2/8

 

Ep.54

 

“พวกมันใช้เวทมนต์ได้ด้วย!” ซูเฉินประหลาดใจ แต่ส่วนใหญ่แล้วเขารู้สึกดีใจมากกว่า

 

เพราะหากว่ากันตามปกติ น้อยนักที่สัตว์กลายพันธุ์จะใช้เวทมนต์ได้

 

และในเมื่อหมาป่าสามารถใช้เวทมนต์ นั่นแสดงว่าความสามารถในการต่อสู้ของพวกมันเหมือนกับซูเฉิน ที่สามารถบดขยี้คู่ต่อสู้ในเลเวลเดียวกันได้อย่างง่ายดาย กระทั่งสังหารศัตรูที่เลเวลสูงกว่าหนึ่งขั้น ก็ยังเป็นไปได้

 

เดิมซูเฉินมีความคิดที่จะจับพวกมันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ดังนั้นเขาคาดหวังว่ายิ่งพวกมันแข็งแกร่งเท่าไหร่ก็ยิ่งดี

 

เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีจากเวทมนต์ ซูเฉินโบกมือ ใบมีดสายลมสีเทาพุ่งออกไป

 

วินาทีต่อมา มันประสานงาเข้ากับลูกไฟ เถาวัลย์ และหอกน้ำแข็ง สะบั้นเวทย์ทั้งสามแยกเป็นหกซีกได้อย่างง่ายดาย และยังคงพุ่งต่อไปยังหมาป่าขนเขียว

 

เห็นได้ชัดว่าหมาป่ากลายพันธุ์ขนเขียวคาดไม่ถึงว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบนี้ ซูเฉินไม่เพียงเป็นปรมาจารย์มนตราเท่านั้น แต่ใบมีดสายลมที่ปลดปล่อยออกมา ยังทรงพลังเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน

 

ถึงจุดนี้ มันสายเกินไปหากคิดหลบเลี่ยง คมมีดสายลมเฉือนลงบนร่างมัน

 

ฉัวะ!

 

หมาป่าขนเขียวปลิวกระเด็น บนร่างทิ้งรอยบาดแผลแคบๆเป็นทางยาว เลือดและเนื้อในตัวที่มีสีขาว หลั่งรินออกมา

 

โชคดีก็คือ เวทมนต์สามธาตุก่อนหน้านี้ ลดทอนอานุภาพของใบมีดสายลมไปหลายส่วน มิฉะนั้นหากโดนเข้าเต็มๆ หมาป่าขนเขียวคงตายในกระบวนท่าเดียว

 

“ที่แท้เขาก็เป็นปรมาจารย์มนตรา แถมยังเป็นปรมาจารย์มนตราเลเวล 2!” หยางหลิงเทียนอุทานด้วยความตกใจจากบนต้นไม้ยักษ์

 

สถานการณ์พลิกพลันอย่างรุนแรง ตอนแรกเขาคิดว่าซูเฉินคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย 

 

แต่ไม่นึกฝันเลย ว่าที่แท้ซูเฉินจะเป็นปรมาจารย์มนตรา แถมกำลังรบยังแข็งแกร่งเป็นพิเศษ

 

ด้วยการโจมตีอย่างไม่ใส่ใจเพียงครั้งเดียว ไม่เพียงทำลายสามเวทมนต์ แต่ยังสามารถทำร้ายหมาป่ากลายพันธุ์ตัวหนึ่งจนบาดเจ็บสาหัส

 

ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าผู้ที่ครอบครองอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ คงไม่พ้นปรมาจารย์มนตราเลเวล 2 แน่ๆ 

 

หมาป่ากลายพันธุ์อีกสองตัวที่เหลือ เมื่อเห็นสหายบาดเจ็บสาหัส แน่นิ่งอยู่กับพื้น  พวกมันก็เริ่มเป็นเดือดเป็นแค้น!

