Ep.809

“นี่เจ้าคิดจะฆ่าพวกเรา?”

สัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าของซูเฉิน ฉีมู่เสวี่ยตกใจจนร้องอุทานออกมา

อู๋หยาจื่อและคนอื่นๆก็ตกใจเช่นกัน เพราะหากซูเฉินฆ่าสองพี่น้องคู่นี้ วันหน้ายามเข้าสู่มิติภายนอก คงมิแคล้วต้องเผชิญกับการไล่ล่าอย่างไม่หยุดหย่อน

“ข้าสามารถมอบหุ่นเชิดระดับเทวะเป็นการแลกเปลี่ยนได้!”

ฉีมู่อวี้ชั่งใจอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายกัดฟันกล่าว

ดวงตาของซูเฉินเปล่งประกายขึ้นมาทันที คุณค่าของหุ่นเชิดระดับเทวะชัดเจนในตัวมันเอง

หากอีกฝ่ายสามารถนำหุ่นเชิดระดับเทวะออกมาได้จริง ซูเฉินจะยอมปล่อยไป

“ขอฉันตรวจดูคุณภาพของหุ่นเชิดระดับเทวะที่ว่าก่อน”

ซูเฉินครุ่นคิดพักหนึ่ง ก่อนเอ่ยออกมาอย่างช้าๆ

ต่อให้เป็นระดับเทวะ แต่หุ่นเชิดก็มีทั้งดีและไม่ดี หากที่อีกฝ่ายมอบหุ่นเชิดที่ชำรุดเสียหายมา เกรงว่าเขาคงเป็นฝ่ายขาดทุนอย่างหนัก

“ไม่มีปัญหา”

ฉีมู่อวี้เปิดถุงเก็บสมบัติด้วยความเจ็บปวด จากนั้นหยิบหุ่นเหล็กขนาดเท่าฝ่ามือออกมา วางลงต่อหน้าซูเฉิน

นี่น่ะเหรอหุ่นเชิดระดับเทวะ?

จะล้อกันเล่นรึเปล่า?

หุ่นเชิดในมือของฉีมู่อวี้ ถ้าบอกว่าเป็นของเล่นน่าจะเหมาะกว่า เหตุผลก็คือมันมีขนาดเล็กเกินไป ไม่เห็นจะมีรูปร่างเข้ากับสถานะหุ่นเชิดระดับเทวะอันน่าเกรงขามเลย

ซูเฉินเหลือบมองมัน แต่ในหัวใจเขากลับเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย

หุ่นเชิดตัวนี้แม้เล็กไปหน่อย ทว่าก็มีความคล้ายคลึงกับหุ่นเชิดทองคำที่เขาได้รับมาจากดินแดนที่ถูกทอดทิ้งอยู่หลายส่วน

หรือว่ามันจะมาจากจักรวรรดิจักรกล?

คิดได้แบบนี้ ซูเฉินลอบติดต่อ [รถศึกอัจฉริยะ] อย่างลับๆ ส่งคำถามผ่านความคิด “เสี่ยวจือ ลองสแกนหุ่นตัวนั้นที นายพอจะสัมผัสได้ว่ามันมาจากเผ่าจักรกลของนายไหม?”

[รถศึกอัจฉริยะ] แม้เกิดจากการดรอปชิ้นส่วน แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นเผ่าจักรกล ดังนั้น หากพบเจอเผ่าพันธุ์เดียวกัน ก็น่าจะสัมผัสถึงกันได้

“เจ้านาย เขามาจากเผ่าจักรกลจริงๆ อีกทั้งฉันยังรู้สึกได้ว่าเขาทรงพลังมาก ไม่ด้อยไปกว่าเหล่าตี๋เลย” [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบกลับอย่างมั่นใจ

ซูเฉินรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

เหล่าตี๋ในที่นี้หมายถึงหุ่นเชิดทองคำ ซึ่งหุ่นเชิดทองคำอย่างน้อยก็เป็นหุ่นเชิดระดับเทวะขั้น 1

หากรถศึกเอ่ยปากว่ามันไม่ด้อยไปกว่ากัน แสดงว่าเจ้าตัวนี้ก็น่าจะเป็นระดับเทวะขั้น 1 ด้วยถูกไหม?

แต่ไม่ว่ามันจะมีกี่ขั้น ขอแค่แน่ใจว่ามาจากเผ่าจักรกล เท่านี้ก็พอแล้ว

“เอาหุ่นเชิดมาให้ฉัน” ซูเฉินกล่าวเบาๆ

ฉีมู่อวี้ไม่คิดมากความ โยนหุ่นเชิดให้ซูเฉินด้วยความรวดร้าว

ใครจะทันคิด ว่าซูเฉินไม่แม้จะตรวจสอบดู แค่ยัดมันลงในถุงเก็บของโดยตรง จากนั้นหันมาถามว่า “แกไปเอาหุ่นเชิดตัวนี้มาจากที่ไหน?”

