7/10

 

Ep.597

 

“กี๊ กี๊!”

 

หลังจากเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่ได้ใช้วิชาต้องห้าม เสียงร้องของเขาเปลี่ยนไปเป็นหวีดแหลม กระโจนเข้าหาซูเฉินดั่งปีศาจสายลม

 

แต่ในเวลานั้นเอง จู่ร่างของซูเฉินก็เริ่มพร่ามัว ต่อมา จากหนึ่งแยกเป็นสอง จากสองแยกเป็นสี่ ชั่วพริบตาเดียว ภูติเงาสิบตนที่เหมือนกับซูเฉินทุกประการปรากฏตัวขึ้น

 

ยังไม่พอ กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาจากแต่ละภูติเงา ไม่แตกต่างจากร่างจริงเลย ทั้งหมดเป็นผู้ฝึกตนเลเวล 8

 

‘นี่มันวิชาลับอันใดกัน!?’

 

ระหว่างเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่พุ่งเข้ามา เขาก็พบว่าตนเองถูกซูเฉิน 11 คนล้อมเอาไว้แล้ว ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความหวาดกลัวและไม่อยากจะเชื่ออย่างถึงที่สุด

 

เพราะซูเฉินเพียงคนเดียวมันก็ตึงมือมากพอแล้ว แต่นี่มีซูเฉินถึง 11 คน แล้วแบบนี้จะทรงพลังถึงขนาดไหน?

 

“อาเฮียซูยังมีไพ่ตายแบบนี้เก็บซ่อนไว้อีกหรือนี่??”

 

เฉินเฟิงตกใจจนไม่รู้จะบรรยายยังไง ตอนแรกเขาคิดว่าชีวิตของซูเฉินกำลังตกอยู่ในอันตราย แต่ใครจะทันคาด ว่าสถานการณ์จะพลิกผันอีกรอบอย่างรวดเร็วเช่นนี้ พริบตาต่อมา กลับเป็นซูเฉินที่ได้เปรียบอย่างแท้จริง

 

“ช่างเป็นกำลังรบที่น่ากลัวจริงๆ”

 

เซี่ยจิงอี้สูดหายใจลึก เธอตกตะลึงพอๆในความแข็งแกร่งที่ซูเฉินสำแดงออกมา

 

ผู้คนบน [รถศึกอัจฉริยะ] นี่เป็นครั้งแรกเช่นกันที่เห็นซูเฉินใช้งานกลวิธีนี้ แต่ละคนทั้งตื่นเต้นและประหลาดใจ

 

“ก็บอกแล้วไง … ว่าแกเป็นแค่ขยะในสายตาฉัน!”

 

เนื่องจาก [ทักษะต่อสู้หมื่นแสงสิบเงาสะท้อน] สามารถคงอยู่ได้เพียงสามวินาทีเท่านั้น ซูเฉินจึงไม่อาจรั้งรอ ควบคุมสั่งการทั้ง 11 ร่างเข้าโจมตีพร้อมกัน

 

ภูติเงาตนหนึ่งถือ [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋] เหวี่ยงฟาดลงเหนือศีรษะเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่ ภูติเงาอีกตนหนึ่งกุม [ดาบเสริมมนตรา] ด้วยสองมือ แล้วฟันลงกลางอากาศ ภูติเงาอีกตนหนึ่งบนฝ่ามือทอแสงสีทองจางๆ พริบตาเดียวเบื้องหน้าผุดพรายไปด้วยหมัดทองคำนับร้อย

 

ส่วนภูติเงาที่เหลือปลดล่อยเวทมนต์คนละธาตุ ระเบิดอำนาจท่วมท้นเข้าใส่เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่

 

สุดท้ายเป็นร่างต้นของซูเฉิน เจ้าตัวกุม[กระบี่แยกฟ้าแห่งความโกลาหล] แล้วสับลงในอากาศ

 

ทันใดนั้นรอยแยกปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า กระแสวังวนทมิฬขนาด 1 จั้ง ผลุบออกมาจากมัน ม้วนวนเข้ากลืนเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่

 

“นี่ … ”

 

ต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีอันน่าสยดสยองรอบด้าน มุมปากของเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่สั่นระริก ในแววตาทั้งสองข้างถูกแทรกซึมไปด้วยความสิ้นหวัง

 

วินาทีถัดมา ตามด้วยเสียงสะเทิ้นฟ้าสะเทือนดิน ร่างของเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่จมอยู่ใต้การโจมตีหลากหลายประเภท สุดท้ายเหือดหายกลายเป็นความว่างเปล่า ตายไม่เหลือแม้กระทั่งเศษซาก

 

กึ้งงงง!

