1/4

Ep.108 – สู้หมาไม่ได้

ชุมชนมังกรฟ้าเป็นย่านเก่าแก่ ตอนเริ่มก่อสร้างไม่ได้มีการวางผังเมือง ดังนั้นบ้านเรือนจึงตั้งไม่เป็นที่เป็นทาง ซอกซอยเลยสลับสับซ้อน

ณ ขณะนี้ มีกลุ่มคนหลายสิบคนได้มารวมตัวกัน พวกเขารีบไปยังจุดนัดหมายพร้อมอาวุธครบมือ

ในหมู่พวกเขามีเจ้าเสือดาวรวมอยู่ด้วยเช่นกัน ชื่อจริงของเขาคือ ฮั่วเบ่า

เวลานี้ฮั่วเบ่ากำลังอธิบายให้ชายที่เดินนำหน้ากลุ่มคนด้วยสีหน้าเคารพ

“แก๊งของพวกเจ้าหัวล้านไม่น่ากังวล เฉพาะพวกมันไม่ต้องถึงมือลูกพี่เฟิง”

“แต่เด็กหนุ่มที่อยู่เบื้องหลังคนพวกนั้นยากจะรับมือ แต่ตอนนี้ในเมื่อมีลูกพี่เฟิงมาด้วย พวกเรามั่นใจว่าจะชนะ!”

ชื่อจริงของลูกพี่เฟิงคือเฟิงกัง เป็นชายวัย 40 ต้นๆ แต่ร่างกายยังแข็งแรงกำยำ หนึ่งในจุดที่เด่นสะดุดตาที่สุดก็คือรอยแผลเป็นที่ลากยาวจากคิ้วซ้ายไปถึงแก้มขวาของใบหน้า

เขาสวมชุดเกราะและรองเท้าต่อสู้ที่นำออกมาจากโลกวิญญาณ  นอกจากนี้ยังสวมถุงมือที่มีหนามแหลมทั้งสองข้าง

แม้ตัวเขาจะเริ่มแก่แล้ว แต่การแสดงออกทางอารมณ์ยังคงเฉียบแหลม เป็นยอดฝีมือที่หาได้ยากยิ่ง ทำให้ถึงจะมีอายุมาก แต่ไม่มีใครกล้าดูถูกเขา

เฟิงกังฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก ในช่วงปี 1990 เพื่อหาเงินประทังชีวิต เขาเคยลงชกมวยใต้ดินในแถบตะวันออกเฉียงใต้อยู่พักหนึ่ง เวลานั้นเป็นแชมป์มวยใต้ดินที่มีชื่อเสียงมาก

เขาเป็นนักสู้ที่ดี มีความซื่อสัตย์ชอบธรรม กล้าที่จะยืนหยัดเผชิญหน้ากับศัตรู ไม่นานก็สร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง

มีครั้งหนึ่งเขาเคยปกป้องเหล่าพี่น้องด้วยมีดปอกผลไม้ ขับไล่คนหลายสิบคนจากแก๊งมาเฟียด้วยกำลังตนเพียงลำพัง และรอยแผลเป็นบนใบหน้าเกิดขึ้นจากเหตุการณ์นั้นเอง

อย่างไรก็ตาม เหล่าสหายผู้อ่านไม่ควรเลียนแบบ เพราะผลลัพธ์จากการกระทำนี้ไม่ใช่เรื่องดีเลย

เฟิงกังถูกฟัน แต่ขณะเดียวกันเขาทำร้ายผู้คนมากมายจากการต่อสู้ สุดท้ายถูกจับกุมและโดนคุมขังเป็นเวลาห้าปีครึ่ง

หลังจากที่เขาได้รับการปล่อยตัว เพราะรอยแผลเป็นน่ากลัวบนใบหน้า ทำให้มีอุปสรรคมากมายในการหางานทำ กระทั่งไซต์งานก่อสร้างยังไม่กล้ารับ

เขาระหกระเหินเร่รอนมาจนในที่สุดมาถึงไนท์คลับในตรอกมังกรฟ้า และเนื่องจากเขาเป็นคนเก่ง เคยมีชื่อเสียงในอดีต จึงมีคนจ้างให้มาเป็นบอร์ดี้การ์ดคอยดูแลความปลอดภัยของผับบาร์

