Ep.1010 – ห่างชั้นพันเท่า

มิติมวลหมู่ดาวรูนเปลี่ยนจากครึกครื้นกลายเป็นเงียบงัน ทว่าทางฝั่งโลกภายนอก ความโกลาหลได้มากองรวมกันอยู่หน้ารอยแยกทางเข้ามิติ เกิดการโต้เถียงกันไปมา ไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุด

ผู้ใช้อบิลิตี้นับไม่ถ้วนมารวมตัวกัน เพื่อต้องการทำให้รอยแยกนี้เกิดความเสถียร มีกระทั่งบางคนสร้างช่องว่างมิติขึ้น เพื่อให้เชื่อมต่อมิติมวลหมู่ดาวรูนกับมิติโลกเข้าด้วยกัน

โอกาสดีๆเช่นนี้ โอกาสทองครั้งหนึ่งในชีวิต พวกเขาไม่อยากสูญเสียมันไป

ฉินเฟิงย่อมกระจ่างแก่ใจ ในความเป็นจริงรอยแยกมิติขนาดใหญ่นี้จะค่อยๆปิดลง แต่ด้วยความเพียรพยายามของผู้ใช้อบิลิตี้นับไม่ถ้วน ในที่สุดพวกเขาก็สามารถสร้างช่องว่างมิติขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 30 เมตรขึ้นได้ เปลี่ยนสถานที่แห่งนี้ให้กลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล S จะต้องเข้ามาทุกเดือน

เพียงแต่ว่า เรื่องอะไรพวกนั้นไม่เกี่ยวข้องกับฉินเฟิงเลย  ระหว่างที่คนเหล่านั้นช่วยกันคิดว่าจะสามารถยืดเวลาในการอาศัยอยู่ท่ามกลางพลังงานอวกาศที่รุนแรงบ้าคลั่งนี้อย่างไร ฉินเฟิงยังคงดูดซับอักษรรูนอย่างต่อเนื่องไม่สนใจใคร!

เมื่อเส้นผ่านศูนย์กลางของแก่นอบิลิตี้ขยายขนาดขึ้น ทรัพยากรที่ฉินเฟิงต้องการก็มากขึ้นเรื่อยๆ ช่วงระยะเวลาสั่งสมก็ยาวนานออกไป

“ถ้าฉันต้องการให้แก่นอบิลิตี้ทั้งหมดมีขนาดใหญ่หนึ่งเมตร คงต้องใช้เวลาสะสมรูนอย่างน้อยครึ่งปี แต่ถ้าทำแบบนั้น ในแง่ความแข็งแกร่งคงไม่ค่อยเห็นผลนัก เพราะการดูดซับอักษรรูนเพียงอย่างเดียวมันไม่ได้! ถ้าอยากให้โจมตีได้รุนแรง มันจำเป็นต้องสร้างสรรค์และฝึกฝนเทคนิคอบิลิตี้ควบคู่ด้วย ซึ่งนั่นต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก!”

“ในขณะที่ตอนนี้ฉันมีเทคนิคจ้าวมังกรคำรนอยู่แล้ว และอบิลิตี้ธาตุมืดคือพลังดั้งเดิมของฉัน ฉะนั้น ตราบใดที่มีพลังพิเศษดูดกลืนและสามารถสั่งสมอักษรรูนมืดได้มากพอ เดี๋ยวความสามารถในการดูดซับรูนธาตุอื่นๆก็จะไวขึ้นตามมาเอง!”

“แทนที่จะครอบครองนกป่าสิบตัว จะดีกว่าไหมหากเลือกครอบครองพญาเหยี่ยวเพียงตัวเดียว เหมือนฉันในตอนนี้ ขอแค่ดูดซับอักษรรูนมืดทั้งหมดอย่างเต็มที่ก็พอแล้ว!”