 

กระบี่ยักษ์ร่วงลงกับพื้น ก่อให้เกิดเสียงดังคมชัด

 

พร้อมชิ้นส่วนวาววับนับพันสะท้อนแสงแยงตา

 

ในเวลาเดียวกัน ภูติเงาทั้งสิบของซูเฉินได้หายไป

 

ซูเฉินถอนหายใจโล่งอก นำ [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋] , [ดาบเสริมมนตรา] และ [กระบี่แยกฟ้าแห่งความโกลาหล] ใส่กลับลงในถุงเก็บของ หรี่ตากวาดมองไปรอบๆ

 

ด้วยการตายของเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่ บริเวณโดยรอบตกอยู่ในความเงียบสงัดอันน่าขนลุก

 

ชาวราชวงศ์อสูรทุกตน มองมายังซูเฉินด้วยความหวั่นเกรงอย่างหาที่เปรียบมิได้

 

ความแข็งแกร่งของซูเฉิน ในโลกใบนี้คงไม่อาจพบเจออีกแล้ว มันให้ความรู้สึกเสมือนดั่งเทพสังหารที่ไม่มีผู้ใดเทียบ

 

“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่ตายแล้ว!”

 

คลื่นแห่งความหวาดกลัวแพร่กระจายไปในกองทหารชาวราชวงศ์อสูร ปราการในจิตใจพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง วิ่งหนีกระเจิดกระเจิงไปทุกทิศทาง

 

“อย่าปล่อยให้รอดไปได้แม้แต่ตัวเดียว”

 

ซูเฉินออกคำสั่ง น้ำเสียงที่เปล่งออกมา เย็นชาไร้ปราณี

 

“ฆ่า!”

 

สีหน้าท่าทีของเฉินเฟิงเปลี่ยนไปไม่เหลือเค้าเดิม เขาเป็นคนแรกที่ขานรับคำซูเฉิน ไล่ตามพวกศัตรูไป

 

ด้วงเขมือบทองคำ และสัตว์เลี้ยงวิญญาณตัวอื่นๆก็ไม่ยอมน้อยหน้าเช่นกัน

 

“เสี่ยวจิน คว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้ได้” ซูเฉินเตือน [จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] จากนั้นก็เข้าร่วมการไล่ล่าด้วย

 

[จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] สามารถยกระดับได้โดยการดูดเลือด และในสนามรบแห่งนี้ มีสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 8 อยู่เช่นกัน

 

ซูเฉินต้องการให้มันดูดเลือดแล้วยกระดับขึ้นเป็นเลเวล 8

 

โอกาสทองแบบนี้ เป็นธรรมดาที่เขาไม่อยากให้มันพลาด

 

8/10

 

Ep.598

 

สิบนาทีให้หลัง ซูเฉินกลับมาพร้อมหิ้วทหารราชวงศ์อสูรเลเวล 8 ติดมือมาด้วย

 

สำหรับชาวราชวงศ์อสูรตนอื่นๆ ทั้งหมดถูกสังหารสิ้น

 

เขาโยนชาวราชวงศ์อสูรตนนี้ลงกับพื้น เริ่มรวบรวมชิ้นส่วน ยกกระบี่สีน้ำตาลดินเล่มใหญ่ขึ้นมาไว้ในมือแล้วสำรวจมันดู

 

เขาพบว่ากระบี่ยักษ์คือสิ่งประดิษฐ์เทวะอย่างแน่นอน มูลค่าของมันนั้นชัดเจน

 

อย่างไรก็ตาม ถึงอย่างไรอาวุธชิ้นนี้เป็นของคนอื่น ซูเฉินรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย จึงไม่คิดเก็บเอาไว้ใช้เอง อย่างน้อยก็ขอนำไปปรับแต่งในภายหลัง ไม่ก็ใช้แลกเปลี่ยนกับสมบัติอย่างอื่น

 

ได้ข้อสรุปเช่นนี้ก็ใส่มันลงในถุงเก็บของ แล้วเริ่มค้นศพของชาวราชวงศ์อสูร

 

สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ ชาวราชวงศ์อสูรเลเวล 7 ขึ้นไป ล้วนมีผลึกศิลาแดงติดตัวกันทุกตน จะมากจะน้อยก็ว่ากันไป แต่รวมๆทั้งหมดแล้ว ได้มาถึง 50 ก้อน

 

ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าจะเป็นการอัพเกรด [รถศึกอัจฉริยะ] ขึ้นเป็นเลเวล 7 หรือปรับแต่งอาวุธของเฉินเฟิงและเซี่ยจิงอี้ ล้วนเพียงพอแล้ว

 

สิ่งเดียวที่น่าเสียดายก็คือ มีสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 8 แค่ตัวเดียวในสนามรบ ดังนั้นเขาจึงได้รับหินพลังงานเลเวล 8 มาเพียงก้อนเดียว

 

หากต้องการเปิดค่ายกลเคลื่อนย้ายและกลับไปยังทวีปมนุษย์ ซูเฉินจำเป็นต้องล่าสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 8 อีกสองตัว

 

อย่างไรก็ตาม ผลกอบโกยในครั้งนี้ ซูเฉินรู้สึกพอใจมาก

 

