โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.168 – ชิเทียนไห่ช็อก

 

มันเป็นนายพลสัตว์ร้ายที่มีขนาดตัวค่อนข้างใหญ่ สูงสองเมตร เฉพาะช่วงลำตัวสามารถจุมนุษย์เป็นๆ ยัดใส่เข้าไปได้ถึง 2 คน ทำให้แต่ละท่วงท่าการเคลื่อนไหวดูเยื้องย่าง เฉื่อยชาเป็นอย่างมาก

 

ตั๊กแตนใบมีดเบื้องหน้า หากเทียบกับตัวที่ฉินเฟิงพบเจอในโรงแรม มันแข็งแกร่งกว่าหลายเท่านัก

 

และหากยังปล่อยมันต่อไปอีกสัก2 – 3 วัน ตั๊กแตนใบมีดตัวนี้ อาจมีศักยภาพมากพอที่จะพัฒนาขึ้นเป็นระดับราชันย์ได้

 

ช่างน่าเสียดาย ที่มันดันมาเจอกับฉินเฟิงเข้าซะก่อน

 

สัตว์ร้ายนายพลตรงหน้า เห็นได้ชัดว่ากำลังตั้งท้อง มันเตรียมจะวางไข่ในไม่ช้า แต่สุดท้ายแผนของมันกลับจบลงโดยฉินเฟิงที่เผาพื้นที่พักอาศัยของมัน บรรยายแค่นี้ก็น่าจะพอคาดเดากันได้ ว่าตั๊กแตนตัวนี้รู้สึกโกรธมากแค่ไหน

 

ทว่าแม้จะโกรธเพียงใด แต่มันก็ไม่สามารถขัดจังหวะการล่าของฉินเฟิงได้

 

“ไม่คิดเลย ว่าแค่มาเดินเล่นที่นี่ แต่ดันมาเจอแจ็กพ็อตเข้า!”

 

มีดกษัตริย์ครามถูกชักขึ้น กุมแน่นในมือ ดีดตัวลงจากหลังม้าศึก โฉบเข้าหาตั๊กแตนใบมีดที่กำลังตั้งท้องอย่างรวดเร็ว

 

ฉินเฟิงวาดตัดใบมีดของเขาออกไปอย่างไม่ลังเล

 

เคร้ง!

 

หากในเผ่าแมลงมีระดับปรมาจารย์ในการใช้อาวุธมีคมอยู่ล่ะก็ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตั๊กแตนใบมีดย่อมเป็นหนึ่งในระดับปรมาจารย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด นั่นเองคือเหตุผลที่พลังสังหารของตั๊กแตนตัวนี้อยู่ในระดับสูง!

 

คมกล้าของมีดกษัตริย์ครามปะทะเคียวใบมีดของตั๊กแตน

 

—ผลปรากฏว่าอีกฝ่ายสามารถป้องกันได้อย่างกระทันหัน!

 

อย่างไรก็ตาม การโจมตีของฉินเฟิงมีหรือจะง่ายดายถึงเพียงนั้น?

 

ในระยะประชิด ท่ามกลางสถานะการณ์ที่ยากจะรับรู้และหลบเลี่ยง รังสีแสงสีแดงพลันสว่างวาบ ระเบิดบรึ้ม! เข้าใส่ลำคอของตั๊กแตนใบมีดอย่างไม่ทันตั้งตัว

 

ตั๊กแตนใบมีดหน้าหงาย เสยไปด้านหลังอย่างมิอาจควบคุม นอกจากนี้ยังปรากฏรอยดำไหม้ที่ต้นคอของมัน แต่ยังไม่ถึงกับความตาย

 

ฉินเฟิงกวัดแกว่งมีดของเขาอีกครั้ง ตั๊กแตนใช้เคียวแหลมในมือ ตัดเข้าใส่ฉินเฟิงเป็นแนวขวาง เจตนาชัดว่าต้องการปาดคอศัตรูเหมือนที่เพิ่งทำร้ายตน

 

“ท่าร่างภูติพราย!”

 

ร่างของฉินเฟิงวูบไหว โฉบไปอีกทาง วนอ้อมไปด้านหลังตั๊กแตน มีดกษัตริย์ครามในมือเหวี่ยงกลับหลัง เจาะเข้าใจกลางช่องท้องขนาดใหญ่ของมัน

 

ฉัวะ!