หลายปีผ่านไป เฟิงกังเก็บหอมรอมริบได้เงินมาจำนวนหนึ่ง เปิดไนท์คลับของตัวเองบนถนนมังกรฟ้า

กล่าวได้ว่าชุมชนมังกรฟ้าเป็นส่วนหนึ่งในเขตอิทธิพลของเฟิงกัง

ต่อมา โลกวิญญาณได้มาเยือน เฟิงกังมองเห็นโอกาสที่คนตัวเล็ก(หมายถึงไม่มั่งมี)เช่นเขาจะพลิกโชคชะตา

ด้วยอุปนิสัยกล้าหาญดุดัน และความสามารถในการต่อสู้ที่ฝังลึกเข้าไปถึงกระดูกราวกับเกิดมาเพื่อยุคสมัยนี้ เขาจึงสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

ระหว่างที่กองกำลังของเขากำลังเติบใหญ่ เฟิงกังได้ยินจากลูกน้องมาว่ามีพืชวิญญาณทรงคุณค่ามักเติบโตในบริเวณใกล้เคียงนี้ อย่างไรก็ตาม ของดีๆส่วนใหญ่ได้ถูกแก๊งใหม่ที่พึ่งก่อตั้งขึ้นช่วงชิงไป แถมอีกฝ่ายยังทำร้ายหัวหน้าหน่วยอย่างเจ้าเสือดาวจนได้รับบาดเจ็บ

ถึงจะไม่รู้ว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไง แต่คนของเขาถูกทุบตี ฉะนั้นพี่ใหญ่ก็ควรจะออกหน้าแทนลูกน้องถูกไหม?

ปัจจุบันไม่ได้สงบสุขเหมือนดั่งยุคก่อนแล้ว บางสิ่งต้องอาศัยกำปั้นคุยกัน

อันที่จริงเฟิงกังยังคงระมัดระวัง เขาไม่เลือกท้าทายคู่ต่อสู้ในทันที แต่รอจนตัวเองเลเวล 3 เสียก่อนจึงลงมือ

ด้วยความแข็งแกร่งทางกาย อุปกรณ์ และสกิลพรสวรรค์ของเขา ปืนธรรมดาไม่ใช่ภัยคุกคามร้ายแรงอีกต่อไป

เมื่อตัวเองมั่นใจเต็มที่ จึงตัดสินใจท้าทายคู่ต่อสู้ ขอดูหน่อยซิว่าเจ้าหมอนั่นจะแข็งแกร่งซักแค่ไหน

จะต้องสอนให้เจ้าหนุ่มนั่นเข้าใจ ว่าอาณาเขตในตรอกมังกรฟ้า ไม่ใช่สิ่งที่ผู้อ่อนแอจะครอบครองได้!

กลุ่มคนเดินเข้าไปในตรอกมังกรฟ้าด้วยรังสีสังหาร

“ฮ่ง ฮ่ง!”

“ฮ่ง ฮ่ง ฮ่ง!”

“โบร๊วววว!”

เสียงสุนัขเห่าหอนดังมาจากทุกทิศทาง

หือ?

เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นเนี่ย พวกสุนัขโผล่มาจากไหนกันตั้งมากมาย?

เวลานี้สุนัขนับร้อยตัวโผล่ออกมาจากทุกทิศทาง วิ่งมาตั้งแถวอย่างเป็นระเบียบ ขวางหน้าพวกเขาเอาไว้ โดยในหมู่พวกมัน มีหมาฮัสกี้ขนขาวดำปะปนอยู่ด้วย

หวังเอ๋อสัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่าผู้มาเยือนคนไหนแก่กล้าที่สุด

คิดจับโจรต้องจับหัวหน้า หวังเอ๋อแฝงตัวเข้ากับฝูงสุนัข ค่อยๆขยับเข้าหาเฟิงกังอย่างช้าๆ และในจังหวะที่ความสนใจของอีกฝ่ายกำลังฟุ้งซ่าน ..!

“โบร๋วว!”

เสียงคำรามอันน่าเกรงขามดังนี้ ฮัสกี้เปลี่ยนร่างเป็นหมาป่าดำตัวใหญ่ เปิดฉากโจมตีเฟิงกังที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมอย่างไม่ทันตั้งตัว

อยู่ใกล้เกินไป!

รวดเร็วเกินไป!

กะทันหันเกินไป!

เฟิงกังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น ก็แล้วจะมีใครที่ไหนระมัดระวังตัวกับหมาฮัสกี้?

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงถูกเรี่ยวแรงมหาศาลของมันผลักล้มลงกับพื้น

“อ๊าาาา มันเป็นหมาป่า! มีหมาป่าอยู่ที่นี่!”

ทุกคนตื่นตกใจกับการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของหมาป่าดำ แถมมันยังจู่โจมหัวหน้าจนล้มลง

เมื่อหมาป่าดำเมื่อลอบโจมตีเฟิงกังได้สำเร็จ มันก็อ้าปากกัดอีกฝ่ายอย่างดุดัน ทำลายแขนทั้งสองข้างของศัตรูโดยตรง จากนั้นอาศัยพละกำลังของตัวเอง กดเฟิงกังไม่ให้ลุกจากพื้น

หมาป่าดำเงยหน้าขึ้น ตะโกนว่า “ฮ่ง! ลูกพี่ของพวกมันถูกจัดการแล้ว พวกนายยังรออะไรอยู่? รีบออกมาได้แล้ว!”

เหล่าสมุนของเฟิงกังตื่นตกใจยิ่งขึ้นไปอีก!

“ลูกพี่!”

“นี่มันสัตว์ประหลาดบ้าบออะไรกัน?”

“มันพูดได้! ฉันได้ยินมันพูด!”

ขณะเดียวกัน กลุ่มคนอีกกลุ่มโผล่ออกมาจากทุกทิศทาง และผู้นำของพวกเขามิใช่ใครอื่น เป็นโล้นซ่า

กลุ่มคนนับสิบมีอายุแตกต่างกันไป แต่ที่เหมือนกันคือทุกคนมีอาวุธครบมือ

เป็นค้อนมนุษย์ปลาคนงาน และโล่เต่าเหล็ก ทุกชิ้นเป็นอุปกรณ์ใหม่เอี่ยม ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นกองกำลังจริงๆ ขณะที่กลุ่มของเฟิงกังเปรียบเสมือนพวกแก๊งอันธพาลซะมากกว่า

“ฮ่ง ฮ่ง ฮ่ง!”

สุนัขหลายสิบตัวปิดล้อมรอบพื้นที่ใกล้เคียง เปิดทางให้คนของโล้นซ่าเข้ามาอย่างรู้งาน

โล้นซ่านำคนของเขาก้าวเข้ามาพร้อมค้อนและโล่ในมือ

“หยุด!”

หมาหวังเอ๋อออกคำสั่ง ทุกคนหยุดฝีเท้า กระจายกันล้อมรอบกลุ่มของเฟิงกังอีกทอดหนึ่ง

“ไอ้พวกทุเรศ! พวกแกมันหมาลอบกัด!”

“ฮ่ง! ก็ถูกแล้วไง เปิ่นหวังเป็นหมา ฉะนั้นหมาลอบกัดก็ถูกแล้ว” หวังเอ๋อไม่รู้สึกละอายใจสักนิด กลับกัน มันกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “ขนาดหมาของเจ้านายยังสู้ไม่ได้ แต่คิดท้าทายเจ้านาย ใครกันที่เป้นคนมอบความกล้าแบบนี้ให้พวกแก?”

ทุกคนต่างมองหน้ากัน

นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย?

หมาหวังเอ๋อจ้องมองเฟิงกังกับพวกเจ้าเสือดาวด้วยคู่ดวงตาสีแดงเลือด “จงวางอาวุธลงแล้วยอมจำนน ไม่งั้นเปิ่นหวังจะกัดเจ้าหน้าบากนี่ให้ตาย พอมันตายแล้วก็จะไปไล่กัดพวกแกต่อ!”

พวกเราจะทำอะไรได้อีก?

ลูกพี่เฟิงถูกจับแล้ว! อ๊า~ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวแบบนี้อยู่ด้วย!

