2/2

Ep.107 – ทั้งสองแข็งแกร่งขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นผลไม้วิญญาณ , อาหารวิญญาณ หรือเมล็ดบัวปราณวิญญาณ

สามสิ่งนี้สามารถรับประทานพร้อมกันได้ แต่ละอย่างมีรอบการย่อยเป็นของตัวเอง

อย่างไรก็ตาม หากรอบการย่อยของทั้งสามยังไม่หมด ไม่ควรกินซ้ำเป็นอย่างยิ่ง เพราะผลของมันจะซ้อนทับกัน

หรือความหมายก็คือ

ถ้าฮังอวี่กินเมล็ดบัวพร้อมกัน 2 เมล็ด เอฟเฟกต์ของมันจะซ้อนทับกัน สุดท้ายให้ผลลัพธ์เพียง 1 เมล็ดเท่านั้น พวกผลไม้วิญญาณหรืออาหารวิญญาณก็ใช้หลักการเดียวกัน

ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกินเยอะ แค่เลือกวัตถุดิบที่มีแต้มวิญญาณสูงและกินครั้งเดียวก็พอ

รอบการย่อยอาหารวิญญาณส่วนใหญ่อยู่ที่ 12-36 ชั่วโมง หากกินอาหารซ้ำในระหว่างนั้น เอฟเฟกต์ของอาหารจานใหม่จะไม่ทำงาน

ปัจจุบันรอบการเปิดโลกวิญญาณคือทุกๆสามวัน

ฮังอวี่มีเวลาเหลือเฟือในการย่อยเมล็ดบัวทั้งสี่

และในที่สุดเขาก็สามารถอัพเลเวลเทคนิคทั้งสองจนเต็มโดยใช้ 300 แต้มวิญญาณ

‘สกิลล่องหน’  : ชิ้นส่วนมรดกของนักสอดแนม  เลเวลสกิล 3 , ความชำนาญ (500/500)  , ใช้ค่าพลังจิต 7 เพื่อเข้าสู่สถานะล่องหน ความเร็วในการเคลื่อนที่ +6  ใช้เวลาร่าย 1 วินาที , ระยะเวลาคงอยู่ 40 วินาที , เวลาคูลดาวน์ 60  วินาที

[ขว้างอาวุธ] ชิ้นส่วนมรดกของนักสอดแนม  เลเวลสกิล 3 , ความชำนาญ (600/600)  , ใช้ค่าพลังจิต 3 เพื่อโจมตีโดยการขว้างปาอาวุธ ดาเมจที่สร้างผันแปรตามพละกำลังและการโจมตีทางกายภาพของวัตถุ ระยะหวังผล : 30 เมตร ระยะเวลาคูลดาวน์ 1 วินาที

สกิลทั้งสองมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก พลังจิตในการเปิดใช้งานเพิ่มขึ้นหลายหน่วย ทว่าประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด!

อย่างสกิลขว้างอาวุธสามารถโจมตีเพิ่มขึ้นจากเดิม 80% ระยะหวังผล 50%!

มีดบินในตอนนี้ของฮังอวี่ บางทีอาจมีพลังโจมตีมากกว่าลูกศรอากาศของจางเสี่ยวเฉียง ซะอีก!

หากเขาขว้างหอกก้างปลาออกไป ก็มากพอแล้วที่จะสังหารมอนสเตอร์เลเวล 4 ระดับสามัญได้ในวินาทีเดียว!

ส่วนล่องหนที่เป็นสกิลหลัก เอฟเฟกต์ของมันดีกว่าเดิมมาก!

สกิลล่องหนเลเวล 3 ไม่เพียงแต่เพิ่มเวลาในการล่องหนเป็นสองเท่า แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือมันช่วยเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ 6 หน่วยระหว่างล่องหน

ความเร็วในการเคลื่อนที่ 6 หน่วยหมายความว่ายังไง? นั่นหมายถึงสามารถเคลื่อนที่ได้ 6 เมตรต่อวินาที!

