9/10

 

Ep.399

 

“ไม่เลว” ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย

 

[จอมเขมือบแห่งบรรพกาล ยุงวัชระ] มีความสามารถในการเพิ่มระดับโดยการดูดกลืนเลือด ซึ่งเป็นอะไรที่น่าทึ่งเอามากๆ

 

สำหรับซูเฉินแล้ว แมลงสัตว์กลายพันธุ์เลเวล 6 ตัวนี้ มันได้ช่วยให้กำลังรบโดยรวมของเขาเพิ่มไปอีกขั้น

 

หลังจากนั้นไม่นาน ซูเฉินก็นำสัตว์เลี้ยงวิญญาณทั้งสองกลับเข้าไปใน [พื้นที่เลี้ยงสัตว์] และเริ่มเก็บชิ้นส่วน

 

หวู่หยางและคนอื่นๆแยกย้ายกันขุดหินพลังงาน ขณะเดียวกันก็เก็บรวบรวมศพสัตว์กลายพันธุ์

 

ใช้เวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมง ซูเฉินก็เก็บชิ้นส่วนจนครบ มุมปากเขายกยิ้มโดยไม่รู้ตัว

 

คราวนี้ มีชิ้นส่วนดรอปไม่มากนัก แต่ผลประโยชน์โดยรวมนับว่าอุดมสมบูรณ์มาก

 

เพราะนอกเหนือจากแต้มพลังงานที่ขึ้นมาเกินเลข 8 แล้ว เขายังสามารถรวบรวมชิ้นส่วนของ [ภูติหุบเหววายุโหย] ได้ครบอย่างไม่คาดคิด

 

นับแต่นี้ไป เวทย์ธาตุลมจะถูกหลอมรวมเข้ากับวัตถุไร้รูป และพลังของมันจะเพิ่มพูนขึ้น กลายเป็นอับดับสองรองจากธาตุน้ำแข็ง เทียบได้กับธาตุไฟและธาตุอื่นๆ

 

หลังจากนั้น ซูเฉินทอดสายตาไปยังถ้ำหินใจกลางภูเขา ปล่อยพลังจิตขยายเข้าไปสำรวจข้างใน

 

เขาตรวจพบถึงความผันผวนของพลังงานมหาศาลภายในถ้ำนี้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นที่ตั้งของหินต้นกำเนิดพลังงานเลเวล 5

 

ไม่นาน ด้วยพลังจิตของเขา ซูเฉินค้นพบว่า บนผนังหินในถ้ำถูกฝังไปด้วยหินต้นกำเนิดพลังงานระดับต่างๆ ซึ่งปริมาณของมัน สามารถอธิบายได้เป็นคำว่า ‘มหาศาล’

 

ซูเฉินเคยขุดหินต้นกำเนิดพลังงานในเทือกเขาฮวงเจ๋อมาก่อน แต่แร่หินที่นั่น เทียบกับที่นี่ไม่ได้เลย

 

ทั้งสองต่างกันราวฟ้ากับเหว

 

“ฉันรวยแล้ว!”

 

ซูเฉินกำหมัดแน่น ดวงตาทอประกายสดใส

 

รอจนหวู่หยางและคนอื่นๆขุดหินพลังงานเสร็จ การขุดเหมืองก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ

 

ซึ่งการขุดในครั้งนี้ กินระยะเวลายาวนานกว่าสามวันสามคืน

 

เมื่อเสร็จสิ้นการนับแร่หินครั้งสุดท้าย ทุกคนต่างต้องตกตะลึง

 

เพราะที่พวกเขานับได้ คือหินต้นกำเนิดพลังงานเลเวล 5 มากถึง 1,020 ก้อน! และยังมีหินต้นกำเนิดในระดับอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน

 

มีหินต้นกำเนิดพลังงานจำนวนมหาศาลอยู่ในมือ แน่นอนว่าซูเฉินต้องใช้มันอัพเกรด [รถศึกอัจฉริยะ]

 