มันไม่ใช่แค่ทรงพลัง แต่ยังพูดภาษาคน ดูเหมือนว่ามันจะเป็นผู้บงการของการซุ่มโจมตีในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่ามีสติปัญญาสูงมาก พวกเขาอดไม่ได้ที่จะกังวลถึงอนาคตของมนุษยชาติ

เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น แถมยังตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน คงได้แต่ยอมจำนนเท่านั้น

แม้อาณาเขตจะมีความสำคัญมาก แต่ชีวิตน้อยๆสำคัญกว่า เฮ้อออ~

เปิ่นหวังมีความสุขมากที่เห็นผู้มาเยือนปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย มันกระดิกหางทันที

“ฮ่ง! ดีมาก ถ้าเป็นไปได้อย่าขัดขืน ลดการเสียเลือดเสียเนื้อให้น้อยที่สุด บางครั้งการจำนนโดยปราศจากการต่อสู้ ก็ถือเป็นการตัดสินใจที่ดีแบบหนึ่ง”

นี่มันคำจากพิชัยสงครามของซุนวู!

แม้แต่สัตว์ประหลาดยังเริ่มเรียนรู้ศิลปะแห่งสงคราม!

ในใจของลูกพี่เฟิงและพวกสมุนต่างต่างตื่นตระหนก

โล้นซ่ากล่าวขึ้นด้วยท่าทีเคารพ “ใช่ ใช่ พี่รองหวังพูดได้ถูกต้อง”

หมาหวังเอ๋อโบกอุ้งเท้า “มัดพวกมันทั้งหมดแล้วเอาตัวไป ”

เมื่อผู้บุกรุกทั้ง 17 คนถูกนำตัวมาถึงคฤหาสน์เก่า หมาหวังเอ๋อกลับคืนสู่ร่างฮัสกี้ดังเดิม มันกระดิกหาง เอ่ยรายงานทันที “ฮ่ง! เจ้านาย จับทุกคนได้หมดแล้ว”

ทั้ง 17 คนที่โดนมัดแขนถูกพวกโล้นซ่าผลักไปข้างหน้า คุกเข่าลงทันที

“นี่มันยุคไหนแล้ว เล่นส่งหนังสือท้ารบอย่างตรงไปตรงมา พวกรุ่นลุงเขายังทำแบบนี้กันอยู่หรอ?” ฮังอวี่นั่งโยกเก้าอี้หวายอย่างสบายๆ “ดูพวกนายสิ หน้าเหมือนคนท้องผูกมาเจ็ดวันเจ็ดคืน อย่าบอกนะว่ามั่นใจว่าจะชนะจริงๆ?”

เจ้าเสือดาวที่อยู่แถวหน้าตะโกนสวนทันที “พวกแกลอบโจมตีหรอกถึงได้ชนะ!”

“ยังจะพูดดีอีก ตบปากมันซะ!”

เพี๊ยะ!

กิ่งไม้ก้านหนึ่งเหยียดออกมาจากด้านหลังของฮังอวี่ ตบหน้าเจ้าเสือดาวอย่างแรง

เจ้าเสือดาวกรีดร้อง ล้มลงดิ้นกับพื้น ฟันหักไปครึ่งปาก

“ฉันจำได้ว่าฉันเคยเตือนแกแล้ว ว่าอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าไร้ปราณี”

“ตีมันอีก!”

สิ้นเสียงเขา รากและกิ่งไม้โบกสะบัดอย่างรวดเร็ว ทุบตีเสือดาวไม่หยุด

การโจมตีแต่ละครั้งทรงพลังราวกับแส้เหล็ก เสือดาวถูกทุบตีและกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียงดังลั่นจนหนังศีรษะของผู้ฟังคนอื่นๆด้านชา

ตอนนี้ฝูงชนถึงค่อยเข้าใจ ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ได้มีแค่สัตว์ประหลาดหมาเท่านั้น

แต่ต้นไม้ใหญ่สองต้นที่อยู่ข้างหลังเขาเองก็เป็นสัตว์ประหลาดที่ร้ายกาจเช่นกัน!

ต้นไม้ทั้งสองสูงหกหรือเจ็ดเมตร มีใบหน้ามนุษย์โผล่ออกมาจากลำต้นของต้นไม้ แม้จะดูไม่ค่อยฉลาดนัก แต่เห็นได้ชัดว่าเข้าใจคำสั่ง และทรงพลังอย่างแท้จริง

สถานที่นี้มันบ้าอะไรกัน?

ทุกคนต่างผุดคำถามนี้ขึ้นในใจ

นี่มันรังสัตว์ประหลาดชัดๆ! พวกเรามาทำอะไรกันที่นี่เนี่ย!?