เพราะนอกจากดรอปชิ้นส่วนได้หลายพันชิ้นแล้ว เขายังได้ผลึกศิลาแดงที่ต้องการมาถึง 50 ก้อน ไหนจะกระบี่ยักษ์ที่เป็นสิ่งประดิษฐ์เทวะอีก

 

ยังไม่พอ [จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] สามารถยกระดับขึ้นเป็นเลเวล 8 ได้อย่างราบรื่น

 

หลังเสร็จธุระ ซูเฉินหิ้วชาวราชวงศ์อสูรขึ้นรถ เฉินเฟิงกับเซี่ยจิงอี้ตามมาติดๆ

 

“พี่เฉิน ผลึกศิลาแดงเหล่านี้ ขอให้พวกคุณรับมันไว้”

 

ทันทีที่ขึ้นมา ซูเฉินหยิบผลึกศิลาแดง 20 ก้อนออกมาและยื่นใส่ในมือของเฉินเฟิง

 

“อาเฮียซู นี่มันมากเกินไป แค่ 15 ก้อนก็พอแล้ว”

 

สามารถรอดพ้นจากความตายมาได้ในครั้งนี้ เรียกได้ว่าต้องขอบคุณความแข็งแกร่งของซูเฉินที่สามารถกอบกู้สถานการณ์

 

ดังนั้นแค่ 15 ก้อน เฉินเฟิงก็พอใจแล้ว แต่นี่ซูเฉินให้มามากถึง 20 ก้อน ทำให้เขารู้สึกละอายเล็กน้อย

 

“ถือว่าฉันให้แล้วกัน เพราะเก็บไว้เยอะๆก็คงไม่มีประโยชน์อะไร”

 

ซูเฉินยิ้ม ยัดผลึกศิลาให้เฉินเฟิง

 

“ถ้างั้นก็ขอบคุณเฮียซู” เฉินเฟิงรีบกล่าวขอบคุณทันที แม้เขาจะรู้จักกับซูเฉินได้ไม่นาน แต่เขาพอเข้าใจนิสัยของซูเฉินไม่มากก็น้อย ดังนั้นเลิกปฏิเสธอีกต่อไป

 

หลังจากมอบผลึกศิลาแดง ซูเฉินก็หันมาหาชาวราชวงศ์อสูร แล้วถามว่า “ทำไมพวกแกถึงได้มารวมตัวกันที่ริมทะเลสาบนั่น?”

 

เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งเป่ยยี่ปรากฏตัวขึ้นข้างทะเลสาบพร้อมพวกระดับสูง ย่อมไม่ได้มาเที่ยวเล่นอย่างแน่นอน น่าจะมีสมบัติบางอย่างอยู่ในทะเลสาบ

 

ชาวราชวงศ์อสูรรู้ดี ว่ามันตกอยู่ในกำมือของซูเฉิน ไม่อาจควบคุมชีวิตและความตายของตัวเองอีกต่อไป เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกทรมาน จึงอธิบายตามความจริงว่า “ผู้อาวุโส มีสัตว์กลายพันธุ์ขั้น 9 ซ่อนตัวอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ต้องการรับมันเป็นสัตว์เลี้ยงวิญญาณของเขา”

 

‘ที่แท้ก็เป็นแบบนี้’

 

พอได้ฟัง ซูเฉินจมลงในห้วงความคิด

 

สัตว์กลายพันธุ์เลเวล 9 เป็นอะไรที่หาได้ยากมาก หากจับได้ ถือเป็นโชคก้อนใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย

 

ยังไงก็ตาม การกำราบสัตว์กลายพันธุ์ไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วอีกอย่างเขากำลังรีบไปล่าสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 8 อีกสองตัว ดังนั้นเลิกสนใจเรื่องนี้อีกต่อไป

 

จากนั้น ซูเฉินยังคงถามต่อ “มีสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 8 อยู่ในบริเวณนี้อีกไหม?”

 

ก่อนหน้านี้ เขาได้รู้ข้อมูลของสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 8 มากมายจากชาวราชวงศ์อสูรเลเวล 7 ที่นำทางมา

 

อย่างไรก็ตาม ไอ้หมอนั่นมันเจ้าเล่ห์มาก จึงไม่มั่นใจว่าที่มันเอ่ยเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ ด้วยเหตุนี้ เขาเลยต้องการคำยืนยันจากปากชาวราชวงศ์อสูรเลเวล 8 ที่เพิ่งจับมา

 

“ผู้อาวุโส ในบริเวณใกล้เคียงมีสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 8 อยู่ในเทือกเขาเฉินซิงและเมืองหลางหยา” ชาวราชวงศ์อสูรสารภาพตามตรง

 

“ดีมาก”

 

ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย กล่าวเสียงขรึม “แกนำทางพวกเราไป แล้วอย่าคิดเล่นตุกติก ไม่งั้นก็เตรียมโดนถลกหนังได้เลย!”

 

“ผู้น้อยมิกล้า!”

 

ชาวราชวงศ์อสูรตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัว