7/8

 

Ep.363

 

สีหน้าของหวังเฉิงหม่นลง หรี่ตาเพ่งมองซูเฉินดีๆอีกครั้ง

 

ในสายตาเขา พบว่าซูเฉินยังเด็กมาก แต่ท่าทีมั่นอกมั่นใจซะเหลือเกิน ภาพนี้เล่นเอาเขาอดบ่นในใจไม่ได้

 

ไอ้เด็กนี่ใช่โง่เขลาจนไม่รู้จักความกลัว?

 

หรือว่าจะมีคนแข็งแกร่งคอยปกป้องอยู่?

 

เมื่อยังไม่ทราบภูมิหลังที่แน่ชัดของซูเฉิน หวังเฉิงไม่รีบร้อนลงมือ กล่าวเสียงเย็นว่า “เด็กน้อย จงประกาศชื่อออกมา เราผู้เฒ่าไม่นิยมฆ่าคนที่ยังไม่รู้จัก!”

 

“แกคือหวังเฉิงจริงๆ” ซูเฉินเบ้ปาก กล่าวหยามเหยียด “อยากรู้ชื่อของฉัน? เสียใจด้วยที่แกไม่มีคุณสมบัติมากพอ!”

 

ฮือฮา!

 

ทันทีที่ซูเฉินตอบกลับไป บังเกิดความโกลาหลขึ้นรอบด้าน

 

ประมุขแห่งภูเขาชิงเฉิง ปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 4 กลับโดนดูหมิ่นโดยชายหนุ่มคนหนึ่ง?

 

ทำกันถึงขนาดนี้มันจะไม่เกินไปหน่อยหรอ?

 

ใบหน้าของหวังเฉิงมืดมน จับจ้องซูเฉินอย่างเย็นชา ในแววตาสะท้อนไปด้วยเจตนาฆ่า

 

ภายใต้สายตาของทุกคน เขาถูกทำให้ขายหน้า หากเขาไม่ฆ่าไอ้เด็กน่ารังเกียจนี่ แล้วในอนาคตจะใช้ชีวิตในเขตหยูหลินต่อไปได้อย่างไร?

 

“เจ้าหนู ในเมื่อแกมองหาความตายด้วยตัวเอง เช่นนั้นเราผู้เฒ่าจะสนองให้!”

 

หวังเฉิงกัดฟันแน่น ร้องคำรามเสียงต่ำ พริบตานั้นพลังจิตของเขาได้ถูกปลดปล่อยออกมา

 

พลังจิตที่ปลดปล่อยโดยปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 4 ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น! ผู้คนรอบด้านสัมผัสได้ถึงบรรยากาศกดดัน ต้องพากันล่าถอยให้ไกล

 

ฝั่งซูเฉิน เดิมเขาไม่ต้องหลบ ยืนรับอยู่เฉยๆก็ได้ ถึงอย่างไรร่างกายเขาก็มี [กายาเทพอสูรนิรันดร์] สามารถเพิกเฉยต่อการโจมตีทั้งปวงในเลเวลเดียวกันได้

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่ามีหวู่หยางและคนอื่นๆอยู่ข้างกาย ด้วยความกังวลว่าพวกเขาจะได้รับอันตราย ซูเฉินจึงปลดปล่อยพลังจิตสวนออกไป

 

พลังแห่งจิตวิญญาณสองสายเข้าพัวพันกันอย่างรวดเร็ว

 

แม้พลังจิตจะมองไม่เห็น ไม่มีสีและไม่มีกลิ่น แต่พลังทำลายล้างที่เกิดขึ้นจากมัน ไม่สามารถปกปิดได้

 

เห็นแค่เพียงบริเวณใจกลางระหว่างซูเฉินกับหวังเฉิง อากาศที่ว่างเปล่าคล้ายกำลังบิดเบี้ยว และในบางครั้งจะได้ยินเสียงดัง เป๊าะ สะท้อนออกมา

 

ฝูงชนที่มุงดูอยู่ไม่เข้าใจ แต่สักพักหลายคนก็เริ่มฉุกคิดถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น

 

สถานการณ์นี้มันอะไรกัน?