หลังจากใช้หินต้นกำเนิดพลังงานเลเวล 5 ทั้งหมด และหินเลเวลอื่นอีกเป็นจำนวนมาก [รถศึกอัจฉริยะ] ก็สามารถขึ้นสู่เลเวล 5 ได้สำเร็จ

 

รูปแบบเลเวล 5 ของมัน สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดคือพลังป้องกันที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบันมันสามารถต้านทานการโจมตีของผู้ฝึกตนเลเวล 5 ได้แล้ว

 

นอกจากนี้ ระยะการตรวจจับยังขยายเป็น 500 กิโลเมตร ความเร็วเพิ่มขึ้นเป็น 500 ไมล์ ความยาวสูงสุดของตัวรถสามารถยืดได้ถึง 100 เมตร

 

และเมื่อมาถึงเลเวล 5 มันยังสามารถพัฒนาความสามารถใหม่ นั่นคือฟังก์ชั่นแล่นเรือในทะเล กลายเป็นรถศึกสะเทิ้นน้ำสะเทินบก

 

ส่วนในด้านพลังโจมตี มีการเปลี่ยนแปลงเพียงอย่างเดียว นั่นคือเมื่อเลเวลเพิ่มขึ้น ท่าคลื่นแสงมนต์ต้องห้ามก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ภายใต้คลื่นแสงนี้ ปรมาจารย์มนตราเลเวล 5 จะไม่สามารถปลดปล่อยเวทมนต์ได้

 

หลังจากอัพเกรด [รถศึกอัจฉริยะ] ซูเฉินก็เริ่มเตรียมอาหาร

 

สองสามวันมานี้เหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน เขาจึงวางแผนที่จะพักผ่อนที่นี่หนึ่งวันเต็ม เมื่อฟื้นฟูพลังงานเพียงพอแล้ว ก็จะมุ่งหน้าไปยังเมืองยู่หลานเพื่อล่าซอมบี้

 

วันถัดมา ตามแผนที่วางไว้ [รถศึกอัจฉริยะ] เริ่มเดินเครื่องมุ่งหน้าสู่เมืองยู่หลาน

 

แต่เมื่อเมืองยู่หลานปรากฏขึ้นบนหน้าจอควบคุมส่วนกลาง ซูเฉินก็ต้องรู้สึกประหลาดใจ ที่พบว่าไม่มีจุดสีแดงแม้แต่จุดเดียวในเมืองยู่หลาน แต่ดันปรากฏจุดสีดำนับร้อยขึ้นแทน

 

ซึ่งจุดสีดำคือตัวแทนของพวกต่างสายพันธุ์ การที่จู่ๆพวกมันก็ปรากฏขึ้นพร้อมกันเป็นจำนวนมากเช่นนี้ ทำให้ซูเฉินอดรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาไม่ได้

 

เพราะในแง่ของกำลังรบ พวกต่างสายพันธุ์จะเหนือกว่ามนุษย์และซอมบี้มากนัก

 

“หรือว่าจะเป็นพวกเผ่าอมตะ?”

 

ซูเฉินตั้งข้อสันนิษฐาน แต่ก็ยังไม่สามารถมั่นใจได้เต็มที่

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ยังมีพวกต่างเผ่าสายพันธุ์อื่นๆอยู่ในเขตหยูหลินเช่นกัน

 

ไม่ว่าจะเป็นเผ่ามายาแห่งหุบเขาหวางโหย่ว , เผ่าราชวงศ์อสูรแห่งภูเขาฉีหลิน , เผ่าวิหคเหินแห่งขุนเขาเทียนฉี และเผ่าอมตะแห่งเมืองซางเทียน ทั้งหมดล้วนมีความสามารถในการยึดครองเมืองยู่หลานทั้งสิ้น

 

และแน่นอน ว่าอาจเป็นเผ่าพันธุ์ใหม่ที่เขาไม่เคยเจอก็ได้เช่นกัน

 

10/10

 

Ep.400

 

ในส่วนของเรื่องนี้ ซูเฉินไม่ได้สนใจมากนัก

 