 

หมาป่าขนขาวส่งเสียงหอน หยุดใช้เวทมนต์โจมตีซูเฉิน

 

ในสายตา เห็นแค่เพียงเท้าของมันเริ่มขยับไหว พริบตาต่อมาก็กระโจนมาอยู่อีกตำแหน่งหนึ่งแล้ว ระยะห่างระหว่างมันกับซูเฉินหดแคบลงเรื่อยๆ

 

หมาป่าขนแดงช่วยสนับสนุน มันเบี่ยงตัวออกไปด้านข้าง รอจังหวะใช้กลยุทธ์ลอบโจมตี

 

“น่าตื่นเต้นดีแฮะ ฉันชักชอบพวกแกแล้วสิ” ซูเฉินหรี่ตาลง ผุดรอยยิ้มแปลกๆบนมุมปากเขา

 

เมื่อรู้ว่าเวทมนต์ของพวกตนไม่อาจต่อกรกับเวทย์ของศัตรู พวกหมาป่าที่เหลือจึงตัดสินใจเฉียบขาด หันมาเข้าสู้ระยะประชิด บ่งบอกถึงสติปัญญาที่มี

 

เรื่องนี้ยิ่งทำให้ความตั้งใจของซูเฉินเพิ่มมากขึ้น เขายิ่งอยากได้หมาป่ากลายพันธุ์ทั้งสามมาเป็นสัตว์เลี้ยงวิญญาณ

 

“ไม่ดีแล้ว!”

 

สีหน้าของหยางหลิงเทียนแปรเปลี่ยนไป ลอบร้องท่าไม่ดี

 

หมาป่ากลายพันธุ์ทั้งสองเปลี่ยนรูปแบบการโจมตีเป็นระยะประชิด ซึ่งคือจุดอ่อนของปรมาจารย์มนตรา

 

โดยปกติแล้ว เนื่องจากปรมาจารย์มนตรามีเวทย์โจมตีที่รุนแรงมากๆ สามารถกำจัดศัตรูจากระยะไกล ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมีร่างกายที่แข็งแรง ความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดของพวกเขาเลยแทบเป็นศูนย์ หากปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าถึงตัวได้ ก็จบเห่

 

“เร็วเข้า! รีบยิงเวทย์ลมหยุดพวกมัน!” หัวใจของหยางหลิงเทียนร้อนรนดั่งถูกแผดเผา

 

เขาเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าซูเฉินไม่ยอมปล่อยเวทมนต์หรือล่าถอย แต่กลับยืนนิ่งงันคล้ายคนที่หวาดกลัวจนเสียสติ

 

ในเวลานั้นเอง หมาป่าขนขาวกระโจนมาถึงเบื้องหน้าของซูเฉินแล้ว มันอ้าปากสีเลือด เล็งงับลงตรงหัวของซูเฉิน

 

“มันจบแล้ว”

 

หยางหลิงเทียนสรุปว่าครั้งนี้ซูเฉินคงไม่รอดแน่ๆ

 

ทว่าขณะที่เขากำลังจะหลับตาลง เพราะไม่อาจทนดูจุดจบน่าสังเวชของซูเฉินได้ ฝ่ายหลังก็เริ่มขยับโจมตีสวนกลับไป!

 

ยามยืนเฉยนิ่งงันดุจขุนเขา ยามขยับไหวรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด!

 

เห็นแค่เพียงเส้นแสงสายหนึ่งฉกออกไป วินาทีต่อมา ลำคอหมาป่าก็ตกอยู่ในเงื้อมมือเขาแล้ว พละกำลังมหาศาลแผ่ซ่านจากฝ่ามือ หมาป่ากลายพันธุ์ยิ่งถูกบีบยิ่งดิ้นพล่าน จนสุดท้ายคล้ายขาดอากาศหายใจใกล้จะตาย ดวงตาทั้งสองเหลือกโพลนกลายเป็นสีขาว

 

“เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?” หยางหลิงเทียนตกตะลึง

 

ซูเฉินกลัวว่าตนจะเผลอบีบคอหมาป่ากลายพันธุ์จนตายไปซะก่อน จึงโยนมันทิ้งลงกับพื้น

 

บังเกิดเสียงตูม! ดังกึกก้อง

 

ร่างหมาป่ากลายพันธุ์สีขาวฟาดลงกับพื้น ภายใต้แรงปะทะหนักหน่วง พื้นดินยุบตัวลงเป็นหลุมตื้นๆ

 

ปรากฏฟางอากาศผุดออกมาจากปากหมาป่า ร่างของมันชักกระตุกอยู่ตลอดเวลา