2/7

Ep.89

“ที่แท้พวกแกก็มาจากหอการค้าถงฟู่ งั้นก็น่าจะรู้จักฉินหลางใช่ไหม?” ซูเฉินมองไปทางชายหัวล้าน เอ่ยถามเสียงขรึม

ซูเฉินกำลังคิดจะสร้างปัญหาให้ฉินหลางพอดี ไม่นึกฝันเลยว่าคนของหอการค้าถงฟู่มาหาเขาด้วยตัวเองแบบนี้ ชักน่าสนใจซะแล้วสิ

“แน่นอน ฉันรู้จักผู้จัดการฉิน”

ชายหัวล้านตอบ กล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิใจว่า “หอการค้าถงฟู่ของพวกเรา คือหนึ่งในกองกำลังที่ใหญ่ที่สุดของเมืองจิงกัง ในเมื่อรู้แล้วว่าพวกเราเป็นใคร แกก็น่าจะรู้นะว่าต้องทำยังไงต่อไป?”

“แน่นอน ฉันรู้ว่าจะต้องทำยังไง” มุมปากของซูเฉินยกยิ้ม โดยไม่ประกาศเตือนใดๆ ฉกมือออกไป จิกลงบนคอของชายหัวโล้น ยกเขาตัวลอยขึ้นไปในอากาศ

“อ๊อก ..!”

ชายหัวล้านถูกบีบจนหายใจไม่ออก ดิ้นรนสุดชีวิต แต่ก็ไม่สามารถหนีพ้นเงื้อมมือของซูเฉินได้

“ไอ้หนู กล้าดียังไงมาทำแบบนี้?” ชายหัวแบนที่อยู่ข้างๆตกใจมาก

ซูเฉินเป็นฝ่ายชิงลงมือก่อน นี่เป็นเรื่องที่เขาคาดไม่ถึง

นอกจากนี้ จากการลงมือของซูเฉิน บ่งบอกว่าเขาเป็นผู้วิวัฒนาการอย่างแน่นอน ทั้งยังมีแนวโน้มเป็นไปได้สูงว่าอาจเป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 2

เนื่องจากชายหัวล้านเป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 1 หากไม่ใช่เพราะซูเฉินแข็งแกร่งกว่า อีกฝ่ายจะไร้กำลังขัดขืนได้อย่างไร?

“ฉันกล้าทำแบบนี้ แล้วแกจะทำไม?” ซูเฉินหัวเราะเยาะ เพิ่มแรงบีบ ดวงตาของชายหัวล้านกลอกขึ้นกลายเป็นสีขาวโพลน

เมื่อเห็นว่าชายหัวล้านกำลังถูกบีบคอจนตาย ชายหัวแบนกัดฟัน ตะโกนใส่ซูเฉินว่า “ไอ้หนู ฉันไม่สนหรอกนะว่าภูมิหลังแกเป็นมายังไง แต่ตราบใดที่แกกล้าทำร้ายคนของพวกเรา หอการค้าถงฟู่จะไม่มีวันยอมรามือ แกจะไม่ได้พบจุดจบที่ดีแน่นอน!”

“อ้องั้นหรอ?”

ซูเฉินแค่นลมหายใจเย็นชา เพิ่มแรงกระทันหัน ได้ยินเพียงเสียง ‘กริ๊ก’ กระดูกคอของชายหัวล้านหัก ศีรษะคล้อยตกลง

ซูเฉินโยนร่างอีกฝ่ายทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ชายหัวล้านกระแทกลงกับพื้น มีสภาพเหมือนหมูตาย

“นี่แกกล้าฆ่าเขาจริงๆ!?” ชายหัวแบนสั่นสะท้านด้วยความกลัว หยาดเหงื่อเย็นผุดพรายจากหน้าผากเขา

สือต้าหนิวในรถ ก็แสดงสีหน้าตกใจอย่างไม่อาจอธิบายได้เช่นกัน

คนของหอการค้าถงฟู่มิใช่ตัวตนธรรมดา ซูเฉินเอ่ยปากว่าฆ่าก็ฆ่าเลยได้อย่างไร? เขาไม่กลัวการแก้แค้นหลังจากที่เข้าสู่เมืองจิงกังหรือ?

นอกจากนี้ ในใจสือต้าหนิวยังเกิดความสงสัย เพราะเมื่อครู่ดูเหมือนซูเฉินจะไม่ได้ใช้พลังจิต เป็นไปได้ไหมว่าเขาคือผู้วิวัฒนาการที่ทรงพลังเช่นกัน?

“เดี๋ยวแกก็ได้ตายตามมันไป จะได้หยุดพล่ามไร้สาระซักที”

ซูเฉินหันกลับมามองชายหัวแบน ก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ

“อย่าเข้ามา .. ” ชายหัวแบนสั่นสะท้าน ชักฝีเท้าถอยอย่างลนลาน

ทุกครั้งที่ซูเฉินก้าวไปข้างหน้า หัวใจเขาจะกระตุกวูบอย่างแรง

เมื่อระยะห่างสั้นลง เขาก็ทนต่อแรงกดดันไม่ไหว ใต้ฝ่าเท้าเจิ่งนองด้วยของเหลวเหม็นคาวเป็นแอ่ง

“ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ ฉันจะมอบหินพลังงานทั้งหมดที่พกติดตัวให้ .. และยกรถฐานทัพนี้ให้คุณด้วย” ชายหัวแบนถอยจนหลังพิงรถฐานทัพ อ้อนวอนขอความเมตตา

ซูเฉินไม่หวั่นไหว ก้าวเข้าใกล้ชายหัวแบนทีละก้าว

จะฆ่าหนึ่งคน หรือฆ่าสองคนก็เหมือนกัน เขาจะไม่มีวันปล่อยคู่ต่อสู้ไป

ทว่าหลังจากสายตาหันไปเห็นรถฐานทัพอย่างไม่ตั้งใจ จู่ๆสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เอ่ยงึมงำ “นี่มันรถฐานทัพของหวู่หยางไม่ใช่หรอ?”

เขาจดจำได้อย่างชัดเจน ในวันนั้นหลี่เหลียงขับรถฐานทัพด้วยความตื่นตระหนก จนเผลอชนกับก้อนหินใหญ่ ทำให้รถเกิดความเสียหาย

เลยมีรอยบุ๋มขนาดใหญ่อยู่ตรงตัวถังหน้าของรถ

และซูเฉินยังพบว่า รถฐานทัพคันนี้มาจากสถานชุมชนเทียนหนาน ข้อมูลทั้งหมดบ่งชี้ว่า รถฐานทัพคันนี้น่าจะเป็นพาหนะของหวู่หยาง

แต่ทำไมมันถึงได้มาปรากฏอยู่ในมือของพวกหอการค้าถงฟู่?

เป็นไปได้ไหมว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับหวู่หยางและคนอื่นๆ?

เช่นนั้นแล้วตันหลินเล่า?

ซูเฉินไม่กล้าคิดเรื่องนี้อีกต่อไป กระชากผมชายหัวแบนเข้ามาใกล้ ตวาดใส่ว่า “แกได้รถฐานทัพคันนี้มาจากที่ไหน!?”