พริบตาที่ฮังอวี่เข้าสู่สถานะล่องหน อัตราเร่งของเขาจะเพิ่มขึ้น 6 เมตรต่อวินาทีทันที นอกจากนี้โบนัสความว่องไวกับความเร็วในการเคลื่อนที่ยังสามารถซ้อนทับกันได้

สมติว่าหากเวลาปกติ ฮังอวี่สามารถระเบิดความเร็ว 14 -15 เมตรต่อวินาที เมื่อเข้าสู่สถานะล่องหน เขาจะสามารถวิ่งได้สูงถึง 20 เมตรต่อวินาทีในพริบตา

การระเบิดความเร็วนี้ไม่ได้เหมาะใช้ในสถานการณ์สอดแนมเท่านั้น แต่ยังเหมาะใช้ในสถานการณ์โจมตีหรือหลบหนีอย่างฉับพลันได้อีกด้วย!

ลองคิดดูสิ ว่าการเคลื่อนที่ 20 เมตรต่อวินาทีคืออะไร? สำหรับคนเลเวลต่ำ หรือคนที่มีปฏิกิริยาตอบสนองเชื่องช้า ทั้งหมดที่กล่าวมาจะมองเห็นเหมือนว่าฮังอวี่สามารถวาร์ปได้!

ทั้งสกิลขว้างอาวุธและสกิลล่องหนประสิทธิภาพดีขึ้นเป้นอย่างมาก!

ภายใต้สถานการณ์นี้ คงยากหากบอกว่าพลังรบไม่เพิ่มขึ้นเลย!

ขณะที่ฮังอวี่สามารถอัพสกิลทั้งสองจนเลเวลเต็ม ด้านหวังเอ๋อก็เกิดความก้าวหน้าครั้งใหญ่ไม่แพ้กัน

เดิมมันมีแต้มวิญญาณในตัวอยู่ 25 แต้มแล้ว และเนื่องจากได้กินรากบัว ส่งผลให้แต้มวิญญาณของมันเพิ่มถึงขีดจำกัด สามารถอัพเลเวล 2 ได้สำเร็จ!

อย่างไรก็ตาม หวังเอ๋อยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นรากบัว หรือต้นบัวเหี่ยวเฉา ทั้งสองสิ่งล้วนเป็นไอเท็มระดับสูง!

โดยเฉพาะต้นบัว แม้มันจะสูญเสียปราณวิญญาณไปเกือบทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็เป็นพืชวิญญาณที่อยู่ในระดับราชันย์ แม้สูญเสียปราณวิญญาณไป แต่ก็ยังเป็นของดี มีประโยชอย่างยิ่งต่อสัตว์วิญญาณอย่างหวังเอ๋อ

แม้มันจะไม่มีแต้มวิญญาณช่วยให้หวังเอ๋ออัพเลเวล แต่ก็ยังสามารถช่วยเพิ่มแต้มวิวัฒนาการแก่หวังเอ๋อได้

เดิมหวังเอ๋อมีแต้มวิวัฒนาการอยู่แล้ว 8 แต้ม หลังจากรับประทานต้นบัวเข้าไป แต้มวิวัฒนาการจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเกินขีดจำกัดที่ 25 แต้ม

เท่ากับว่าหวังเอ๋อไม่เพียงอัพเลเวล แต่ยังวิวัฒนาการไปอีกขั้น

เลเวลของสัตว์วิญญาณมีความสำคัญอย่างยิ่ง ทว่าระดับวิวัฒนาการมีความสำคัญยิ่งกว่า

หากให้พูดแบบทั่วๆไป คือการอัพเลเวลเป็นเรื่องง่าย แต่การยกระดับวิวัฒนาการเป็นเรื่องยาก

ฮังอวี่เองก็คาดไม่ถึงเช่นกัน ว่าการผจญภัยในทริปนี้ หนึ่งคนหนึ่งสุนัขจะทำกำไรได้อย่างงดงาม

หวังเอ๋อไม่เพียงอัพเลเวล 2 แต่ยังยกระดับจากขั้นบรอนซ์ไปสู่ขั้นซิลเวอร์

เหตุผลที่การวิวัฒนาการดีกว่าการอัพเลเวลน่ะหรือ?

ข้อแรกก็คือ เลเวลสามารถลดลงได้ แต่ระดับของสัตว์วิญญาณนั้นยากที่จะต่ำลง

ข้อสอง การอัพเลเวลจะช่วยเพิ่มเฉพาะค่าสเตตัสและเอฟเฟกต์ของสกิลพรสวรรค์เท่านั้น ขณะที่การวิวัฒนาการไม่เพียงแต่เพิ่มค่าสเตตัส แต่ยังช่วยพัฒนาสกิล หรือกระทั่งมีโอกาสปลุกสกิลใหม่ขึ้น

“ฮ่ง! เจ้านาย เปิ่นหวังรู้สึกได้! เปิ่นหวังได้รับสกิลใหม่แล้ว!”