สำหรับเขาแล้ว ไม่ว่าพวกมันจะมาจากสายพันธุ์ไหน เขาก็สามารถดรอปชิ้นส่วนได้ด้วยการฆ่าพวกมัน นี่ต่างหากประเด็น

 

[รถศึกอัจฉริยะ] หลังจากขับมาได้หนึ่งชั่วโมง ก็มาถึงหน้าเมืองยู่หลาน

 

ช่วงเวลานี้ จู่ๆจุดสีดำนับร้อยก็พากันกรูออกมาจากเมืองยู่หลาน คล้ายกับว่ากำลังเตรียมต้อนรับพวกซูเฉิน

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ซูเฉินคาดไม่ถึงก็คือ พวกมันไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกันทั้งหมด

 

บางตัวมีร่างสีดำดุจหมึก บางตัวมีปีกอยู่เบื้องหลัง บางตัวขี่สัตว์กลายพันธุ์หลากหลายชนิด และบางตัวมีผิวสีเทา

 

ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเผ่าอมตะ , เผ่าวิหคเหิน , เผ่าราชวงศ์อสูร และสุดท้ายน่าจะเป็นเผ่ามายา

 

สิ่งมีชีวิตต่างสายพันธุ์ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังขุมกำลังใหญ่ของเขตหยูหลิน ล้วนมาอยู่ที่นี่ และเห็นได้ชัดว่าพวกมันมาหาซูเฉิน

 

“ซูเฉิน ทำไมถึงมีพวกต่างเผ่ามากมายขนาดนี้?” สีหน้าท่าทีของหวู่หยางดูสั่นเทาเล็กน้อย

 

แม้จะอยู่ไกล แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายมหาศาลของพวกมันที่แผ่เข้ามา

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งบางตน ที่ให้ความรู้สึกรุนแรงผิดปกติ

 

และความรู้สึกนี้ มันไม่ต่างกับกลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาจากเต่าทรราชปราณฟ้าเลย

 

ซึ่งหมายความว่า อีกฝ่ายมีเลเวล 6 ปะปนอยู่ด้วย ทั้งยังมีมากกว่าหนึ่งตน

 

“พวกมันคงมาดักรอผม” ซูเฉินค่อยๆหรี่ตาลง บอกหวู่หยาง

 

ในเขตหยูหลิน นอกเหนือไปจากสัตว์กลายพันธุ์ในเทือกเขาคงถงแล้ว ขุมกำลังชั้นนำที่เหลือล้วนมาอยู่ที่นี่

 

และจุดประสงค์ย่อมชัดเจน คือมาเพื่อปิดล้อมเขา

 

แถมอีกฝ่ายถึงขั้นนำผู้แข็งแกร่งตัวจริงออกมาอย่างไม่เคยทำมาก่อน ครั้งนี้มีผู้ฝึกตนเลเวล 6 ถึงสี่ตน ส่วนที่เหลือเป็นเลเวล 4 และ 5 ทั้งสิ้น

 

ขบวนทัพนี้ ต่อให้เป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 7 ก็ยังไม่แน่ว่าจะสามารถเอาชนะได้

 

ทว่าซูเฉินหากลัวไม่

 

ปัจจุบันเขาเดินอยู่บนเส้นทางแห่งความไร้เทียมทาน ดังนั้นที่ต้องทำในครั้งนี้ คือก้าวต่อไป เหยียบย่ำผ่านพวกมัน ไม่คิดถอยหนี

 

“ทุกคนรออยู่ที่นี่ ฉันจะไปหาพวกมัน” ซูเฉินกล่าวอย่างแผ่วเบา เปิดประตูแล้วค่อยๆเดินลงไปอย่างช้าๆ

 

ครั้งนี้เขาไม่ได้นำ [นักรบจักรกล] ลงมาด้วย

 

[นักรบจักรกล] มีเลเวลแค่ 5 เท่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งนับร้อย มันอาจเกิดความเสียหายเอาได้ง่ายๆ