 

อากาศจู่ๆก็บิดเบี้ยวได้อย่างไร?

 

แล้วทำไมฉันจึงสัมผัสได้ถึงพลังอันบ้าคลั่งที่กำลังฉีกกระชากอยู่ตลอดเวลา?

 

นี่ใช่เป็นการปะทะกันระหว่างพลังจิตหรือไม่?

 

แล้วเหตุใดเด็กหนุ่มคนนั้นถึงยังไม่ตาย?

 

ไม่ใช่ว่าพลังจิตเลเวล 4 สามารถบดขยี้เขาให้ตายได้ในทันทีหรอกหรือ?

 

เป็นไปได้ไหมว่าประมุขหวังเกิดเมตตา ต้องการละเว้นชีวิตเจ้าเด็กนี่?

 

 

ขณะที่ผู้ชมกำลังกระซิบกระซาบ ใบหน้าของหวังเฉิงยิ่งนานยิ่งปั้นยากอย่างถึงที่สุด

 

เพราะเขาตระหนักดี ว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้เป็นแค่ปรมาจารย์พลังจิตเท่านั้น แต่ยังเป็นปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 4 ด้วย

 

ยังไงก็ตาม บนโลกใบนี้มีปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 4 ที่อายุยังน้อยขนาดนี้ปรากฏขึ้นได้อย่างไร?

 

แม้แต่อัจฉริยะจากเผ่าเทพ ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องพรสวรรค์ทางจิตวิญญาณ ตอนอายุเท่านี้ก็ไม่น่าจะแข็งแกร่งถึงขั้นนี้เลย

 

เช่นนั้นแล้วชายหนุ่มเบื้องหน้าคือผู้ใดกัน?

 

ช่วงเวลานี้ หวังเฉิงบังเกิดความหวาดกลัวอย่างลึกล้ำในหัวใจ

 

หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าตาตนเอง เขาคงเอ่ยปากขอไมตรีกับซูเฉินไปแล้ว

 

“ตาแก่ เมื่อกี้แกขู่จะฆ่าฉันไม่ใช่หรอ? ทำไมยังไม่ลงมือซักทีเล่า?” ซูเฉินกล่าวหยอกล้อ

 

“แก … ”

 

หวังเฉิงกัดฟันด้วยความโกรธ ลอบสบถในใจ ‘ถ้าฉันฆ่าแกได้ ฉันจะอยู่ในสภาพนี้หรือ?’

 

แต่เรื่องโกรธก็ส่วนโกรธ เขาไม่สามารถพูดคำๆนั้นออกมาได้

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในเขตหยูหลิน หากคนรอบข้างรู้ว่าเขาไม่แม้จะสามามรถกำราบชายหนุ่มคนนึงลงได้ แล้วจะเอาใบหน้าแก่ๆนี้ไปไว้ที่ไหน?

 

ฝูงชนเริ่มสังเกตเห็นถึงความไม่ชอบมาพากลทีละน้อย

 

หวังเฉินไม่ฆ่าอีกฝ่ายเป็นเวลานานแล้ว แถมยังไม่พูดอะไรซักคำ เมื่อครู่ขนาดซูเฉินใช้วาจายั่วยวน เขายังไม่กล้าแม้จะผายลม

 

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?

 

อย่าบอกนะว่าหวังเฉิงสู้ชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้?

