5/8

 

Ep.361

 

อย่างไรก็ตาม ราคาหยุดนิ่งอยู่ที่ 1,800 หินพลังงานได้ไม่นาน มันก็พุ่งขึ้นอีกเป็น 2,000 โดยห้องส่วนตัวหมายเลข 3

 

ซูเฉินเฝ้าดูอย่างเงียบๆ ไม่เสนอราคาเพิ่มต่อ

 

เพราะตอนนี้ไม่ใช่จังหวะที่ดีที่จะเสนอราคา เอาไว้รอจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม แล้วเขาค่อยทุ่มสุดตัว

 

การประมูลยังคงดำเนินต่อไป และราคาก็ค่อยๆโดดสูงขึ้นเรื่อยๆ

 

ห้องหมายเลข 1 เสนอ 2,500 หินพลังงาน ก่อนที่หมายเลข 7 จะเพิ่มเป็น 3,000 หินพลังงาน

 

ห้องที่ 3 ไม่ยอมแพ้ จัดหนักที่ 4,000 หินพลังงาน

 

ทันทีที่ราคานี้ถูกเสนอ ผู้คนจากชั้นล่างต่างร้องอุทาน

 

สำหรับพวกเขา ต่อให้ทำงานหนักตลอดชีวิต ก็ไม่มีทางได้ครอบครองหินพลังงานมากขนาดนี้

 

ห้องส่วนตัวหมายเลข 7 เงียบไป เหมือนว่าจะยอมแพ้แล้ว

 

ขณะที่หมายเลข 1 ลังเล แต่สุดท้ายตัดสินใจขึ้นราคาเป็น 4,500 หินพลังงาน

 

อย่างไรก็ตาม ห้องที่ 3 เสนอราคาเกทับที่ 5,000 หินพลังงานทันที

 

และหลังจากที่เสนอราคานี้ เสียงชราภาพที่ฟังดูน่าเกรงขามก็ดังออกมาจากห้องๆนั้น

 

“เราผู้เฒ่าหวังเฉิงแห่งภูเขาชิงเฉิง หวังว่าเหล่าสหายในที่นี้จะเห็นแก่หน้าฉัน ขอสัญญาว่าจบงานนี้ จักตอบแทนพวกท่านในภายหลัง”

 

ทันทีที่คำนี้หลุดออกมา ชั้นล่างเกิดความโกลาหลขึ้นทันที

 

“ที่แท้ห้องหมายเลข 3 ก็คือประมุขหวังเฉิงแห่งนิกายชิงเฉิงนี่เอง! ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงรวยขนาดนี้”

 

“ฉันไม่รู้จัก ภูมิหลังของเขาเป็นมาอย่างไร ไหนช่วยอธิบายซิ”

 

“ภูเขาชิงเฉิง แม้จะเป็นขุมกำลังชั้นสองในเขตหยูหลิน แต่กำลังรบของพวกเขาแข็งแกร่งมาก ได้ยินมาว่าประมุขหวังเฉิงคือปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 4!”

 

“โอ้สวรรค์! ที่แท้เขาเป็นปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 4 นี่เอง มิน่าเล่าถึงสนใจพืชวิญญาณต้นนี้นัก”

 

“ในเมื่อหวังเฉิงได้ประกาศชื่อของตัวเองออกมา คงไม่มีใครกล้าเสนอราคาแข่งกับเขาอีกแล้วล่ะ”

 

“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว ทุกคนก็อยากอายุยืนยาวกันทั้งนั้น ใครจะไปกล้าผิดใจกับปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 4 กัน”

 

 

ซูเฉินตระหนักดี ว่าที่หวังเฉิงประกาศชื่อตัวเองออกมา หลักๆก็เพราะหินพลังงานของเขาคงแทบไม่เหลือแล้ว

 

จุดประสงค์ก็ชัดเจนเช่นกัน นั่นคือกีดกันทุกคน ป้องกันไม่ให้คนอื่นเสนอราคาเพิ่มอีก

 

และหมากตานี้ของเขาได้ผลจริงๆ หลังจากทราบที่มาของหวังเฉิง ห้องส่วนตัวหมายเลข 1ที่แข่งกับเขา ดูท่าจะหวาดกลัวไม่น้อย เงียบเป็นเป่าสาก ไม่กล้าสู้ราคาอีกเลย

 

สีหน้าของพิธีกรสาวดูไม่ค่อยพอใจนัก หวังเฉิงทำเช่นนี้ เรียกได้ว่าเป็นการละเมิดกฏการประมูล ทำให้เสียโอกาสขึ้นราคา

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานะของหวังเฉิง เธอไม่อาจล่วงเกินเขา

 

หลังจากรอสักพัก ก็ไม่เห็นมีใครเสนอราคาอีก เธอจึงเริ่มประกาศนับถอยหลัง

 

“มีท่านไหนเสนอราคาสู้อีกหรือไม่ ถ้าไม่มีแล้ว พืชวิญญาณต้นนี้จะเป็นของแขกผู้มีเกียรติจากห้องส่วนตัวหมายเลข 3”

 

“3”

 

“2”

 

แต่ในเวลานั้นเอง ซูเฉินเคาะราคาลงอีกครั้ง

 

และราคานี้ มันแสดงขึ้นบนหน้าจอขนาดใหญ่ เพื่อให้ทุกคนสามารถมองเห็นได้

 

มองไปยังตัวเลขหน้าสุดที่ดีดขึ้นมาเป็นเลข 6 พิธีกรสาวผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนร้องอุทานด้วยความตื่นเต้น “ห้องส่วนตัวหมายเลข 7 เสนอราคาที่ 6,000 หินพลังงาน!”

 

พริบตานั้น ทุกคนคล้ายได้สติกลับมา ผู้ร่วมประมูลในห้องต่างตกอยู่ในความโกลาหล

 

ผู้คนส่วนใหญ่ในที่นี้ สามารถจดจำห้องหมายเลข 7 ได้เป็นอย่างดี

 

เพราะเขาคือคนที่เคยซื้อแร่สามชนิดในรายการประมูลไป เป็นเศรษฐีร่ำรวยคนหนึ่ง

 

แต่ในเวลานี้ พวกเขาก็ต้องตกใจกับการกระทำของห้องหมายเลข 7 อีกครั้ง

 

เนื่องจากเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อมาก ที่ห้องหมายเลข 7 กล้าเสนอราคาในเวลานี้

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว หวังเฉิงไม่ได้เป็นเพียงประมุขนิกายแห่งภูเขาชิงเฉิงเท่านั้น แต่เขายังเป็นปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 4 ที่ทรงพลังอีกด้วย

 

ด้วยสถานะนี้ ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งจากเมืองทงเทียน ก็ยังต้องสุภาพต่อเขา

 

ขณะที่คนในห้องหมายเลข 7 ไม่ไว้หน้ากันสักนิด นี่มันจะไม่ใจกล้าเกินไปหน่อยหรือ?

 

เขาไม่กลัวตายจริงๆ?

 

“ประเสริฐ ประเสริฐยิ่ง! เราหวังเฉิงจะจดจำเรื่องนี้ไว้” เสียงชราจากห้องหมายเลข 3 ดังขึ้นอีกครั้ง

 

อย่างไรก็ตาม ในประโยคนี้แฝงไปด้วยน้ำเสียงข่มขู่คุกคาม

 

ซูเฉินเบ้ปาก ตอบกลับไปว่า “ก็แค่นิกายขยะชั้นสอง อย่ามาทำเป็นอวดดีนักเลย ไม่ต้องสาระแนมาจดจำหรอก ถ้าไม่พอใจก็ออกมาข้างนอกซะ แล้วฉันจะบี้แกให้ตายในมือเดียว!”

 

ทันทีที่คำนี้หลุดออกมา ฝูงชนโดยรอบตกอยู่ในความเงียบงัน ไม่ได้ยินแม้เสียงหายใจ

 

6/8

 

Ep.362

 

หลังจากนั้นไม่นาน น้ำเสียงเย็นชาชวนให้ขนลุกของหวังเฉิงก็ดังออกมาจากห้องหมายเลข 3 “ช่างกล้านัก! หวังว่าแกจะไม่ใช่คนที่ดีแต่ปาก เราผู้เฒ่าจะไปรอข้างนอก!”

 

สิ้นเสียง เขาก็เปิดประตูห้อง และเดินออกจากงานประมูลทันที

 

เมื่อเดินผ่านห้องส่วนตัวหมายเลข 7 ผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนรอบๆตัวหวังเฉิงก็ตะโกนว่า “อย่าหนีซะล่ะไอ้ลูกเต่า!”

 

“แกสิลูกเต่า! อย่ามาทำเป็นเก่งหน่อยเลย เดี๋ยวพี่ใหญ่ฉันจะส่งนิกายชิงเฉิงของพวกแกไปสวรรค์ให้เอง!”

 

ซูเฉินไม่สนใจ แต่เฉาหรานอดไม่ได้ ตะโกนด่าสวนกลับไป

 

หวังเฉิงแค่นเสียงเย็น ไม่หยุดฝีเท้า เดินออกไปรอข้างนอก

 

เมื่อคนจากภูเขาชิงเฉิงออกจากห้องประมูล พื้นที่ชั้นหนึ่งก็เริ่มเดือดพล่าน

 

“ใครกันที่อยู่ในห้องหมายเลข 7 นี่เขาบ้าไปแล้วหรอ?”

 

“กล้าท้าหวังเฉิง ทำแบบนี้เหมือนยื่นคอเข้าบ่วง แขวนคอตายชัดๆ”

 

“พวกมันจะกล้าออกไปข้างนอกจริงๆหรอ? ฉันว่าสุดท้ายคงเป็นแค่เต่าหัวหดนั่นอย่างที่เขาพูดกันนั่นแหละ”

 

“ฉันท้าเดิมพันด้วยหินพลังงาน ว่าพวกมันไม่กล้าออกไปข้างนอก”

 

“ส่วนฉันพนัน 10 หินพลังงานเลย ว่าพวกมันต้องตายแน่ๆถ้าออกไป”

 

แม้เมืองทงเทียนจะมีข้อกำหนดชัดเจนว่าไม่อนุญาตให้มีการสู้รบส่วนตัวภายในเมือง แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นผู้ฝ่าฝืน

 

หากเป็นผู้แข็งแกร่งเช่นหวังเฉิง ถ้าเขาคิดสู้ในเมืองทงเทียนจริงๆ ต่อให้ผิดกฏ แต่คนของเมืองทงเทียนก็จะหลับตาข้างหนึ่ง ทำเป็นมองไม่เห็น

 

ดังนั้น ทุกคนในที่นี้จึงคิดเป็นเสียงเดียวกันว่า ตราบใดที่คนในห้องหมายเลข 7 กล้าก้าวออกจากงานแม้เพียงก้าว พวกเขาจะต้องตายด้วยน้ำมือของหวังเฉิง

 

ขณะที่ทุกคนกำลังพูดถึงเรื่องนี้ ซูเฉินก็ได้รับต้นผลแก่นแท้ แล้วนำมันลงใน [พื้นที่เพาะปลูก]

 

อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกแปลกใจมาก

 

ในเมื่อทั้งต้นผลแก่นแท้และต้นผลอายุวัฒนะล้วนเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของสายพันธุ์พืชปีศาจเหมือนกัน แต่เหตุใดจึงมีแค่ต้นผลอายุวัฒนะที่มีใบหน้ามนุษย์

 

ขณะที่ต้นผลแก่นแท้ ดูไม่ต่างจากพืชวิญญาณทั่วๆไป

 

“เสี่ยวโซ่ว นายแน่ใจนะว่านี่คือต้นผลแก่นแท้จริงๆ?” ซูเฉินถามด้วยความสงสัย

 

“เจ้านาย ไม่ผิดแน่ๆ มันคือต้นผลแก่นแท้จริงๆ เพียงแต่ว่ายังอยู่ในช่วงวัยเริ่มเจริญเติบโต ต้องรอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมก่อน มันถึงจะเหมือนกันกับฉัน” ต้นผลอายุวัฒนะอธิบาย

 

ซูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนปิด [พื้นที่เพาะปลูก] แล้วเดินออกจากห้องส่วนตัวพร้อมกับหวู่หยางและคนอื่นๆ

 

ช่วงเวลาที่ซูเฉินปรากฏตัว ทุกคนต่างจับจ้องมาเป็นสายตาเดียว

 

แต่เมื่อเห็นว่าซูเฉินยังเด็ก ทั้งหมดก็ไม่สบอารมณ์นัก

 

“พระเจ้า ทำไมเขาถึงยังเด็กนัก!”

 

“ที่แท้ก็แค่เด็กอมมือ ดันกล้าไปท้าทายหวังเฉิง”

 

“คนหนุ่มสมัยนี้จองหองซะจริง ไม่น่าแสร้งทำเป็นเก่งเลย ไม่งั้นคงไม่ต้องได้รับบทเรียนแบบนี้!”

 

“เหอะ! บทรงบทเรียนอะไร คิดว่าเขาจะรอดไปได้อีกหรือ?”

 

ในความรู้ความเข้าใจของทุกคน ยอดฝีมือยิ่งอายุเยอะก็ยิ่งแข็งแกร่ง

 

ขณะที่ซูเฉินอายุยังน้อยนัก ไม่มีทางเป็นคนแข็งแกร่งอย่างแน่นอน มากสุดแค่ผู้วิวัฒนาการเลเวล 2 เท่านั้น

 

และผู้วิวัฒนาการเลเวล 2 จะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 4 ได้อย่างไร?

 

ไม่ต้องใช้สมองก็ได้คำตอบว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง

 

ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงเห็นพ้องต้องกัน ว่าศึกนี้ซูเฉินคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย

 

ซูเฉินไม่สนใจเรื่องนี้ ภายใต้สายตาของฝูงชน เขาเดินออกไปอย่างสบายๆ

 

เมื่อเขาก้าวออกจากประตูงานประมูล ก็พบว่าข้างนอกคราคร่ำไปด้วยผู้คน มุงดูกันเยอะแยะเต็มไปหมด อย่างน้อยก็หลักพัน

 

เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ทราบข่าวที่เกิดขึ้น และมารอรับชมความสนุก

 

“ในหมู่พวกแก ใครกันที่ท้าทายฉัน? ก้าวออกมา!”

 

ในตอนนั้นเอง ชายชราที่มีใบหน้าดุร้ายกวาดมองซูเฉินและคนอื่นๆ พ่นลมหายใจเย็นชา

 

“ฉันเป็นคนพูดเอง” ซูเฉินปาดจมูกเขา ก้าวไปข้างหน้า เหลือบมองชายชรา กล่าวอย่างไม่แยแส “ส่วนแกคงจะเป็นหวังเฉิงล่ะสิใช่ไหม?”