 

หวู่หยางเดิมตั้งใจจะเกลี้ยกล่อมซูเฉิน แต่เขารู้นิสัยของอีกฝ่ายดี ทำได้เพียงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

 

ซูเฉินลงจากรถ เปิด [ร้านค้าวันสิ้นโลก] ก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นใช้ 1,000 แต้มพลังงานเพื่อแลกเปลี่ยนกับชิ้นส่วน [คุณสมบัติเลเวล 5 อย่างเต็มรูปแบบ] ยกระดับฝึกตนของเขาขึ้นเป็นเลเวล 5

 

ในเลเวล 4 เขายังสามารถต่อกรกับผู้วิวัฒนาการเลเวล 6 ได้ก็จริง

 

แต่สมรภูมิเบื้องหน้า มีผู้แข็งแกร่งเลเวล 6 อยู่ถึงสี่คน หากเขายังคงอยู่ในเลเวล 4 เกรงว่าจะไม่อาจรับมือกับอีกฝ่ายได้

 

หลังจากยกระดับเป็นเลเวล 5 แล้ว ด้วยความแข็งแกร่งขั้นใหม่ การรับมือกับผู้ฝึกตนเลเวล 6 สี่คน ก็น่าจะเพียงพอ

 

อีกฝ่ายไม่เร่งร้อนลงมือ เฝ้ารออย่างเงียบๆ จนกระทั่งซูเฉินมาถึง

 

เมื่อระยะห่างน้อยกว่าสิบเมตร ซูเฉินก็หยุดฝีเท้า

 

ณ ขณะนี้ ผู้แข็งแกร่งเผ่าอมตะฝั่งตรงข้ามได้ก้าวออกมา กวาดมองสำรวจซูเฉิน กล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกว่า “ซูเฉิน ในที่สุดเจ้าก็มา ข้าขอชื่นชมในความกล้าหาญของเจ้าจริงๆ”

 

“ฉันไม่นิยมฆ่าคนไร้ชื่อเสียงเรียงนาม จงประกาศชื่อของแกมา!” ซูเฉินแค่นเสียงเบาๆ

 

อีกฝ่ายดูมั่นใจในตัวเองซะเหลือเกิน นี่ทำให้ซูเฉินณู้สึกหมั่นไส้เอามากๆ

 

เผ่าอมตะไม่ได้โกรธเคือง มันม้วนริมฝีปากและกล่าวอย่างหยิ่งผยองว่า “ข้ามาจากเมืองซางเทียน นามมหาจักรพรรดิเฮยหยุน!”

 

ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นหันไปมองชายชราผิวสีเทาที่กำลังก้าวออกมา

 

ดูเหมือนชายชราจะรู้ว่าต้องทำยังไง กล่าวด้วยรอยยิ้มบางว่า “เราผู้เฒ่าไม่มีชื่อ แต่มาจากหุบเขาหวางโหย่ว”

 

หุบเขาหวางโหย่วเป็นที่อยู่ของเผ่ามายา และเผ่ามายาคือหนึ่งในห้าสุดยอดเผ่าพันธุ์ ซูเฉินอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นๆลงๆ มองสำรวจชายชราอยู่หลายรอบ

 

แต่ไม่นาน เขาก็หันไปสนใจอีกสองคน

 

ชายวัยกลางคนที่ดูหยาบกร้านดุดัน เปล่งเสียงดังว่า “ข้าคือเผ่าราชวงศ์อสูร ชื่อว่า เค่อเสวียนซั่ว”

 

ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาอีกคนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เราราชานามเซินหลาง มาจากเผ่าวิหคเหิน”

 

ซูเฉินรู้ว่าทั้งสี่คนนี้คือผู้ฝึกตนเลเวล 6

 

เขาปาดจมูก กล่าวเยาะหยัน “อาศัยแค่กลุ่มเศษสวะ คิดหรือว่าจะสามารถฆ่าฉันได้? พวกแกมีความสามารถพอหรอ?”