 

พอได้ลองคิดอย่างรอบคอบ

 

หลายคนที่ตระหนักถึงเรื่องนี้ สีหน้าท่าทีของพวกเขาก็แปรเปลี่ยนไป

 

สายตาที่ใช้มองซูเฉิน จากเดิมเต็มไปด้วยความดูแคลน บัดนี้เริ่มถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัวและตื่นตระหนก

 

8/8

 

Ep.364

 

“ในเมื่อแกไม่กล้าลงมือ งั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะ”

 

มุมปากของซูเฉินยกโค้งเป็นรอยยิ้มเลศนัย ทันทีที่เอ่ยจบ เขาก็ค่อยๆเดินเข้าไปทางหวังเฉิง

 

‘นี่มันคิดจะทำอะไร?’ หัวใจของหวังเฉิงสั่นสะท้าน

 

พิจารณาจากพฤติกรรมของซูเฉิน คล้ายมีเจตนาว่าต้องการต่อสู้ระยะประชิด

 

อย่างไรก็ตาม ซูเฉินเป็นปรมาจารย์พลังจิตไม่ใช่หรอ?

 

ตั้งแต่เมื่อใดกันที่ปรมาจารย์พลังจิตมีพละกำลัง สามารถสู้ระยะประชิดได้?

 

หรือเขาเพ้อเจ้อคิดว่าตัวเองเป็นผู้วิวัฒนาการ?

 

ฝูงชนที่มุงดูต่างสับสนงุนงง ไม่มีใครรู้ว่าทำไมซูเฉินถึงทำแบบนี้

 

ในขณะนั้นเอง ทั้งหมดเบิกตากว้าง มองทุกอากัปกิริยาของซูเฉิน ไม่ต้องการพลาดช็อตใดๆไป

 

มองไปยังซูเฉินที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หวังเฉิงยิ่งนานยิ่งหวาดกลัว หันไปหากลุ่มลูกน้องที่อยู่ข้างหลังแล้วตะโกนว่า “มาช่วยกันเร็ว รีบฆ่าเขา!”

 

ได้ยินแบบนั้น ผู้ใต้บังคับบัญชาเขาตกตะลึง หันมามองหน้ากัน

 

เกิดอะไรขึ้น?

 

เหตใดผู้ทรงอำนาจ เปี่ยมไปด้วยความแข็งแกร่งชนิดหาผู้ใดเปรียบ เมื่อเผชิญหน้ากับชายหนุ่มเพียงคนเดียว เวลานี้ถึงเรียกร้องให้พวกเขาเข้าไปรุมทำร้ายศัตรู?

 

นี่มันเรื่องจริง หรือเป็นพวกเขาที่ฟังผิดไป?

 

ฝูงชนที่มุงดูต่างแค่นเสียง สายตาที่พวกเขามองหวังเฉิงเริ่มแสดงถึงความดูแคลน

 

ประณาม! เอ็งเป็นถึงยอดฝีมือที่มีชื่อเสียง แต่กับอีแค่สู้กับชายหนุ่มอายุต่ำกว่า 20 ปี ดันทะลึ่งเรียกคนมาช่วย?

 

ช่างไร้ยางอายนัก!

 

ไม่มีศักดิ์ศรีแล้วหรือไง?

 

รู้สึกละอายใจบ้างไหม!?

 

เมื่อหวังเฉิงเห็นลูกน้องเขายังคงยืนอึ้งอยู่กับที่ เจ้าตัวก็ร้องคำรามด้วยความโกรธ “สารเลว! ฉันบอกให้ฆ่ามัน ให้ตายเถอะ! พวกแกทุกตัวหูหนวกรึไง?”

 

เสียงนี้เรียกสติลูกน้องทุกคน เวลานี้พวกเขาไม่เสียเวลาคิดอีกต่อไป ทั้งหมดปรี่เข้าหาซูเฉิน

 

ซูเฉินยิ้มมุมปาก สะบัดมือยิงใบมีดสายลมออกไปอย่างสบายๆ

 

ทันใดนั้นเอง คลื่นความผันผวนของพลังเวทย์อันน่าสยดสยองแพร่กระจายไปทั่วชั้นอากาศ

 

“เขาเป็นปรมาจารย์มนตราธาตุลม!”