 

มีดกษัตริย์ครามทะลวงผ่านเนื้อหนังราวกับตัดผ่านเต้าหู้ กรีดเปิดช่องท้องของตั๊กแตนใบมีด เลือดสีน้ำตาลทะลักออกมา และยังไม่พอ ไข่สีใสจำนวนหนึ่งก็ทะลักหลุดออกมาเช่นกัน แต่ละฟองมีขนาดเทียบเท่าได้กับกำปั้นผู้ใหญ่!

 

ซี่!!!

 

ตั๊กแตนใบมีดกรีดร้องโหยหวน ร่างของมันสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เริ่มดิ้นสะบัด แต่นั่นก็เท่ากับเป็นการสร้างความเสียหายต่อตนเองมากขึ้น

 

ฉินเฟิงใช้ประโยชน์จากการโจมตีนี้ เหวี่ยงมีดกษัตริย์ครามออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า ทักษะมีดเปลวเพลิงถูกใช้ออก ร่ายระบำว่ายวนปรากฏเป็นร่องรอยเส้นสายเปลวเพลิงขนาดใหญ่ มุ่งตัดสะบั้นศัตรู

 

ในที่สุด นายพลสัตว์ร้ายก็สิ้นใจลง ผลคือฉินเฟิงใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีสังหารอีกฝ่าย นี่นับว่าเป็นความเร็วที่น่าสยดสยองเป็นอย่างมากสำหรับผู้คน

 

ชิหลงที่เห็นทุกสิ่งอย่างผ่านโดรนสั่นสะท้านด้วยความตกใจ

 

เขาลองถามตัวเองดู ว่าหากเป็นตน จะใช้เวลาสังหารนายพลสัตว์ร้ายที่เกือบจะขึ้นเป็นราชันย์อยู่รอมร่อด้วยเวลาเท่าไหร่กัน?

 

แม้ตนจะเป็นผู้ใช้พลังเลเวล E แต่ทั้งความว่องไวและพละกำลังของเขา ไม่ได้โดดเด่นไปกว่านายพลสัตว์ร้ายเลเวล F ถึงเขาจะครอบครองอาวุธทำลายล้างสูงที่สามารถสังหารคู่ต่อสู้ได้ แต่เกรงว่าหากใช้มัน คงไม่มีสินสงครามหลงเหลือหลังจากจบการต่อสู้

 

ดังนั้นในฐานะมือปืน เขาเลยไม่เต็มใจที่จะออกรบกับตัวตนที่ยากต่อกร

 

แต่หากเป็นในกรณีล่าแบบใช้ปืนทั่วๆไปเล่า?

 

ชิหลงคิดว่าอาจจะใช้เวลาสักครึ่งชั่วโมง ระหว่างนั้นก็หลบหลีกและปัดป้องอย่างต่อเนื่อง ถึงจะสังหารศัตรูลงได้ มีแต่ต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น เพราะท้ายที่สุดแล้ว ชิหลงน่ะคือมือปืน! เขาไม่อาจทานรับการโจมตีตรงๆเหมือนผู้ใช้วรยุทธโบราณได้!!

 

แต่ฉินเฟิงเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณ ไม่สิ เป็นผู้ใช้อบิลิตี้

 

เขาว่องไวยิ่งกว่านายพลสัตว์ร้าย แต่ละคมมีดที่วาดออกล้วนมีความแม่นยำสูง พละกำลังก็มหาศาล

 

ราวกับเป็นสัตว์ประหลาดในคราบมนุษย์!

 

ยิ่งไปกว่านั้น ปัจจุบัน ฉินเฟิงที่อยู่ภายใต้การสอดส่องของโดรน ได้เริ่มแผดเผาไร่อีกครั้ง และระยะโจมตีของมันกว้างเป็นอย่างมาก

 

พิสัยโจมตีกินพื้นที่ไปไกล สำแดงอำนาจของผู้ใช้อบิลิตี้ สังหารสัตว์ร้ายลงได้ง่ายๆดั่งพลิกฝ่ามือ

 

“ชายคนนี้เป็นใครกัน?” ชิหลงเอ่ยพึมพำกับตัวเอง เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามีผู้ใช้อบิลิตี้ที่ทรงพลังถึงขนาดนี้มาเข้าร่วมกอบกู้เมืองหานด้วย ไหนจะเรื่องที่อีกฝ่ายมีพลังของวรยุทธโบราณอีก