แม้ในจักรวาลแห่งจิตสำนึกของฉินเฟิงจะมีแก่นอบิลิตี้อีกแปดธาตุแล้วก็ตาม แต่ความเร็วในการดูดซับรูนมืดและความเร็วในการดูดซับรูนธาตุอื่นๆ กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่าฉินเฟิงไม่ต้องการมุ่งความสนใจไปกับการวิวัฒนาการพลังของธาตุทั้งเก้ามากเกินไป ในความเห็นของฉินเฟิง ธาตุอื่นๆจะสามารถสำแดงประโยชน์ของมันได้สูงสุดก็ต่อเมื่อฉินเฟิงใช้พวกมันในการเรียนรู้ และลอกเลียนเทคนิคของผู้ใช้อบิลิตี้คนอื่นๆ  มาวิเคราะห์เพื่อรับมือกับมัน ลดทอนจุดอ่อนของตนเอง

แต่ก็อย่างว่า ไม่มีใครหรอกที่สมบูรณ์แบบ อย่างฉินเฟิงเอง ยังไงเขาก็ไม่สามารถดูดซับอบิลิตี้ธาตุแสงได้ แต่เขาเชื่อสุดใจ ว่าเมื่ออบิลิตี้มืดของเขาทรงพลังสุดๆ ธาตุแสงก็จะยอมศิโรราบเอง

ดังนั้น ฉินเฟิงจึงตัดสินใจละทิ้งดินแดนที่เป็นของอักษรรูนธาตุอื่นๆ มุ่งหน้าเสาะแสวงหาดินแดนที่เป็นอักษรรูนมืด

วันเวลาผ่านพ้นไปในแต่ละวัน

หนึ่งเดือนต่อมา ผู้ใช้อบิลิตี้ร่วมมือกันสร้างช่องว่างมิติได้สำเร็จ

สองเดือนต่อมา ในพันธมิตรมนุษย์ ถือกำเนิดผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล SS เพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง เป็นที่ฮือฮาของฝูงชน!

สามเดือนต่อมา …

ภายในมิติมวลหมู่ดาว ท่ามกลางห้วงอวกาศที่ไม่ทราบว่าอยู่ลึกเข้าไปไกลแค่ไหน ร่างสองร่างปรากฏขึ้นบริเวณขอบทวีปอันมืดมิด

ทั้งสองมิใช่ใครอื่น เป็นฉินเฟิงกับไป๋หลี

ในเวลานี้กลิ่นอายของไป๋หลีได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว เธอได้กลายเป็นสัตว์เทวะเลเวล S1 นี่เป็นการตัดผ่านสู่ขั้นต่อไปด้วยตัวเองโดยไม่พึ่งแก่นสัตว์ร้าย สถานการณ์นี้นับว่ายากนักที่จะเกิดขึ้นกับเธอ

ส่วนฉินเฟิง ยังคงดูดซับพลังงานฟ้าดิน ตัวเขาในขณะนี้ เกือบยกระดับไปอีกขั้นแล้ว ทวีปที่อยู่ตรงหน้า คือโอกาสนั้นของเขา

บนทวีปมืดแห่งนี้ มีกลิ่นอายของรูปแบบชีวิตอยู่ ซึ่งเจ้าสิ่งที่กล่าวมา มันเรียกกันว่า ‘สิ่งมีชีวิตต้นกำเนิดรูน’

สิ่งมีชีวิตต้นกำเนิดรูนทุกตัว ทั้งร่างของพวกมันประกอบขึ้นจากอักษรรูน ความแข็งแกร่งแรกเริ่มเมื่อถือกำเนิดจะไม่ต่ำกว่าเลเวล SS หรืออาจทรงพลังยิ่งกว่านั้น

สำหรับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้า มันมีความยาวถึง 10,000 เมตร และความแข็งแกร่งของมัน มากพอที่จะอยู่ในเลเวล SSS

เพียงแต่ว่า ปัจจุบันเจ้าสัตว์ยักษ์ตัวนี้กำลังมึนงงและสับสน มันไม่ได้ครอบครองพลังสมาธิที่ทรงพลังอะไร ดังนั้นไม่ทันตระหนักได้แม้แต่น้อย ว่าในความว่างเปล่า มีมนุษย์ตัวจ้อยคนหนึ่งกำลังคิดจะกลืนกินมัน

ขณะนี้ ฉินเฟิงหย่อนตัวลงบนร่างสิ่งมีชีวิตต้นกำเนิดรูน กลิ่นอายแห่งความมืดในร่างกายเขาได้บดบังพลังสมาธิที่อ่อนแอของมัน สามารถเข้าประชิดโดยอีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว แต่ท้ายที่สุดแล้ว ที่ทำแบบนี้ได้ เป็นเพราะสัตว์ยักษ์ตัวนี้ยังไม่โตเต็มวัยก็เท่านั้นเอง

“พลังพิเศษดูดกลืน!”

อบิลิตี้ติดตัวของฉินเฟิงเริ่มเปิดใช้งาน เมื่อเทียบกับสิ่งมีชีวิตต้นกำเนิดรูน ฉินเฟิงราวกับสัตว์ยักษ์จอมละโมบ ค่อยๆกลืนกินทวีปนี้อย่างเงียบๆ

ทวีปนี้เต็มไปด้วยพลังสมาธิและอักษรรูนมหาศาล ซึ่งทั้งหมดค่อยๆถูกสูบเข้าสู่หว่างคิ้วของฉินเฟิง ทำให้แก่นอบิลิตี้และพลังสมาธิของเขาค่อยๆพัฒนาขึ้น

เวลาผ่านไปทีละเล็กทีละน้อย ในที่สุด พลังงานก็ถูกเติมเต็มถึงขีดจำกัด มันพลุ่งพล่านออกมาจากร่างกายของฉินเฟิง

พลังสมาธิยกระดับขึ้นสู่เลเวล S2 !

ใช้เวลามากถึงสามเดือน ในที่สุดฉินเฟิงก็สามารถยกระดับได้อีกครั้ง

ฉินเฟิงรู้สึกว่าพลังสมาธิของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และขยายรัศมีเป็นเท่าตัว ระหว่างกระบวนการยกระดับ พลังสมาธิของเขาถ่ายเทเข้าไปสำรวจในจักรวาลแห่งจิตสำนึกเช่นกัน เฝ้ามองไปยังดาวเคราะห์มืดขนาดมหึมา

ดาวเคราะห์ดวงนี้ใหญ่โตมาก  เกรงว่ามันจะทรงพลังยิ่งกว่าหัวใจโลกซะอีก

แก่นอบิลิตี้ นี้มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 เมตร หากใครได้มาเห็นย่อมตะลึงลาน

รู้อะไรไหมว่า แก่นอบิลิตี้ของผู้ใช้พลังเลเวล S ในตอนแรกเริ่ม มันจะมีขนาดแค่ 1 – 10 ซม. เท่านั้น นั่นก็เพื่อใช้แยกแยะความแตกต่างระหว่างคนธรรมดาและผู้มีพรสวรรค์

ตัวอย่างเช่น เมื่อความแข็งแกร่งเพิ่มพูนขึ้นจนยกระดับขึ้นสู่เลเวล S9 สำหรับผู้ใช้อบิลิตี้ระดับสามัญ แก่นอบิลิตี้ของพวกเขาจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 10 ซม. ขณะที่แก่นอบิลิตี้ระดับเทวะในเลเวลเดียวกันจะมีขนาด 1 เมตร

ซึ่งเงื่อนไขขั้นต่ำในการตัดผ่านสู่เลเวล SS จำเป็นต้องมีแก่นอบิลิตี้ขนาด 1 เมตร ซึ่งเท่ากับว่า หากคุณมีพรสวรรค์ระดับเทวะในเลเวล S ยังไงก็ผ่านเงื่อนไขในการยกระดับสู่เลเวล SS

ตรงกันข้าม หากเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ ระดับสามัญ คุณจะไม่มีโอกาสยกระดับไปได้มากกว่าเลเวล S อีกเลยตลอดชีวิต

และปัจจุบัน แก่นอบิลิตี้ของฉินเฟิง มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 10 เมตร! น่าหวาดกลัวจับใจ!!

ณ ขณะนี้ จากเดิมที่แก่นอบิลิตี้ของฉินเฟิงห่างชั้นจากคนในเลเวลเดียวกันสิบเท่า ปัจจุบันมันไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป แต่ได้เพิ่มเป็นหลายร้อยเท่า และมากสุดถึงพันเท่า!!