“ข้าได้รับมาจากซากปรักหักพังท่ามกลางมิติภายนอก” ฉีมู่อวี้ตอบกลับ

“แสดงว่าที่พวกแกมายังทวีปเผ่าเอลฟ์ เพราะต้องการเข้าร่วมงานประมูลในเมืองเยว่กวง เพื่อประมูลเอาหัวใจจักรกลมาสินะ”

ซูเฉินพยักหน้ายืนยันว่าความคิดเขาน่าจะถูกต้อง จากนั้นลองเลียบเคียงถาม

ฉีมู่อวี้รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างแฝงในคำพูดของซูเฉิน แต่ไม่ทราบว่าในหัวเขาคิดเรื่องอะไรอยู่ จึงกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ใช่ พวกข้ามีเจตนาเช่นนั้น”

ฉีมู่อวี้ว่าจบ รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความหมายอันลึกล้ำปุดขึ้นบนมุมปากของซูเฉิน หันมากล่าวว่า “ในเมื่อแกคิดประมูลหัวใจจักรกล ก็แสดงว่าต้องมีสมบัติบางอย่างที่มีมูลค่าเท่ากันอยู่กับตัวถูกไหม? ไหนลองเอามันออกมาให้ฉันดูซิ”

ทันใดนั้นฉีมู่อวี้ถึงค่อยตระหนัก ว่าที่แท้ซูเฉินก็มีความคิดเช่นนี้

อย่างที่ซูเฉินกล่าว ในตัวเธอมีสมบัติล้ำค่าอยู่จริง คุณค่าของมันเทียบได้เลยกับหัวใจจักรกล

กระนั้น เธอไม่อยากนำมันออกมา

เพราะหากนำมันออกมา ซูเฉินจะต้องปล้นมันไปอย่างแน่นอน

เธอยอมยกหุ่นเชิดระดับเทวะให้แล้ว หากของในมือหายไปอีกชิ้น เกรงว่าคงเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่

เห็นฉีมู่อวี้ลังเล ซูเฉินยิ้มเยาะในใจ จากนั้นปลดปล่อยพลังจิตออกมาพันธนาการร่างฉีมู่เสวี่ยเอาไว้ ฉกมือเข้าบีบคอเธอ เอ่ยข่มขู่ว่า “นำของที่ว่านั่นออกมา ไม่งั้นฉันจะฆ่ามันซะเดี๋ยวนี้!!”

 

Ep.810

“นี่เจ้า ..!”

ฉีมู่อวี้ทั้งตกใจทั้งโกรธจัด สองมือกำแน่น

แต่ถึงแม้ความโกรธของเธอจะถึงขีดสุดแล้ว เจ้าตัวก็ยังไม่กล้าลงมือ

หนึ่งคือเธอไม่สามารถเอาชนะซูเฉินได้

สอง คือหากเธอเคลื่อนไหว คนแรกที่ตายย่อมไม่พ้นฉีมู่เสวี่ย

“ฉันจะให้เวลาแกสามลมหายใจ ถ้ายังไม่นำมันออกมา ฉันจะลงมือ”

สีหน้าของซูเฉินเย็นชา พร้อมเพิ่มแรงบีบขึ้นเล็กน้อย ฉีมู่เสวี่ยตาเหลือกทันที

“หยุดนะ! ข้ายอมมอบให้เจ้าแล้ว!”

เธอทนดูไม่ได้ที่เห็นฉีมู่เสวี่ยถูกทรมาน ตะโกนอย่างร้อนใจ

“ฉันแค่ล้อเล่นหรอกน่า ไม่เห็นต้องตื่นเต้นขนาดนั้นเลย”

ซูเฉินหัวเราะเบาๆ ก่อนผ่อนแรง กางมือยื่นไปทางเบื้องหน้าฉีมู่อวี้ กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ส่งมันมาสิ”

ฟันของฉีมู่อวี้กระทบกันดังกึกๆด้วยความเกลียดชัง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่จ้องเขม็งซูเฉินด้วยประกายตาดุร้าย เพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังไม่พอใจ จากนั้นหยิบขวดของเหลวที่มีแสงสีเขียวออกมาจากถุงเก็บของ ส่งถึงมือซูเฉิน

“นี่มันอะไรกัน?”

