3/7

Ep.90

“ฉันจะบอกก็ได้ แต่คุณต้องไม่ฆ่าฉัน!”

ภายใต้สายตาจับจ้องของซูเฉิน ชายหัวแบนหวาดกลัวแทบอกแตกตาย แต่ยังคงกัดฟันกล่าว พยายามคิดหาหนทางหลบหนี

“แกไม่มีสิทธิ์มาต่อรองกับฉัน!”

สีหน้าของซูเฉินหม่นลง เอื้อมมือไปคว้าแขนชายหัวแบน บีบมันอย่างแรง

ได้ยินเพียงเสียง ‘กริ๊ก’ ของกระดูกแขนที่หัก

“อ๊าาาาา!”

ชายหัวแบนส่งเสียงร้องเหมือนหมูถูกเชือด

สือต้าหนิวบนรถได้เห็นฉากนี้ ต้องกลืนน้ำลายดัง ‘เอื๊อก’ ลอบร้องอย่างลับๆ “พี่เฉินเป็นผู้วิวัฒนาการจริงๆด้วย ว่าแต่ … เขาใช่โหดร้ายเกินไปหน่อยไหม?”

ซูเฉินลงมือแต่ละครั้ง ครั้งแรกสังหารชายหัวล้าน อีกครั้งหักแขนชายหัวแบน แสดงให้เห็นถึงด้านที่แสนเย็นชาของเขาอย่างชัดเจน

ส่งผลให้ความหวาดกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นในจิตใจของสือต้าหนิว

“หุบปากซะ!”

ซูเฉินตวาด จากนั้นคว้าแขนอีกข้างของชายหัวแบน กล่าวข่มขู่ “ถ้ายังไม่พูดอีก แขนข้างนี้ก็จะหักเหมือนกัน!”

“อย่าทำนะ! ฉันยอมบอกแล้ว ฉันจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง!” ชายหัวแบนอ้อนวอนขอความเมตตา รีบสารภาพ“เป็นหลี่เหลียงขายให้กับพวกเรา!”

“หลี่เหลียง?” ซูเฉินขมวดคิ้วมุ่น

เขาไม่เข้าใจ ต่อให้รถฐานทัพถูกขาย แต่คนที่มีสิทธิ์ขายคือหวู่หยาง เหตุใดถึงกลายเป็นหลี่เหลียงไปได้?

“ทำไมหลี่เหลียงถึงขายรถฐานทัพ? แล้วตอนที่ขาย มีแค่เขาอยู่คนเดียวงั้นหรือ?” ซูเฉินถามอีกครั้ง

คราวนี้ชายหัวแบนได้เรียนรู้ถึงความเจ็บปวดแล้ว รีบตอบกลับทันทีว่า “เขาเป็นคนเดียวที่ขาย แต่ฉันได้ยินมา ดูเหมือนว่าคนอื่นๆที่อยู่ด้วยกันจะถูกเจ้าเมืองหนุ่มจับตัวไป”

“ว่ายังไงนะ?”

ซูเฉินตกใจมาก เอ่ยถามอย่างร้อนรน “เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่? แล้วพวกเขาถูกจับไปไว้ที่ไหน?”

“เมื่อชั่วโมงที่แล้ว พวกเขาถูกขังไว้ในคฤหาสน์ของเจ้าเมืองหนุ่ม” ชายหัวแบนรีบตอบตามความจริง

ซูเฉินหรี่ตาลง จิตสังหารท่วมท้นออกจากร่างเขา ซัดหมัดระเบิดหัวชายหัวแบน จากนั้นรีบขึ้นรถ สั่งการว่า “เสี่ยวจือ มุ่งหน้าไปเมืองจิงกังด้วยความเร็วเต็มพิกัด”

ซูเฉินไม่รู้ว่าทำไมเจ้าเมืองหนุ่มคนนั้นถึงต้องการกักตัวหวู่หยางและคนอื่นๆเอาไว้ แต่ตราบใดที่พวกเขายังถูกกักบริเวณ ย่อมเกิดอันตรายได้ทุกเมื่อ

ดังนั้น ต้องรีบไปให้เร็วที่สุด!

“รับทราบ” [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบกลับ เร่งมุ่งหน้าสู่เมืองจิงกัง

เดิมทีสือต้าหนิวมีบางอย่างจะพูดกับซูเฉิน แต่หลังจากเห็นสีหน้ามืดมนของซูเฉิน ที่ราวกับว่าสามารถฆ่าคนได้ทุกเมื่อ เขาก็ไม่กล้าพูดอะไร

“เจ้านาย พวกเรากำลังจะถึงเมืองจิงกังแล้ว”

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เมืองใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา และ [รถศึกอัจฉริยะ] ก็แจ้งเตือนเขาเช่นกัน

ซูเฉินกวาดสายตาไปทางเมืองจิงกัง จากนั้นหันไปหาสือต้าหนิว และถามว่า “ต้าหนิว ทางเข้าเมืองจิงกังมีเส้นเดียวหรือ?”

“พี่เฉิน เมืองจิงกังสามารถเข้าออกได้เฉพาะทางประตูเมืองเท่านั้น นอกจากนี้ หากเป็นคนต่างถิ่น ถ้าคิดเข้าเมืองจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเป็นหินพลังงาน” สือต้าหนิวตอบ

“เสี่ยวจือ ไปที่ประตูเมือง” ซูเฉินออกคำสั่ง ถามต่อว่า “แล้วต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเท่าไหร่”

“หินพลังงานธรรมดาหนึ่งก้อนต่อหนึ่งคน ถ้ามีรถฐานทัพมาด้วย จะเพิ่มขึ้นอีกสิบก้อน”

ซูเฉินพยักหน้า หยิบหินพลังงานสิบสามก้อนออกจากถุงเก็บของ

ไม่นาน [รถศึกอัจฉริยะ] ก็มาถึงประตูและหยุดเคลื่อน

เนื่องจากรูปลักษณ์ของ [รถศึกอัจฉริยะ] มันโดดเด่นเกินไป จึงดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมาก

ซูเฉินเพิ่งก้าวลงจากรถ ชายอ้วนคนหนึ่งก็ตรงเข้ามาถามเขา “สหาย ช่วยขายรถฐานทัพคันนี้ให้ฉันได้ไหม ราคาเท่าไหร่เรียกมาได้เลย”

ซูเฉินคร้านจะสนใจ เขาเดินตรงไปยังยามเฝ้าประตูเมือง

“ช่างไร้มารยาท! คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน!” ชายอ้วนถูกซูเฉินเมินเฉย พ่นลมหายใจด้วยสีหน้ามืดมน

“สามคนกับรถฐานทัพ ต้องการจะเข้าเมือง” ซูเฉินเดินไปหายามเฝ้าประตู บอกจุดประสงค์ของเขา ยื่นหินพลังงาน 13 ก้อนให้อีกฝ่าย