Ep.687

ฝ่ามือของซูเฉินเปล่งประกายไปด้วยแสงสีทองจางๆ ในเวลาเดียวกันพลังแห่งจิตวิญญาณกระจายออกไปด้านนอก เพิ่มชั้นป้องกันให้แก่ตนเอง

สุดท้าย เขายังนำ [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋] ออกมา ควบคุมให้ลอยอยู่เบื้องหน้า

หลังจากทำทั้งหมดนี้เสร็จสิ้นแล้ว

ซูเฉินก็มองไปทางอู๋หยาจื่อ เผยรอยยิ้มบาง “ผู้อาวุโส เชิญลงมือเถอะ!”

“เจ้ายกระดับขึ้นเป็นขั้น 9 ได้จริงๆ!”

อู่หยาจื่อเดาะลิ้น สีหน้าเริ่มแสดงถึงความหวั่นไหว

ในตอนแรก เขาตระหนักได้อย่างชัดเจน ว่าซูเฉินมีฐานฝึกตนอยู่ขั้น 7

แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายใช้กลวิธีใด ถึงสามารถเลื่อนเป็นขั้น 8 ได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นใช้วิชาเปลี่ยนร่าง ยกฐานฝึกตนสูงขึ้นอีก 1 ขั้น แถมยังมีสิ่งประดิษฐ์เทวะ

อาจกล่าวได้เลยว่า ซูเฉินในตอนนี้ นอกจากระดับเทวะแล้ว ไม่มีใครสามารถฆ่าเขาได้อีกต่อไป

“ยอดเยี่ยม เราผู้เฒ่าเองก็จะลงมือด้วยกำลังทั้งหมดที่มี!” ใบหน้าของอู๋หยาจื่อฉายแววตื่นเต้น

สิ้นเสียง เขาฟาดไปข้างหน้าด้วยฝ่ามือเดียว

เห็นแค่เพียงกระแสแสงดวงดาราทอประกายระยิบระยับ กวาดออกไปเบื้องหน้า

ทุกแห่งหนที่มันผ่าน อากาศที่ว่างเปล่าคล้ายถูกบดขยี้ กระเพื่อมเป็นระลอกคลื่น กลิ่นอายน่าสยดสยองแผ่ซ่านไปทุกหนแห่ง ชวนให้ผู้คนที่รู้สึกราวกับโลกกำลังจะพังทลาย

“ช่างเป็นการโจมตีที่น่ากลัวจริงๆ!”

หัวใจของซูเฉินสั่นสะท้าน ควบคุม [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋] มาบังไว้เป็นปรากฏชั้นแรกอย่างไม่ลังเล

วินาทีถัดมา กระแสดาราก็กระแทกเข้ากับ [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋]

ในพริบตานั้นเอง ได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหว พอมองไปยังจุดกำเนิดเสียง จะพบว่าลำแสงห้าสายของ [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋] แตกกระจาย

ภูเขาขนาดย่อมสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง สุดท้ายถูกปะทะกระเด็นไกลออกไป

ขณะเดียวกัน กระแสดวงดารายังคงโถมเข้าบดขยี้ซูเฉิน ม่านพลังจิตที่ขวางทางในด่านต่อมาถูกทำลายลงทันที ก่อนที่มันจะปะทะกับด่านต่อไป

ในมือของซูเฉินกุมดาบสงครามสีดำสนิทเอาไว้ก่อนแล้ว มันถูกชูด้วยสองแขน ง้างสับตัดอากาศลงมา

แทบจะในทันที บังเกิดห้วงสายฟ้าปลาบแปลบ กระแสคลื่นสีฟ้าระเบิดออกมา โถมเข้าชนกระแสดวงดารา

บังเกิดเสียงสายฟ้าคะนอง กระแสคลื่นสีฟ้าถูกทำลายลงในคราเดียว มิอาจหยุดยั้งอำนาจสังหารจากกระแสดาราได้

แต่เมื่อเห็นฉากนี้ ซูเฉินกลับไม่กังวลเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป นั่นเพราะเขารับรู้ได้อย่างชัดเจน ว่าอำนาจที่แฝงอยู่ในกระแสดวงดารามันลดทอนลงกว่าครึ่งแล้ว หากเทียบกับในตอนแรก ไม่มีทางก่อภัยคุกคามแก่เขาได้อีก

อย่างไรก็ตาม ซูเฉินไม่คิดประมาท [หมัดดาวตก] ถูกซัดออกไปทันที

ปั๊ก ปั๊ก ปั๊ก ปั๊ก ..!

ภายใต้เสียงกระทั้นดังกึกก้อง แสงสีทองถูกกลืนลงไปในแสงดาว ทว่าอำนาจที่อยู่ภายในของมัน ลดทอนลงอีกหนึ่งส่วน

ในจังหวะนี้ ซูเฉินไม่ถอยแต่รุกคืบ รวบรวมพลังแห่งจิตวิญญาณห่อหุ้มไว้บนมือ กระโจนเข้าหากระแสดารา

“นั่นเขาคิดจะทำอะไร?”

