1/10

Ep.691

“ผู้อาวุโส โปรดมั่นใจ ตราบใดที่ท่านสัญญาว่าจะติดตามผม ไอ้จี้ชางจื่อนั่น ผมจะช่วยท่านฆ่ามันเอง!” ซูเฉินกล่าวยืนยัน

แม้ปัจจุบันเขาจะอยู่แค่ขั้น 8 แต่ทันทีที่เขาก้าวเข้าสู่ระดับเทวะ  ย่อมไม่มีอุปสรรคใดในการฆ่าจี้ชางจื่อ

อีกทั้งเขาคือคนที่สามารถยกระดับได้โดยการเก็บชิ้นส่วน ไม่ช้าก็เร็วย่อมสามารถเลื่อนขั้นขึ้นเป็นระดับเทวะ

‘สังหารระดับเทวะ?’

อู๋หยาจื่อตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่ไม่นานก็ได้สติกลับมา

ด้วยพรสวรรค์ในการฝึกตนและกำลังรบของซูเฉินที่เหนือกว่าในขั้นเดียวกัน อย่าว่าแต่ระดับเทวะเลย ขอแค่เขาเลื่อนขั้นเป็นเสมือนเทวะ ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะเอาชนะจี้ชางจื่อได้แล้ว

คิดได้แบบนี้ อู๋หยาจื่อก็รู้สึกระปรี้กระเปร่าในใจ ตะโกนอย่างไม่ลังเล “ข้าสัญญาว่าจะติดตาม คอยช่วยเหลือเคียงข้างเจ้า!”

ซูเฉินรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ทว่าสีหน้าของเขายังคงสงบ หลังจากครุ่นคิดพักหนึ่ง ก็เอ่ยเบาๆว่า “ผู้อาวุโส ต่อให้ท่านเอ่ยปากสัญญาแล้วก็จริงๆ แต่ยังไงก็ต้องให้คำสาบานก่อน”

ท้ายที่สุดแล้วอู๋หยาจื่อคือเสมือนเทวะ หากไม่ใช้ศิลาปฏิญาณ เขาไม่กล้าเสี่ยงที่จะปล่อยไว้ข้างกาย

สำหรับเรื่องนี้ อู๋หยาจื่อเองก็พอเข้าใจได้

ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากสาบาน ซูเฉินได้หยิบศิลาปฏิญาณออกมา ขัดจังหวะเขา “ผู้อาวุโส ผมอยากให้ท่านสาบานต่อหน้ามัน”

“ศิลาปฏิญาณ?”

อู๋หยาจื่อประหลาดใจมากที่กระทั่งสิ่งนี้ซูเฉินก็ยังมี ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง ก่อนเผยยิ้มขมขื่นและกล่าวว่า “ดูเหมือนเจ้าจะสนใจในตัวเราผู้เฒ่ามานานแล้วสินะ”

“ผู้อาวุโสพูดเกินจริงไปแล้ว”

ซูเฉินยิ้ม ไม่ยอมรับ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธเช่นกัน

“งั้นก็ได้” อู๋หยาจื่อถอนหายใจ เรื่องมันมาถึงจุดนี้แล้ว และไม่มีทางเลือกที่ดีกว่า เขาจึงยอมสาบานด้วยความเต็มใจต่อหน้าศิลาปฏิญาณ

ซูเฉินเก็บศิลาปฏิญาณ มุมปากกลับผุดยิ้มด้วยความสุข

เดิมที จุดประสงค์ของการเดินทางในครั้งนี้ ก็เพื่อสร้างจิตจำลองจากต้นผลจำลองจิต แต่ไม่นึกเลยว่าจะได้รับเสมือนเทวะเข้าเป็นพรรคพวก เป็นโชคดีที่คาดไม่ถึงจริงๆ

“ซูเฉิน ข้าได้เอ่ยคำสาบานแล้ว ถึงตาเจ้าแสดงของที่เคยบอกแล้วกระมัง?” อู๋หยาจื่อย้ำเตือน

ซูเฉินได้สติ ยิ้มและกล่าวว่า “ผู้อาวุโส โปรดรอสักครู่”

สิ้นเสียง เขาเปิด [พื้นที่สัตว์เลี้ยง] หยิบเอาผลอายุวัฒนะออกมา แล้วยื่นถึงมืออู๋หยาจื่อ

“นี่มันผลไม้อะไร?” สัมผัสได้ว่าผลไม้ในมือกำลังแผ่คลื่นพลังงานที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายแห่งชีวิต อู่หยาจื่อตะลึงงัน

“มันเรียกว่าผลอายุวัฒนะ รับประทานหนึ่งผลสามารถต่ออายุขัยได้นานถึงสิบปี” ซูเฉินอธิบายด้วยรอยยิ้ม

“10 ปี?”