 

ท่ามกลางฝูงชน ไม่ทราบว่าใครเป็นคนร้องตะโกนขึ้นมมา

 

สีหน้าของลูกน้องที่วิ่งเข้าหาซูเฉินแปรเปลี่ยนไป เมื่อเทียบกับคนอื่นๆแล้ว ทั้งสมองและจิตใจของพวกเขาตะลึงลานอย่างสมบูรณ์ เพราะพวกเขาที่อยู่ใกล้กับใบมีดสายลมที่สุด ย่อมสัมผัสถึงมันได้อย่างลึกซึ้งกว่าใคร ว่าไม่อาจรับมือกับมันได้

 

ฟัฟ ฟัฟ ฟัฟฟฟ

 

ภายใต้เสียงของเนื้อที่ถูกสับ พริบตาเดียวกลุ่มลูกน้องถูกหั่นเป็นก้อนเนื้อชิ้นเล็กๆ กระจัดกระจายไปทั่วพื้น

 

ซี๊ดดดดด!

 

มองไปยังฉากนี้ ฝูงชนทั้งหมดสูดหายใจเย็นเยียบ

 

ช่วงเวลานี้ ทุกคนแทบลืมหายใจ

 

หางตาของหวังเฉิงกระตุกไม่หยุด แผ่นหลังเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็น สมองของเขาสับสนวุ่นวาย จิตใจกลายเป็นด้านชา ลอบพึมพำกับตัวเอง “เป็นไปได้อย่างไร? เขาเป็นปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 4 มิใช่หรือ? แล้วทำไมถึงกลายเป็นปรมาจารย์มนตราเลเวล 4 ไปได้?”

 

ในบรรดาลูกน้องของเขา มีผู้วิวัฒนาการเลเวล 3 อยู่ถึงสองคน แต่ถึงกระนั้น ก็ยังถูกใบมีดสายลมของซูเฉินฟันขาดเป็นท่อนๆ

 

นี่แสดงให้เห็นว่าพลังเวทย์ของซูเฉินต้องอยู่ในเลเวล 4 เป็นอย่างน้อย

 

บางคนที่อยู่ใกล้กับหวังเฉิน ได้ยินคำบ่นจากปากเขา แทบช็อกจนหัวใจเกือบวายตาย

 

ปรมาจารย์พลังจิตและปรมาจารย์มนตราเลเวล 4! ทั้งสองอาชีพอยู่ในร่างชายหนุ่มคนเดียวกัน นี่มันจะน่ากลัว น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

 

ณ ขณะนี้ พวกเขาก็เข้าใจแล้วเช่นกัน ว่าเหตุใดหวังเฉิงถึงสั่งให้ลูกน้องโจมตีโดยไม่คำนึงถึงหน้าตาของตัวเอง ที่แท้ก็กำลังถูกชายหนุ่มฝั่งตรงข้ามกดดันอยู่นี่เอง

 

“ลูกน้องของแกไปสู่สุขติแล้ว ถึงเวลาที่ลูกพี่อย่างแกควรไปอยู่กับพวกมัน”

 

ซูเฉินหัวเราะเย็นชา ระเบิดความเร็วในตัวเขาออกมา

 

“อย่าฆ่าฉัน!”

 

หวังเฉิงตกใจมาก เขาหันหลัง และรีบวิ่งหนีซูเฉินทันที

 

อย่างไรก็ตาม เขาเป็นเพียงปรมาจารย์พลังจิต สมรรถภาพทางกายของเขาดีกว่าคนทั่วไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แล้วจะหลบหนีจากเงื้อมมือของซูเฉินได้อย่างไร?

 

“ไม่ต้องกลัวไปหรอก ความตายน่ะมันแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น”

 

เสียหยอกล้อดังแว่วเข้าไปในหูของหวังเฉิง ไม่รอให้เขาได้ตอบสนอง ซูเฉินก็จัดการซัดหมัดระเบิดศีรษะดังโผล๊ะทันที