ฮังอวี่ปัดเปิดข้อมูลสัตว์วิญญาณเพื่อดูให้แน่ชัด

แต่เมื่อเห็นมัน ดวงตาเขาแทบถลนออกมา

[หมาหวังเอ๋อ] (สัตว์วิญญาณกลายพันธุ์) เลเวล 2 ขั้นซิลเวอร์  ค่าพลังชีวิต 60 , ค่าพลังจิต 100 , แต้มวัฒนาการ 5/80 , แต้มวิญญาณ 3/250 สกิล: เสริมการดูดซับ , วิวัฒนาการขั้นสูง , จิตสุนัขเทวะ , คลื่นราชาหมาป่า , ปลุกสัญชาตญาณป่าเถื่อน

หลังจากหวังเอ๋อขึ้นเป็นเลเวล 2 ขั้นซิลเวอร์ พลังชีวิตของมันพุ่งพรวดไปถึง 60 หน่วย! แซงหน้า ฮังอวี่ที่เป็นถึงเลเวล 4 ไปเรียบร้อย

แล้วที่ยิ่งไปกว่านั้น พลังจิตของมันสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดเป็น 100 หน่วยอย่างน่าอัศจรรย์!

มนุษย์จะเป็นประเภทค่อยๆแข็งแกร่งขึ้น และทรงพลังในช่วงหลัง เพราะเริ่มแรกทุกคนจะมีสกิลพรสวรรค์เพียงสกิลเดียว  แต่สามารถเรียนรู้สกิลเพิ่มได้ผ่านหินสกิล

ขณะที่หวังเอ๋อเป็นสัตว์วิญญาณ มันไม่สามารถใช้หินสกิลได้ ดังนั้นจึงมีสกิลพรสวรรค์ตั้งแต่เริ่มมากมาย

อย่างน้อย ณ ตอนนี้ พลังรบของหมาหวังเอ๋อ น่าจะโค่นมุนษย์เลเวล 3 ลงได้อย่างไม่ยากเย็น

นี่ยังไม่ใช่การพัฒนาทั้งหมดของหวังเอ๋อ มันได้ปลุกสกิลพรสวรรค์ใหม่ที่ชื่อว่า ‘ปลุกสัญชาตญาณป่าเถื่อน’ และสกิลนี้มีประโยชน์ในการต่อสู้มาก

[ปลุกสัญชาตญาณป่าเถื่อน] สกิลพรสวรรค์ ใช้ 50 หน่วยพลังจิต เพื่อเพิ่มพลังชีวิตสูงสุด 50 หน่วย , ค่าพละกำลัง ความว่องไว และร่างกายเพิ่มขึ้น 30% , ความเร็วในการเคลื่อนที่ +4 , ความต้านทานต่อความกลัว , มึนงง , ง่วง และเชื่องช้าเพิ่มขึ้น 200% , ระยะเวลาแสดงผล 5 นาที ,  ระยะเวลาคูลดาวน์ 20 นาที

“ขอเปิ่นหวังลองทดสอบดู!”

หมาหวังเอ๋อกระโดดไปกลางลานบ้าน ส่งเสียงหอนเป็นเวลานาน แต่ครั้งนี้ไม่ใช่คลื่นราชาหมาป่า แต่ให้แรงกดดันมากกว่าเล็กน้อย

ร่างของฮัสกี้เริ่มขยายใหญ่ ขนสุนัขของมันค่อยๆยาวขึ้น จนสุดท้ายถูกแทนที่ด้วยสีดำสนิททั้งตัว ดวงตาสีฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด เขี้ยวสีขาวคู่หนึ่งยื่นออกมาจากปาก ดูดุร้ายเป็นพิเศษ

เฮ้ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? นั่นใช่หวังเอ๋อจริงๆน่ะหรือ?

กระทั่งฮังอวี่ก็ยังสัมผัสได้ถึงแรงกดดัน

ประเด็นก็คือ สกิลปลุกสัญชาตญาณป่าเถื่อนเป็นสกิลพรสวรรค์สายแปลงร่าง นั่นหมายความว่าประสิทธิภาพของมันจะเพิ่มขึ้นตามเลเวล!