ด้วยพัฒนาการที่เปรียบดั่งติดปีกโผบินสู่สวรรค์ของฉินเฟิง สิ่งมีชีวิตต้นกำเนิดรูนที่อยู่เบื้องหน้าเขา สุดท้ายจึงถูกกลืนกินจนสิ้น เมื่ออักษรรูนสลาย ก็เริ่มเกิดพื้นที่สุญญากาศขึ้นที่นี่ พลังงานอวกาศที่บ้าคลั่งรุนแรงเริ่มโหมกระหน่ำ

ต่อให้พลังพิเศษดูดกลืนของฉินเฟิงจะทรงพลังเพียงใด แต่เขายังมิใช่ตัวตนคงกระพัน ในที่สุดฉินเฟิงก็เริ่มรู้สึกถึงแรงกดดัน

“ถอยกันก่อน!”

ฉินเฟิงตะโกน ไป๋หลีรับตัวเขา ก่อนหายวับไปในพริบตา ข้ามมิติผ่านกระจุกดาวนับหลายร้อยดวง ถอยร่นมาถึงจุดที่พลังอวกาศไม่รุนแรง

เวลานี้ ฉินเฟิงค่อยผ่อนคลายลงในที่สุด

“ลึกเข้าไปในมิตินี้ พลังงานบ้าคลั่งรุนแรงเกินไป!” เดิมฉินเฟิงคิดว่าเขาสามารถอยู่ต่อไปเรื่อยๆได้อย่างไม่จำกัด แต่ตอนนี้ดันมีอุปสรรคซะแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของฉินเฟิง การที่เขาสามารถไปถึงสิ่งมีชีวิตต้นกำเนิดรูนเมื่อครู่ นับเป็นขีดจำกัดของเขาแล้ว

“พวกเราจะลองออกไปยังทิศทางอื่นเพื่อหาดินแดนรูนธาตุมืดกันอีกไหม?” ไป๋หลีถาม

ฉินเฟิงตริตรองอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ส่ายหน้า

“ถ้าเราใช้ตำแหน่งปัจจุบันของเราในตอนนี้เป็นฐาน สุดท้ายเมื่อไปยังทิศทางอื่น ก็จะเจอทางตันเป็นพลังงานอันบ้าคลั่งอยู่ดี แล้วอีกอย่าง ดินแดนรูนมืดในตำแหน่งอื่นๆ ปริมาณของมันไม่เหมาะให้ฉันกลืนกินอีกต่อไป!”

แม้ว่าคุณจะสามารถค้นพบดินแดนรูนอื่น แต่หากคิดดูดกลืนมัน นั่นไม่ต่างจากวัวคิดแย่งอาหารหนู สามารถเติมเต็มได้แค่ 1/1000 ของกระเพาะเท่านั้น ซึ่งฉินเฟิงจะไม่เสียเวลากับมัน

“แทนที่ต้องทนทำแบบนั้น ฉันว่าพวกเราค่อยกลับมาอีกครั้งหลังสามารถตัดผ่านขึ้นสู่เลเวล SS ได้ดีกว่า” นี่คือข้อสรุปของฉินเฟิง

อีกอย่าง ต่อให้แก่นอบิลิตี้ของเขาใหญ่มากแล้วอย่างไร พลังสมาธิของฉินเฟิงไม่ได้มหาศาลขนาดนั้น มันไม่สมดุลกัน นั่นส่งผลให้ไม่สามารถใช้พลังได้อย่างเต็มที่

“ไปกันเถอะ ฉันไม่ได้ออกไปข้างนอกตั้งสามเดือนแล้ว!” ฉินเฟิงกล่าว

“อื้ม!”

ไป๋หลีรับคำคราหนึ่ง จากนั้นก็พาฉินเฟิงข้ามมิติผ่านดินแดนรูนนับไม่ถ้วน กลับสู่ทางเข้ารอยแยกมิติ

ด้วยความแข็งแกร่งและความเร็วของไป๋หลี พวกเขายังต้องใช้เวลาถึงสามวันเต็ม ถึงจะสามารถกลับมาได้

ในเวลานี้ สถานที่แห่งนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก รอยแยกมิติหดเล็กลง ทว่าช่องว่างมิติถูกสร้างขึ้นแทน และยังมีผู้ใช้พลังเลเวล S จำนวนมากกำลังฝึกฝนอยู่ข้างในมิติมวลหมู่ดาวรูน

เมื่อผู้ใช้อบิลิตี้เหล่านั้นเห็นฉินเฟิงกับไป๋หลีปรากฏตัว ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย