1/3

 

Ep.134 – แลกกับของทั้งหมด

 

บรรยากาศโดยรอบเงียบกริบ

 

จ้าวหมิงยอมละทิ้งตำแหน่งผู้นำ เสนอให้ทางฮังอวี่เป็นผู้บัญชาการสูงสุด

 

จางเสี่ยวเฉียงเป็นคนแรกที่ตบเท้าเห็นด้วย “ฉันเสี่ยวเฉียงขอเป็นคนแรกที่สนับสนุนความคิดของประธานจ้าว”

 

“ฉันเองก็เห็นด้วย ถ้าไม่ได้มหาเทพฮังเป็นผู้นำ น่ากลัวว่าฉันคงไปตายที่ค่ายมนุษย์หมูป่า”

 

เจียงหนานไม่เพียงสนับสนุนฮังอวี่ แต่เธอยังสื่อความหมายชัดเจน ว่าต้องให้เขาบัญชาการเท่านั้นจึงจะช่วยให้คนอื่นๆรอดชีวิตได้

 

เธอได้สัมผัสความร้ายกาจของพวกมนุษย์หมูป่ามาแล้วกับตาตัวเอง และตระหนักได้ว่าพลังรบของพวกเธอในตอนนี้ยังไม่มากพอที่จะบุกยึดค่ายมนุษย์หมูป่า

 

แต่หากมหาเทพฮังนำทัพ เธอก็ยินยอมพร้อมใจที่จะไปเสี่ยง ส่วนเรื่องที่ว่าคนอื่นจะเป็นผู้นำ นั่นลืมไปได้เลย

 

คนจากค่ายโคโบลต์และค่ายลิซาร์ดแมนเงียบกริบ

 

พวกเขากําลังรอปฏิกิริยาของลูกพี่ตน เพราะทั้งคู่ยังต้องการตำแหน่งนี้เช่นกัน

 

ฉูเทียนหัวเป็นนายทหารอาวุโส การต้องก้มหัวรับคำสั่งจากเด็กหนุ่ม นั่นทำให้ลำบากใจอยู่บ้าง

 

อย่างไรก็ตาม ฉูเทียนหัวไม่ใช่คนไร้เหตุผล ตอนนี้คนที่เหมาะสมกับตำแหน่งผู้นำ มีเพียงฮังอวี่ผู้เดียวเท่านั้น เขาตอบว่า “ฉันเห็นด้วย!”

 

“ฉันก็เห็นด้วย!” เฉินหยูแม้เป็นผู้หญิงที่มีความทะเยอทะยานแรงกล้า แต่เธอก็รู้ดีถึงศักดิ์ศรีของตัวเองและสถานะของเธอในฐานะผู้หญิง ต่อให้ค่ายลิซาร์ดแมนเชื่อฟัง แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะสั่งให้ค่ายก็อบลินและค่ายโคโบลต์จะฟังเธอ

 

ต้องการโจมตีค่ายมนุษย์หมูป่า ไม่อาจปราศจากค่ายใดค่ายหนึ่งได้

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่ายก็อบลิน พวกเขาทรงพลังมาก ในบรรดา 20 กว่าคนที่อยู่เบื้องหน้านี้ มีเลเวล 5 หนึ่งคน และเลเวล 4 อีกถึงสามคน นอกจากนี้ยังมีคนที่เกือบไปถึงเลเวล 4 อีกกว่าเจ็ดคน

 

พูดตรงๆ ถ้าให้ต้องเลือกคนจากค่ายก็อบลินเป็นผู้นำ เธออยากให้ฮังอวี่รับหน้าที่นี้มากกว่าจ้าวหมิง

 

เพราะแม้จ้าวหมิงจะมีบุคเล็กที่ดี แต่เขามีทีมเป็นของตัวเอง ในทางกลับกันฮังอวี่เป็นฝ่ายอิสระ แม้จะเห็นได้ชัดว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับจ้าวหมิง แต่ทั้งสองฝ่ายอยู่ในสถานะเท่าเทียม ไม่มีใครเป็นหัวหน้าใคร

 

ดูเหมือนว่าฮังอวี่จะไม่ได้สร้างทีมของตัวเอง เป็นยอดฝีมือที่ตั้งตนเป็นกลาง ฉะนั้นคุ้มค่าที่จะดึงมาเป็นพรรคพวกอย่างแน่นอน

 

การที่ฮังอวี่สามารถร่วมมือกับพวกจ้าวหมิงได้ หมายความว่าเขาสามารถร่วมมือกับทีมของพวกเธอได้เช่นกัน