อู๋หยาจื่อตื่นตกใจ แต่ในเวลานั้นเอง เขาก็พบว่าซูเฉินเอื้อมมือคว้ากระแสดวงดาราเอาไว้ แล้วออกแรงบีบทันควัน

บรึ้มมมมม !!

กระแสดวงดาราอันท้วมท้น ระเบิดคามือซูเฉิน

“โอ้สวรรค์!”

เห็นภาพนี้ อู๋หยาจื่อลมหายใจย้อนกลับ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจอย่างหาที่เปรียบมิได้

ควรรู้ไว้นะว่า การโจมตีในครั้งนี้ของเขา ไม่ได้ออมมือแม้แต่น้อย นี่มิใช่เป็นเพียงการโจมตีอย่างเต็มรูปแบบของเสมือนเทวะเท่านั้น แต่ยังแฝงไปด้วยพลังแห่งดวงดาราที่ถูกปลุกขึ้น ถือได้ว่าเป็นไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาเลยทีเดียว

อำนาจนี้ กระทั่งระดับเทวะขั้นแรกยังต้องถอยหนี

แต่ไม่นึกฝันเลย ว่ามันจะถูกทำลายลงโดยซูเฉินที่มีระดับอยู่แค่ขั้น 9 เท่านั้น

จุดนี้ทำให้อู๋หยาจื่อตื่นตกใจ รู้สึกเหลือเชื่ออย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ภายใต้ผลพวงมหาศาล ซูเฉินปลิวละลิ่วออกไปเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ด้วย [กายาเทพอสูรนิรันดร์] พลังทำลายล้างที่เหลืออยู่ไม่เพียงพอที่จะสร้างความเสียหายแก่เขา

ซูเฉินลุกขึ้นจากพื้นดิน ตบๆปัดๆตามร่างกาย

หากไม่นับสภาพที่มอมแมมของเขาแล้ว เจ้าตัวไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย

Ep.688

“นี่ … !”

เห็นซูเฉินบีบกระแสดวงดาราแหลกคามือ แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย อู๋หยาจื่อกลืนน้ำลายอึกใหญ่ด้วยความยากลำบาก

การแสดงออกทั้งสีหน้าและท่าทางกลายเป็นแข็งทื่อ ใช้เวลาอยู่นาน ถึงค่อยได้สติกลับมา พึมพำกับตัวเอง

“วิชาเปลี่ยนร่าง , สิ่งประดิษฐ์เทวะ ,​วิชาหมัด ทั้งยังเป็นผู้ฝึกตนทุกอาชีพ … และทั้งหมดนี้เกิดจากคนอายุแค่ 17 ปีเท่านั้น!”

อู๋หยานจื่อมิอาจจินตนาการได้เลย ว่าหากซูเฉินในอายุ 17 ปียังทรงพลังขนาดนี้ ยามเมื่อเขาโตขึ้น จะทรงพลังขนาดไหน?

ยิ่งตอนก้าวสู่ระดับเทวะ แล้วทะยานสู่ห้วงจักรวาลอันยิ่งใหญ่ คงมิแคล้วเกิดพายุนองเลือดขึ้นอย่างแน่อน!

“ผู้อาวุโส ผมรับหนึ่งกระบวนท่าของท่านได้แล้ว ข้อตกลงก่อนหน้านี้ยังคงใช้ได้อยู่หรือไม่?”

รอยยิ้มบางผุดขึ้นบนใบหน้าของซูเฉิน ค่อยๆก้าวกลับมาจากที่ไกลๆ

“ข้ายอมรับในความแข็งแกร่งของเจ้าแล้ว แน่นอนว่าข้อตกลงยังคงใช้ได้” อู๋หยาจื่อกล่าวอย่างเคร่งขรึมจริงจัง

ซูเฉินทำผลงานได้ดีกว่าที่เขาคาดไว้มาก แม้แต่เจ้าตัวยังรู้สึกเลยว่า ด้วยพรสวรรค์ของซูเฉิน เรื่องที่จะเลื่อนขั้นเป็นระดับเทวะ เรียกได้เลยว่าแน่นอนชนิดตอกตะปูฝาโลง

การได้ติดตามผู้แข็งแกร่งที่มากพรสวรรค์เช่นนี้ ไม่น่าละอายเลยสักนิดเดียว

ซูเฉินพยักหน้า มุมปากของเขายกโค้งเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความหมาย

“ผู้อาวุโส ในเมื่อผมได้รับการโจมตีของท่านแล้ว เช่นนั้นผู้เยาว์ก็มีกระบวนท่าสังหาร ที่อยากขอคำชี้แนะจากผู้อาวุโสเช่นกัน”

ถูกอู๋หยาจื่อทุบตีจนมีสภาพมอมแมม ซูเฉินอดคับข้องใจไม่ได้ อยากจะใช้โอกาสนี้ระบายอารมณ์

และอีกจุดที่สำคัญกว่านั้นก็คือ อย่างไรเสียอู๋หยาจื่อคือเสมือนเทวะ หากไม่แสดงความแข็งแกร่งให้เห็นเพื่อข่มอีกฝ่าย แล้วอู๋หยาจื่อจะติดตามเขาด้วยความจริงใจได้อย่างไร?