 

ในเวลานั้นเอง ชิเทียนไห่ที่อยู่ในกองบัญชาการ กลายเป็นนิ่งงันเมื่อเห็นภาพที่โดรนส่งกลับมา

 

“คนๆนี้ เขา .. เขาชื่อว่าฉินเฟิง!” ชิเทียนไห่เอ่ยด้วยอาการช็อก

 

เขาลองย้อนคิด และจดจำได้ว่าหลิวซูเคยแนะนำอีกฝ่ายแก่ตน ในตอนนั้นฉินเฟิงสวมเพียงโลโก้เลเวล G ทำให้แม้ฉินเฟิงจะครอบครองพลังในเลเวล F แต่ชิเทียนไห่ก็ไม่คิดใส่ใจ

 

แต่เขาไม่คาดคิดเลย

 

ว่าพอได้พบเจอกันใหม่อีกครั้ง ผลลัพธ์มันจะเป็นแบบนี้! ฉินเฟิงแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

 

จนถึงเวลานี้เอง ชิเทียนไห่ถึงเพิ่งเข้าใจ ว่าทำไมฉินเฟิงถึงสามารถฝ่าวงล้อมที่เต็มไปด้วยศัตรูจากในเมืองหานออกมาพร้อมกับผู้คนมากมายได้ และยังมีคนจำนวนมากตัดสินใจติดตามไปกับเขา

 

“ชื่อว่าฉินเฟิงงั้นหรอ? นายมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเขาอีกรึเปล่า?” ชิหลงกล่าวอย่างรวดเร็ว “เพราะถ้ามีผู้ใช้พลังที่แข็งแกร่งถึงขนาดนี้เข้าร่วมภารกิจแล้วล่ะก็ บางทีพวกเราอาจจะสามารถกู้เมืองหานได้จริงๆก็ได้!”

 

ชิเทียนไห่พอได้ยิน ห้วงอารมณ์ของเขาก็เริ่มกลายเป็นเดือดพล่าน ในหัวใจกระตุกไหวด้วยความตื่นเต้น ทว่าสีหน้าของเขาก็ยังแฝงไว้ซึ่งร่องรอยของเขาเสียใจเช่นกัน

 

เพราะดูเหมือนว่าในความคิดของชิหลง มันจะเอนเอียงไปในทิศทางที่ว่าเมืองหานคงไม่อาจกู้คืนกลับมาได้อีกแล้ว

 

ถ้าไม่มีฉินเฟิง อีกไม่นานเขาคงจะยอมถอดใจใช่ไหม?

 

ชิเทียนไห่กล่าวอย่างเร่งร้อน “ฉันจะรีบไปหาข้อมูลเกี่ยวกับเขาทันที อดีตลูกน้องคนหนึ่งของฉันน่าจะรู้จักเขาเป็นอย่างดี”

 

ชิหลงพยักหน้า “แต่อย่าทำให้เขาเข้าใจผิด คิดว่าเราเป็นศัตรูล่ะ”

 

“แน่นอน!”

 

 

ฉินเฟิงไม่ทราบถึงความคิดของทางกองบัญชาการ เขาย่อตัวลง ขุดเอาแก่นพลังงานนายพลสัตว์ร้ายตั๊กแตนใบมีดออกมา จากนั้นก็เริ่มเก็บไข่นับสิบ นับร้อยฟอง โยนพวกมันทั้งหมดเข้าไปในอุปกรณ์รูนมิติ

 

แน่นอน พอไข่เหล่านี้ไม่ได้รับการโอบอุ้มจากร่างกายของแม่ มันก็จะไม่สามารถฟักเป็นตัวได้ มิฉะนั้นเมื่อไหร่ที่ฟักตัว กลายสัตว์ร้ายแรกเกิด น่ากลัวว่ามูลค่าของมันจะพุ่งสูงยิ่งกว่านี้เป็น 10 เท่า

 

ปัจจุบัน ไข่แมลงเหล่านี้ สามารถรับประทานในฐานะอาหารที่ให้โปรตีนสูงเท่านั้น แต่อย่างน้อยก็ยังอุดมไปด้วยโภชนาการ

 

ต่อมา ฉินเฟิงก็จุดไฟเผาอีกครั้ง ไล่กวาดล้างตั๊กแตนใบมีดในพื้นที่เพาะปลูก สังหารพวกมันทั้งฝูงในคราวเดียว

 

“จงกลับคืน!”