 

นี่คือข้อดีของคนที่ตั้งตนเป็นอิสระ ไม่ต้องเสียเวลาคิดแล้ว ตำแหน่งผู้นำชั่วคราวยกให้เขานั่นแหละเหมาะสมที่สุด แล้วอีกอย่าง นี่สอดคล้องกับความคิดในใจของทุกคน

 

จ้าวหมิงไม่แปลกใจกับผลลัพธ์นี้ “ฮังอวี่ทุกคนยอมรับแล้ว พูดอะไรหน่อยสิ ”

 

“เอ่อ … ถ้าให้พูดล่ะก็ ขอสารภาพว่าฉันเป็นคนที่รักในอิสระภาพ ไม่ได้สนใจตำแหน่งหัวหน้าใหญ่อะไร แต่ในเมื่อลุงจ้าวแล้วทุกคนไว้ใจ ในเมื่อทุกคนต้องการฉัน งั้นก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะไม่เต็มใจแต่ฉันขอรับตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดให้เอง”

 

ดวงตาของหวังฉงแดงก่ำ

 

เป็นอย่างที่คิด เจ้าหมอนี่แหละราชาที่แท้จริง!

 

ฮังอวี่เอ่ยต่อหน้าฝูงชนว่า “นอกจากนี้ ด้วยความเคารพถ้าวันนี้ไม่ใช่เพราะฉันและเจ้าหมา ต่อให้พวกคุณไม่ตาย แต่วันนี้คงได้นอนกลางป่าเขา”

 

หมาหวังเอ๋อกระตุกสองหูอย่างภาคภูมิใจ “ฮ่ง ถูกต้อง เจ้านายพูดถูกแล้ว”

 

ทุกคนแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วน เกิดความรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าหมาฮัสกี้

 

“ฉะนั้น ฉันขอบอกทุกคนอย่างตรงไปตรงมา กำลังรบของทั้ง 3 ค่ายตอนนี้ยังอ่อนแอเกินไป ถ้าพวกเราฝืนบุกค่ายมนุษย์หมูป่า ก็ไม่ต่างอะไรจากการส่งตัวเองไปตาย”

 

ฮังอวี่กล่าวสุนทรพจน์ด้วยน้ำเสียงขึ้นๆลงๆเป็นจังหวะ

 

“ยังไงก็ตาม ทุกคนอย่าท้อแท้ ตราบใดที่ยังไม่สิ้นความหวัง ปัญหาย่อมมีทางแก้เสมอ ถ้าเอาพวกเราเปรียบเทียบกับมอนสเตอร์พวกนี้ ข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเราไม่ใช่กล้ามเนื้อแต่เป็นสมอง ตราบใดที่พวกเราเตรียมตัวให้ดี ก็สามารถไขว่คว้าความหวังที่จะทำลายค่ายมนุษย์หมูป่าลงได้”

 

หลังจากนั้น

 

ฮังอวี่ไม่ได้เก็บงำความลับ เขาแบ่งปันอาวุธลับที่ใช้เอาชนะด่านหน้ามนุษย์หมูป่า ‘เมือกพลังงานสไลม์’ แก่ทุกคน

 

ไม่จำเป็นต้องปิดบัง ในเมืองต่างๆ ส่วนใหญ่มีมอนสเตอร์ระดับต่ำอย่างเช่นพวกสไลม์อยู่แล้ว ก่อนที่โลกวิญญาณจะเปิดขึ้นอีกครั้ง พวกเขาต้องรวบรวมมันให้ได้มากที่สุด และหากมีปริมาณที่มากพอก็น่าจะทำลายค่ายมนุษย์หมูป่าได้

 

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้”

 

“จริงๆแล้วพวกมนุษย์หมูป่ากลัวไฟ”

 

“สรุปว่านายใช้ไฟทะลวงด้านหน้าสินะ?”