“นี่เจ้าคิดจะลงมือกับข้าหรือ?”

อู๋หยาจื่ออึ้งไปเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ซูเฉินแสดงการป้องกันที่แข็งแกร่งออกมา เช่นนั้นแล้วพลังโจมตีเล่า?

เมื่อลองคิดๆดูแล้ว นี่ก็เป็นสิ่งที่อู๋หยาจื่อตั้งตารอรับชมเช่นกัน เขาตอบตกลงอย่างรวดเร็ว “ว่ากันตามมารยาทแล้ว ควรจะเป็นเช่นนั้น มาเถอะ! แสดงให้เราผู้เฒ่าดู ถึงกลวิธีโจมตีของเจ้า!”

ซูเฉินไม่รีบร้อนลงมือ เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ที่อู๋หยาจื่อเคยเตือนเขา เอ่ยปากว่า “ผู้อาวุโส กระบวนท่านี้ของผม .. ค่อนข้างอันตราย จะดีที่สุดถ้าไม่ประมาท มิฉะนั้นอาจได้รับบาดเจ็บเอาง่ายๆ ”

“ … ” อู๋หยาจื่ออ้าปากค้าง สีหน้ากลายเป็นนิ่งงัน

นี่ผู้ฝึกตนขั้น 9 กำลังเตือนระดับเสมือนเทวะเช่นเขา? แถมยังกังวลว่าเขาจะเจ็บตัว?

อู๋หยาจื่อไร้คำจะกล่าว เหม่อมองซูเฉินอย่างว่างเปล่า ก่อนพยักหน้าและยิ้มรับ “หากเจ้าแน่อย่างที่พูด ก็ลงมือเถอะ! ข้าเองก็จะทำให้ดีที่สุด”

ซูเฉินรู้ว่าอู๋หยาจื่อไม่เชื่อคำพูดเขา จึงตัดสินใจพิสูจน์ให้เห็นด้วยการปฏิบัติจริง

แสงสีม่วงสว่างวาบบนเท้าเขา ซูเฉินก้าวขาวูบไหว พริบตาเดียวปรากฏขึ้นเบื้องหน้าอู่หยาจื่อ

“คิดลอบโจมตีด้วยความเร็วหรือ?”

อู๋หยาจื่อแค่นเสียง ขณะที่กำลังจะลงมือตอบโต้ วิสัยทัศน์ของเขากลับพร่าเลือน

เวลานี้ ซูเฉินที่อยู่เบื้องหน้า จากหนึ่งร่างแยกเป็นสอง จากสองแยกเป็นสี่

พริบตาเดียวภูติเงาทั้งสิบที่มีรูปลักษณ์เหมือนกับร่างจริงของซูเฉินได้ปรากฏขึ้น ล้อมรอบตัวเขาเอาไว้

และที่น่าเหลือเชื่อไปกว่านั้นก็คือ กลิ่นอายของภูติเงาทั้งสิบ พวกเขาล้วนอยู่ในขั้น 9

“นี่มันวิชาเทพเซียนอะไรกัน?”

ท่าทีเฉยเมยบนใบหน้าของอู๋หยาจื่อมลายหายอย่างสิ้นเชิง มันถูกแทนที่ด้วยความประหลาดใจและกดดัน

ณ ตอนนี้ เขารู้สึกได้ถึงจิตสังหารอันเข้มข้นถึงขีดสุด กดดันทั่วร่างเขา แม้เจ้าตัวจะเป็นถึงเสมือนเทวะ  แต่ในใจกลับบังเกิดความคิดว่าอาจตายได้หากไม่ทันระวังตัว

และในตอนนั้นเอง ซูเฉินทั้ง 11 คนก็เริ่มโจมตีพร้อมกัน

ภูติเงา 5 ตนแรกประสานกันปลดปล่อยพลังแห่งจิตวิญญาณ พันธนาการอู๋หยาจื่อเอาไว้อย่างแน่นหนา

ส่วนที่เหลืออีก 5 ตน หนึ่งถือ [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋] แล้วหวดมันลง

ตนหนึ่งกุม [ดาบเสริมมนตรา] แล้วฟาดฟัน

อีก 3 ปลดปล่อยเวทมนต์แต่ละธาตุที่ผสมผสานวัตถุไร้รูปออกมา

ขณะที่ร่างเดิมของซูเฉิน กุมกระบี่ดำชูสูงด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วสับสะบั้นลงไป