 

ฉินเฟิงเรียกรูนกลับมา เพลิงโลกันต์มอดดับลง เผยโฉมพื้นดินที่กลายเป็นดำเมี่ยม กระทั่งใบหญ้าก็ไม่มีงอกเงยให้เห็น ร่างของตั๊กแตนใบมีดไหม้เกรียมไปหมด ยกเว้นส่วนที่แข็งที่สุด คือเคียวใบมีดตรงส่วนปลายขาหน้าของมัน

 

ฉินเฟิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังโดรนที่ส่งเสียงหึ่งๆบนท้องฟ้า

 

ภายในกองบัญชาการ ชิหลงจ้องมองฉินเฟิงแล้วสูดหายใจลึก ความหวาดกลัวที่มีต่ออีกฝ่ายเริ่มปรากฏขึ้นในใจเขา

 

ตนเริ่มจับตามองฉินเฟิงด้วยตัวเองในเวลาแค่ไม่ถึงสองชั่วโมง อีกฝ่ายกลับสามารถเผาไร่จนเกลี้ยง สังหารตั๊กแตนใบมีดลงเป็นจำนวนมาก

 

แม้โดรนจะไม่อาจจับภาพได้ทั้งหมด แต่คาดว่าน่าจะมีศพไม่น้อยกว่า 1,000

 

ผู้ใช้อบิลิตี้คนนี้ … ช่างแข็งแกร่งจริงๆ!

 

บางทีในอนาคต เพียงเขาวาดมือออก อาจถึงขั้นสามารถเปลี่ยนแปลงโลก ชี้นิ้วสั่งให้ท้องฟ้าเปลี่ยนสีได้!

 

เมื่อนึกถึงจุดนี้ ชิหลงก็รีบถอนโดรนออกมา และสั่งการ “บอกคนควบคุมโดรน ว่าอย่าสอดแนมผู้ใช้อบิลิตี้คนนี้ให้มากเกินไป แค่จับตาดูเส้นทางที่เขาเดินผ่านก็พอ หลังจากนั้นค่อยอัปเดตแผนที่ เข้าใจไหม?”

 

“รับทราบท่านผู้บัญชาการ!”

 

เจ้าหน้าที่กล่าวด้วยความเคารพ

 

ณ ขณะนี้ ฉินเฟิงค้นพบว่าโดรนเริ่มแยกตัวจากไป เขาเกิดความคิดว่าคนควบคุมมันรู้งานไม่น้อย

 

เพราะแม้การตรวจสอบสถานการณ์ระหว่างต่อสู้จะเป็นเรื่องที่ดี แต่เมื่อถึงเวลาเก็บสินสงคราม ยังมาใช้โดรนแอบดูอีก แบบนั้นฉินเฟิงคงรู้สึกไม่พอใจ!

 

เพราะสินสงครามเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความมั่งคั่ง นอกจากนี้ยังเป็นต้นตอของปัญหาอีกด้วย!

 

ดั่งสำนวนวางรถเข็นไว้หน้าม้า และนกต้องตายเพราะอาหาร!

 

ฉินเฟิงเป็นคนที่เข้าใจดีถึงความหมายของคำเหล่านี้

 

ถือว่ารู้งานดีที่ตัดสินใจเลี่ยงโดรนจากไป มิฉะนั้นแล้ว เขาเองนี่แหละที่จะทำลายมัน!

 

“เริ่มเก็บกวาดสนามรบ”

 

ฉินเฟิงกล่าว

 

ไป๋หลีที่ขี่ม้าศึกเริ่มเคลื่อนไหว ทุกที่ๆเธอย่างผ่าน วัตถุดิบจะหายวับไม่มีหลงเหลือ เพียง 5 นาทีก็กวาดจนเกลี้ยง

 

วัตถุดิบถูกรวบรวมมาไว้ในพื้นที่มิติ ฉินเฟิงกระโจนขึ้นม้าศึก โอบเอวไป๋หลี ควบขี่ม้าศึกมุ่งหน้าผ่านเข้าสู่ประตูทางทิศเหนือของเมืองหาน …