อู๋หยาจื่อสูดหายใจลึก ยากที่จะเก็บซ่อนความตื่นเต้น  สองมือกำแน่น

แม้ 10 ปีจะไม่นาน แต่ตราบใดที่เขาสามารถหายจากอาการบาดเจ็บได้ภายใน 10 ปี ย่อมสามารถหวนคืนสู่ระดับเทวะได้ และขีดจำกัดอายุขัยก็จะฟื้นฟูขึ้นเป็นอย่างมาก

“ซูเฉิน ขอบคุณเจ้าจริงๆ!” อู๋หยาจื่อกล่าวด้วยความซาบซึ้งจากหัวใจ

ซูเฉินทำตามคำพูดจริงๆ มอบผลอายุวัฒนะหนึ่งผลแก่เขา นี่ไม่ต่างจากการมอบชีวิตที่สองให้เขา

“ผู้อาวุโสสุภาพเกินไปแล้ว”

ซูเฉินยิ้ม และรีบย้ำเตือนทันทีว่า “ผู้อาวุโส ทางที่ดีควรกินผลอายุวัฒนะให้เร็วที่สุด ”

ต้นผลอายุวัฒนะเคยบอกว่าหากเก็บมันไว้ใน [พื้นที่เพาะปลูก] ย่อมไม่มีปัญหาใดๆ แต่หากปล่อยทิ้งไว้ภายนอก ประสิทธิภาพของมันอาจลดลงไปตามระยะเวลา

อู๋หยาจื่อได้สติ กลืนผลอายุวัฒนะทั้งลูกลงไปในไม่กี่คำ

ไม่นาน ผิวของเขาก็เริ่มเปล่งปลั่งแดงเรื่อ ตามเนื้อตามตัวปลดปล่อยพลังชีวิตกระปรี้กระเปร่าออกมา

“ช่างน่าอัศจรรย์นัก!”

รู้สึกได้ถึงสภาพร่างกายของตนที่ค่อยๆดีขึ้น อู๋หยาจื่อถอนหายใจด้วยอารมณ์

ซูเฉินมองสำรวจอู๋หยาจื่อ ถูจมูกตัวเอง กล่าวเบาๆว่า “ผู้อาวุโส พอจะมอบต้นผลจำลองจิตให้ผมได้หรือยัง?”

“มันอยู่ในกระท่อม แต่ผลไม้บนต้นข้ากินไปหมดแล้ว”

อู๋หยาจื่อเสยนิ้วโป้ง ชี้ไปทางกระท่อมมุงจากเบื้องหลังเขา กล่าวด้วยน้ำเสียงเจือขอโทษ

ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของซูเฉินหมองลง เพราะหากต้องการแยกจิตจำลอง จะต้องมีผลจำลองจิตสิบผล จะขาดอันใดอันหนึ่งไปไม่ได้เด็ดขาด

โชคยังดีที่เขามี [อุปกรณ์เร่งเวลา] อยู่ในมือ หากได้รับการติดตั้งหินพลังงานคุณภาพสูงลงไป  ก็น่าจะสามารถเก็บเกี่ยวผลไม้ได้ในระยะเวลาอันสั้น

2/10

Ep.692

คิดได้แบบนี้ ซูเฉินระบายลมหายใจด้วยความโล่งอก เดินตรงเข้าไปในกระท่อมมุงจาก

ดังคาด ภายในห้องมีต้นไม้สีฟ้าสูงประมาณครึ่งเมตร มันปลดปล่อยคลื่นความผันผวนของพลังจิตออกมาตลอดเวลา

หลังจากได้รับคำยืนยันจากต้นผลอายุวัฒนะ ว่ามันคือต้นผลจำลองจิต ซูเฉินก็นำมันเข้าไปใน [พื้นที่เพาะปลูก] ด้วยความปิติยินดี

หลังจากนั้น เขาก็เดินออกจากกระท่อมมุงจาก มาหยุดข้างกายอู๋หยาจื่อ กวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วถามว่า “ผู้อาวุโส มิติแห่งนี้สามารถให้คนอื่นๆอาศัยได้หรือไม่?”

เมื่อพิจารณาว่าในอนาคตต้องเข้าสู่มิติท้ารบ ซึ่งหวู่หยางและคนอื่นๆไม่สามารถอยู่ข้างกายได้ หากมิติแห่งนี้สามารถใช้อยู่อาศัย ก็จะได้พาพวกเขามาอยู่ที่นี่ จะได้ไม่ต้องกังวลใจ

อู๋หยาจื่อตอบ “แม้มิติสันโดษแห่งนี้จะเป็นสิ่งประดิษฐ์เทวะชั้นยอด แต่มันไม่สมบูรณ์ ยังขาดวัสดุบางอย่าง แม้การพักอาศัยอยู่ที่นี่ในระยะเวลาสั้นๆจะไม่เป็นปัญหา แต่ข้าเกรงว่ามันจะไม่อาจทำงานได้เป็นเวลานาน”

“ความหมายของผู้อาวุโสก็คือ ขอแค่หาวัสดุที่จำเป็นมาได้ ท่านก็จะสามารถปรับแต่งมิติแห่งนี้ ให้สามารถพักอาศัยได้นานขึ้นถูกไหม?” ซูเฉินลองเลียบเคียงถามดู

อู๋หยาจื่อพยักหน้า ตอบอย่างมั่นใจว่า “ใช่”

สีหน้าของซูเฉินแปรเปลี่ยนไป เอ่ยต่อว่า “ถ้าอย่างนั้นท่านต้องการอะไรบ้าง?”