หลังจากหวังเอ๋อปลดปล่อยสกิลปลุกสัญชาตญาณป่าเถื่อนออกมา พลังรบของมันไม่อาจกล่าวได้ว่าอยู่ในระดับชั้นยอดขั้นซิลเวอร์อีกต่อไป แต่น่าจะไปถึงระดับชั้นยอดขั้นโกลด์!

ต่อให้เป็นฮังอวี่ แต่หากคิดกำจัดหมาหวังเอ๋อในสภาวะเปลี่ยนร่าง คงต้องทุ่มสุดตัว เพราะหลังจากมันเปลี่ยนร่างแล้ว ไม่ใช่แค่พลังชีวิตที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ค่าสเตตัสทั้งหมดยังเพิ่มขึ้นเช่นกัน

หมาหวังเอ๋อหันหน้ากลับมา คู่ดวงตาสีแดงเลือดจับจ้องฮังอวี่ ดูจริงจังไม่น่าตลกเหมือนแต่ก่อน หากมันไม่เอ่ยปากพูด หน้าตาของมันตอนนี้ ค่อนข้างน่าเกรงขามทีเดียว

ทว่าเมื่อมันเอ่ยปากออกมา แรงกดดันที่มีในตอนแรกพลันมลายหายไปสิ้น

“เจ้านาย เจ้านาย! ดูฉันสิ ดูฉัน! ตอนนี้เปิ่นหวังเท่สุดๆ โคตร Cool!!”

“เปิ่นหวังเคยบอกแล้วว่าตัวเองเป็นหมาป่า แต่เจ้านายไม่เชื่อ”

“เป็นไงล่ะ ครั้งนี้เชื่อแล้วหรือยัง!”

ฮังอวี่ “ … ”

พระเจ้าแห่งโลกวิญญาณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า? อย่าบอกนะว่าในมุมมองของเขาฮัสกี้เป็นหมาป่า?

ขณะนี้หมาป่าสีดำตัวใหญ่หรือก็คือหวังเอ๋อกำลังกระโดดโลดเต้นอยู่ในลานบ้าน ส่งเสียงเอะอะจนครบ 5 นาที ทันใดนั้นตัวมันก็เริ่มแฟบลงเหมือนอากาศข้างในรั่ว ขนยาวและหนาหดสั้น กลับมาเป็นหมาขาวดำธรรมดาอีกครั้ง

สกิลนี้ไม่เลวเลย อย่างไรก็ตามข้อเสียของมันก็ชัดเจนเช่นกัน นั่นคือระยะเวลาคูลดาวน์ที่นานเกินไป! แบบนี้ตอนใช้งานคงต้องกะเวลาดีๆ

ในตอนนั้นเอง โล่นว่าและอีกหลายคนเปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้ากังวล

ฮังอวี่เห็นหน้าโล้นซ่าก็สับสนเล็กน้อย “พวกนายไม่มีงานทำกันหรือไง มาที่นี่ทำไม?”

“พี่ใหญ่ เกิดเรื่องแล้ว มีคนส่งหนังสือท้ารบมาให้พวกเรา!”

หวังเอ๋อตะโกนขึ้นทันทีว่า “ฮ่ง? หนังสือท้ารบ? หนังสือท้ารบคืออะไร?”

ฮังอวี่รู้สึกสับสนยิ่งขึ้นไปอีก

แปลก

ระหว่างนี้กลุ่มของเขากำลังอยู่ในช่วงพัฒนา ไม่น่าจะไปรบกวนใครเข้า

“พี่ใหย่ยังจำเจ้าเสือดาวที่พี่ทุบตีมันครั้งก่อนได้ไหม?” โล้นว่าอธิบาย “หนังสือท้ารบเล่มนี้มาจากลูกพี่ของเจ้าเสือดาว พวกเขาบอกว่า … ”

ฮังอวี่ขมวดคิ้ว “บอกว่าอะไร?”

“พวกเขาบอกว่า ‘อาณาเขตในชุมชนตรอกมังกรฟ้าอนุญาตให้มีลูกพี่เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่พี่ใหญ่ก็เขา ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องกลายเป็นลูกน้อง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกำปั้นและพลังรบ!’ ”

ฮังอวี่หัวเราะ “น่าสนใจ!”

เดิมตนไม่เคยคิดที่จะควบคุมทั้งชุมชนตรอกมังกรฟ้า แต่ตอนนี้จู่ๆกลับมีคนคิดแย่งชิงดินแดนกับเขา!

** สองตอนก่อนนะครับ พรุ่งนี้จะลงชดเชยเพิ่มให้