่า ทางฉันก็มีผู้ใช้วิญญาณที่ไม่น้อยหน้าอยู่เหมือนกัน มาแข่งกันว่าคนของใครจะเหมาะสมกว่า!”

 

“คิดว่ากลัวหรอ?”

 

คิ้วหนาของฉูเทียนหัวเลิกสูงขึ้น

 

เขาเป็นถึงพันเอก แต่เวลานี้กำลังถูกผู้หญิงคุกคาม เกือบกล้ำกลืนความโกรธไม่ได้

 

ครั้งนี้ฮังอวี่ไม่ขัด เขาปล่อยให้ทั้งสองโต้เถียงกัน

 

ผู้ใช้วิญญาณสามารถเป็นได้ทั้งสายสนับสนุนและโจมตี ความสามารถในการร่ายเวทย์อาจด้อยกว่านักเวทย์ แต่ผู้ใช้วิญญาณมีสกิลมากมายที่สามารถสร้างสนามพลัง ควบคุมมอนสเตอร์ และช่วยเหลือในการต่อสู้

 

หากทีมบุกเบิกได้ผู้ใช้วิญญาณที่ดีมาเข้าร่วม

 

ประสิทธิภาพโดยรวมจะดีขึ้นมาก สามารถพลิกแพลงเทคนิคได้อีกเยอะ

 

ไม่ต้องรีบร้อน

 

ให้พวกเขาค่อยๆหา

 

สุดท้ายฮังอวี่จะเป็นคนตัดสินใจเองก่อนออกเดินทาง