ความสำคัญของมิติสันโดษชัดเจนในตัวมันเอง ซูเฉินตั้งใจว่าก่อนเข้าสู่มิติท้ารบ เขาต้องรวบรวมวัสดุที่มันต้องการให้ได้

“หากให้พูดแล้ว วัสดุหลายชิ้นสามารถหาซื้อได้ในร้านค้าใหญ่ แต่มีอยู่สองสิ่งที่ล้ำค่าเป็นพิเศษ เลยยากนักที่จะค้นพบ”

อู๋หยาจื่อกล่าวถึงจุดนี้ก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นกล่าวว่า “หนึ่งคือดินจักรพรรดิ อีกหนึ่งคือสิ่งชั่วร้ายอย่างศพของพืชปีศาจ”

ได้ยินแบบนั้น หัวใจของซูเฉินเต้นระรัว รีบนำศพของต้นผลกำเนิดมารออกมา แล้วเอ่ยถามว่า “ผู้อาวุโส เจ้าสิ่งนี้พอใช้ได้ไหม?”

อู๋หยาจื่อเพ่งสำรวจอย่งาตั้งใจ ก่อนกล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “นี่คือศพของต้นผลกำเนิดมาร? ได้สิ! ได้แน่นอน!”

ว่าจบ เขาก็มองมาทางซูเฉินด้วยอาการเหม่อลอย

ซูเฉินยังเยาว์ ในด้านกำลังรบและพรสวรรค์ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง ไหนจะมีสมบัติมากมายในตัว กระทั่งสิ่งชั่วร้ายอย่างพืชปีาจก็ยังมี เป็นอีกครั้งที่ซูเฉินทำให้เขาคาดไม่ถึง

“ผู้อาวุโส แล้วดินจักรพรรดิคืออะไร?” ซูเฉินถามต่อ

“ดินจักรพรรรดิแท้จริงแล้วเป็นดินชนิดหนึ่ง แต่มันไม่ใช่ดินธรรมดา เพราะอุดมไปด้วยแร่ธาตุ ไม่เพียงแต่สามารถใช้ปรับปรุงคุณภาพดินในมิติเท่านั้น แต่ยังเอื้อประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของพืชวิญญาณอีกด้วย” อู๋หยาจื่ออธิบาย

ซูเฉินลองนึกดู และพบว่า [พื้นที่เพาะปลูก] ก็เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของพืชเช่นกัน ดังนั้นดินข้างในก็น่าจะมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับดินจักรพรรดิใช่หรือไม่?

คิดได้แบบนี้ เขาเปิด [พื้นที่เพาะปลูก] แล้วขุดดินกองเล็กๆออกมาจากข้างใน วางลงเบื้องหน้าอู๋หยาจื่อ

“ผู้อาวุโส รบกวนลองตรวจสอบดินพวกนี้ดู คิดว่าเป็นอย่างไร?”

“กระทั่งดินจักรพรรดิเจ้าก็ยังมี?”

อู๋หยาจื่อมองแว่บเดียว ก็ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ

“เป็นดินจักรรดิจริงๆหรือ?”

ซูเฉินเองก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน เมื่อได้รับคำยืนยันว่าดินใน [พื้นที่เพาะปลูก] คือดินจักรพรรดิจริงๆ นั่นหมายความว่าวัสดุดิบหลักทั้งสองสำหรับการซ่อมแซมมิติสันโดษมีครบแล้ว หากหาซื้อวัสดุอีกเล็กๆน้อยๆ ก็จะสามารถปรับมิติให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์

“ซูเฉิน แม้นี่คือดินจักรพรรดิจริงๆก็ตาม แต่เจ้าสิ่งนี้ … เกรงว่าจะยังไม่เพียงพอ” อู๋หยาจื่อได้สติกลับมา

ทว่าวิธีนี้แก้ปัญหาได้ง่ายๆโดยการขุดดินจาก [พื้นที่เพาะปลูก] ออกมาเพิ่ม

ต่อให้ต้องขุดออกมาเป็นตันก็ไม่ใช่ปัญหา ถ้ายังไม่พอ ก็ใช้ [อัญมณีอัพเกรด] อัพเกรดมัน จะได้เพิ่มปริมาณดินมากขึ้น

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ปัญหานี้ซูเฉินไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย

อู๋หยาจื่อลองคำนวณดู และกล่าวว่า “น่าจะต้องใช้ซัก 10 จิน”

“แค่ 10 จินเองหรือ?”

ซูเฉินส่ายหัว ก่อนหน้านี้เขาเห็นสีหน้าของอู๋หยาจื่อ ก็หลงนึกว่าจะเยอะ แต่นี่แค่ 10 จิน ไม่ต่างจากขนเส้นเดียวบนตัววัว

ซูเฉินขุดดิน 20 จินออกมาทันที ส่งตรงถึงมืออู๋หยาจื่อ