ซูเฉินเพ่งมองอย่างตั้งใจ เอ่ยถามเสียงเบา

“นี่คือขวดของเหลวแก่นชีวิต” ฉีมู่อวี้ถอนหายใจ อธิบายว่า “ของเหลวแก่นชีวิตไม่เพียงสามารถช่วยเพิ่มอายุขัยได้ แต่ยังมีคุณสมบัติช่วยรักษาอาการบาดเจ็บ กระทั่งมีผลช่วยในการนำคนตายกลับมาอีกด้วย!”

ได้ยินแบบนั้น การแสดงออกทางสีหน้าของซูเฉินแปรเปลี่ยนไปทันที

หากคุณสมบัติของของเหลวแก่นชีวิตไม่ใช่เรื่องโกหก มูลค่าของมันเทียบได้เลยกับแก่นผลึกที่ได้มากหลี่เหลียง

คนอื่นๆต่างก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอู่หยาจื่อและหลีกุยหยาง อายุขัยของพวกเขาไม่มากนัก ดังนั้นเข้าใจถึงคุณค่าของเหลวแก่นชีวิตเป็นอย่างดี

ซูเฉินผ่อนลมหายใจอย่างช้าๆ ใส่ขวดของเหลวแก่นชีวิตลงใน [พื้นที่เพาะปลูก] แล้วสื่อสารกับต้นผลอายุวัฒนะ

“เสี่ยวโซ่ว นายรู้ไหมว่าของเหลวแก่นชีวิตคืออะไร?”

“ของเหลวแก่นชีวิตคือน้ำผลไม้ที่เกิดจากต้นไม้แห่งชีวิต” ต้นผลอายุวัฒนะตอบอย่างรวดเร็ว

น้ำผลไม้ของต้นไม้แห่งชีวิต?

ดวงตาของซูเฉินเป็นประกาย รีบกล่าวว่า “นายแน่ใจนะ ว่าของเหลวในขวดเป็นอย่างที่ว่าจริงๆ?”

ต้นผลอายุวัฒนะเปิดขวด ทันใดนั้นกลิ่นอายแห่งชีวิตอันเข้มข้นแพร่กระจายออกมา

“เจ้านาย นี่คือน้ำผลไม้ของต้นไม้แห่งชีวิตไม่ผิดแน่” ต้นผลอายุวัฒนะกล่าวด้วยความตื่นเต้น

ได้รับคำตอบที่ดี ซูเฉินปิด [พื้นที่เพาะปลูก] หันไปพูดกับฉีมู่อวี้ว่า “แกได้ของเหลวแก่นชีวิตมาจากที่ไหน?”

เนื่องจากของเหลวนี้เดิมคือน้ำผลไม้ของต้นไม้แห่งชีวิต ขณะเดียวกันต้นไม้แห่งชีวิตได้หายไป ดังนั้นสองเรื่องนี้เลยอาจมีความเกี่ยวข้องกัน

“ของเหลวแก่นชีวิตพวกเราได้รับมาจากท่านบรรพชน” ฉีมู่อวี้กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

เดิมพวกเธอมาถึงทวีปเผ่าเอลฟ์ ก็เพื่อต้องการประมูลหัวใจจักรกล ไม่คาดหวังเลย ว่าไม่เพียงพลาดหัวใจจักรกล แต่กระทั่งนกสำรวจ , หุ่นเชิดระดับเทวะ หรือกระทั่งของเหลวแก่นชีวิตยังถูกซูเฉินแย่งไป นี่ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก

“เอาล่ะ ของก็มอบให้หมดแล้ว ทีนี้จะปล่อยพวกเราไปได้รึยัง?” ฉีมู่เสวี่ยเอ่ยถามด้วยความเย็นชา

ได้รับหุ่นเชิดระดับเทวะกับของเหลวแก่นชีวิตขวดหนึ่ง ซูเฉินพอใจมากแล้ว

อย่างไรก็ตาม เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยพวกเธอจากไปเฉยๆ

“เรื่องปล่อยพวกแกไปน่ะไม่มีปัญหา แต่ก่อนหน้านั้น พวกแกต้องสาบานต่อสวรรค์ก่อน ว่านับจากนี้ไปห้ามคิดทำร้ายฉันอีก!” ซูเฉินกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกตระกูลฉีแก้แค้นในอนาคต เขาต้องให้สองพี่น้องคู่นี้สาบาน ซึ่งยิ่งมีระดับฐานฝึกตนสูงเท่าไหร่ อำนาจพูดมัดก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น

ฉีมู่เสวี่ยแทบจะเป็นบ้า เดิมที เธอวางแผนว่าหลังจากกลับไปยังตระกูล จะนำตัวยอดฝีมือมาจัดการกับซูเฉิน

กระนั้น หากเอ่ยคำสาบานออกไป แผนการทั้งหมดคงล้มเหลว และคงทำได้แค่เก็บความคับข้องนี้ไว้ในใจ ซึ่งเธอยอมไม่ได้จริงๆ