 

ทุกคนต่างประหลาดใจหลังจากได้รู้ถึงเอฟเฟกต์ของเมือกพลังงานสไลม์

 

อย่างไรก็ตาม ทุกคนไม่ใช่คนโง่ พวกเขาต่างรู้ดี ว่าอาศัยเพียงเมือกพลังงานอย่างเดียว เป็นไปไม่ได้ที่จะยึดด่านหน้า

 

ฮังอวี่ต้องใช้วิธีอื่นด้วยอย่างแน่นอน

 

ยังไงก็ตาม เรื่องนั้นไม่สำคัญ เพราะพวกเขายึดด้านหน้าได้สำเร็จแล้ว

 

ตอนนี้สิ่งที่ควรให้ความสนใจคือฐานหลักอย่างค่ายมนุษย์หมูป่า

 

ฮังอวี่เริ่มบอกรายละเอียดแก่ทุกคนว่าต้องจัดเตรียมอะไรบ้างที่จำเป็น รวมไปถึงวิธีสะสมเมือกพลังงาน และกำลังพลสำหรับต่อสู้

 

พวกเขาใช้เวลาหลายสิบนาทีในการหารือกัน

 

หลังจากจบเรื่อง ฮังอวี่ได้ส่งข้อความไปหาเหล่าเซี่ยง

 

“น้องชาย นายนี่มันสุดยอดไปเลย”

 

“ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเอาอุปกรณ์มากมายขนาดนี้มาขายให้ฉันได้ในคราวเดียว”

 

“พอดีเลย เมื่อเร็วๆนี้ฉันก็พึ่งได้ของดีอะไรบางอย่างมาเหมือนกัน ทำไมพวกเราไม่นัดเจอแล้วคุยกันหน่อยล่ะ?”

 

ฮังอวี่ตั้งใจจะกลับไปอยู่แล้ว เขาไม่รอช้า นำคัมภีร์เทเลพอร์ตออกมา วาร์ปกลับเข้าค่ายโดยตรง

 

ฟ้าเริ่มมืดแล้ว คนจากแต่ละกลุ่มเริ่มทยอยกันกลับค่าย

 

บ้างก็เริ่มตั้งแผงลอยริมทาง คนเดินสวนกันไปมา จับจ่ายซื้อขาย มองหาของที่ต้องการ

 

ทุกคืนเป็นเวลาที่ทุกคนจะกลับมาแลกเปลี่ยนของที่หาได้ในแต่ละวัน

 

เหล่าเซี่ยงรู้สึกว่ามีคนเดินเข้ามาข้างหลังเขา เมื่อมองย้อนกลับไป ก็พบว่าเป็นชายหนุ่มลึกลับที่สวมเสื้อคลุมสีดำ

 

แม้อีกฝ่ายจะใส่หน้ากากอยู่ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นหน้าได้ก็ตาม แต่เหล่าเซี่ยงสามารถจดจำบรรยากาศที่แผ่ออกมาจากอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี เอ่ยถามทันทีว่า “น้องชายฮัง?”

 

“เป็นผมเอง“ ได้ยินว่าคุณมีของดี ช่วยออกมาให้ผมดูเลยจะได้ไหม?”

 

เหล่าเซี่ยงหยิบของสามสี่ชิ้นออกมาในลมหายใจเดียว

 

เกือบทุกชิ้นฮังอวี่เพียงกวาดสายตาผ่าน ไม่สนใจใยดีพวกมันเลย ยังไงก็ตาม เมื่อเลื่อนมองมาถึงบางสิ่งที่คล้ายหินคริสตัลที่สลักอักษรรูน สายตาของเขาก็หยุดลง

 

[เครื่องรางอัญเชิญ] สีขาวคุณภาพสูง หากรวบรวมไอวิญญาณครบถึงที่กำหนดจะสามารถอัญเชิญมอนสเตอร์ชั้นยอดขั้นโกลด์ ‘อัศวินอันเดธ’ , ไอวิญญาณสะสมในปัจจุบัน 4/3000 (ต้องการขั้นต่ำ 300 ไอวิญญาณเพื่ออัญเชิญ)

 

ยิ่งสามารถสะสมไอวิญญาณได้มากเท่าไหร่ อัศวินอันเดธก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น

 

เจ้าของชิ้นนี้มันน่าสนใจชะมัดเลย!

 

มันสามารถอัญเชิญอัศวินอันเดธมาร่วมสู้ได้

 

ซึ่งอัศวินอันเดธคือมอนสเตอร์ชั้นยอดขั้นโกลด์ พลังรบของต้องทรงพลังมากอย่างแน่นอน

 

อันที่จริงแล้ว หากต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ระดับเจ้าถิ่นในค่ายมนุษย์หมูป่า ฮังอวี่มั่นใจเพียง 40 -50% เท่านั้น ทว่าหากสามารถใช้เครื่องรางอัญเชิญนี้ได้ โอกาสชนะจะเพิ่มขึ้นอีก 20 – 30%!

 

สิ่งนี้คุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายไปแน่นอน!

 

“น้องชาย นายคิดว่ายังไง เครื่องรางนี้เป็นของดีใช่ไหม”

เหล่าเซี่ยงคู่ควรกับการเป็นพ่อค้าผู้มากประสบการณ์ อากัปกริยาที่เปลี่ยนแปลงของฮังอวี่ถูกเขาสังเกตเห็นได้ทั้งหมด

 

เขาแนะนำมันด้วยสีหน้าตื่นเต้น “เครื่องรางนี้ไม่ใช่วัตถุสิ้นเปลือง หรือพูดอีกอย่างนึงก็คือสามารถใช้ซ้ำๆได้ จุ๊ จุ๊ … ลองคิดดูนะ มีมอนสเตอร์ชั้นยอดขั้นโกลด์คอยช่วยเหลือ พลังรบจะเพิ่มพูนขึ้นมากขนาดไหน ”

 

“ฉันยินดีแลกเปลี่ยนเครื่องรางชิ้นนี้กับอุปกรณ์ที่นายตั้งใจนำมาขาย แต่ถ้าให้ดีขอเพิ่มอีกสักนิดจะเยี่ยมมาก ไม่งั้นฉันกลัวว่าตัวเองจะขาดทุน”

 

“เครื่องรางชิ้นนี้มันทรงพลังมากจริงๆนะ นายคิดว่าแลกเปลี่ยนมันกลับอุปกรณ์สีเทาเลเวล 2 -3 ไม่กี่ชิ้นมันจะคุ้มค่าหรือ?”

 

ฮังอวี่เผยท่าทีเฉยเมย เอ่ยปากว่า

 

“ถ้าผมเดาไม่ผิด การรวบรวมไอวิญญาณคงเเป็นเรื่องยากมาก ถ้าเจ้าสิ่งนี้ใช้งานได้ง่ายจริงๆ คุณคงไม่เอามันออกมาแลกเปลี่ยนตอนนี้”

 

เจ้าหนุ่มนี่ยังฉลาดเป็นกรดเหมือนเคย!

 

เขาเดาได้ถูกต้อง เครื่องรางอัญเชิญนี้ใช้งานยากเกินไป

 

วิธีได้รับไอวิญญาณคือการสังหารมอนสเตอร์ แต่ทีมที่ดรอปเครื่องรางอัญเชิญชิ้นนี้มา พวกเขาไล่ฆ่าตั้งแต่กลางวันยันกลางคืน สังหารมอนสเตอร์ระดับสามัญไป 40 – 50 ตัว แต่กลับรวบรวมไอวิญญาณไอเพียง 4 แต้มเท่านั้น

 

ด้วยอัตราเร็วอันต่ำเตี้ยนี้ เกรงว่าคงใช้เวลาสะสมตลอดกาล

 

เพราะแบบนี้เองพวกเขาจึงตัดสินใจขายมันให้เหล่าเซี่ยง และเหล่าเซี่ยงก็สามารถซื้อมันมาได้ด้วยราคาที่ไม่สูงนัก

 

“ฉันจะยอมแลกเปลี่ยนมันกับอุปกรณ์พวกนี้เท่านั้น ถ้าคุณยินดีก็เอาพวกมันไปได้เลย แต่ถ้าไม่ก็ช่างมันเถอะ”

 

“ก็ได้ แลกเปลี่ยนก็แลกเปลี่ยน”

 

สำหรับเหล่าเซี่ยงแล้ว เมื่อเทียบกับเครื่องรางอัญเชิญนี้ การแลกมันกับอุปกรณ์สีเทาเลเวล 2 และ 3 มากกว่าสิบชุดรวมไปถึงอุปกรณ์สีขาวอีกจำนวนหนึ่งมันมีประโยชน์กว่ามาก

 

อุปกรณ์สวมใส่ขายได้ง่ายกว่าเยอะ!

 

ฮังอวี่หยิบอุปกรณ์ทั้งหมดของเขาออกมา

 

สำหรับเหล่าเซี่ยงของเหล่านี้เป็นเหมือนสมบัติ เจ้าตัวรีบตรวจสอบสินค้าทั้งหมดนี้ในคราวเดียว จากนั้นก็มอบเครื่องรางอัญเชิญให้แก่ฮังอวี่

 

ฮังอวี่ได้รับเครื่องรางอัญเชิญ ในใจของเขามีความสุขมาก

 

‘เหล่าเซี่ยงเอ๋ย กลุ่มคนที่ดรอปเครื่องรางแล้วขายมันเอ๋ย พวกคุณพลาดแล้ว! พลาดปล่อยสมบัติล้ำค่าหลุดจากมือไปอย่างน่าเสียดาย!!’