Ep.351

 

ออกจากประตูใหญ่ของร้านยู่หลิน ซูเฉินและคนอื่นๆเดินเตร่ไปรอบๆ มองหาสถานที่จัดงานประมูล

 

ไม่ว่าจะต้นผลแก่นแท้หรือหินดาราชีพจรปฐพี ก็ล้วนถูกส่งเข้าประมูล ดังนั้นเขาจะต้องเข้าร่วมประมูลในวันพรุ่งนี้ให้จงได้

 

และอันดับแรกที่ต้องทำ คือต้องรู้สถานที่จัดงาน

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมา กลุ่มของซูเฉินก็มาถึงด้านหน้าของตึกที่ถูกสร้างเป็นทรงกลม ตั้งแยกจากตึกหลังอื่น

 

ตึกหลังนี้ดูเหมือนป้อมปราการ เวลานี้ประตูหน้าปิดสนิท และมีแผ่นป้ายโลหะอยู่หน้าประตู เป็นตัวอักษรใจความว่า “สถานที่จัดงานประมูลทางตอนเหนือของเมืองทงเทียน”

 

ซูเฉินกวาดสายตาอ่าน ก่อนถอนสายตากลับมา

 

งานประมูลจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นเขาต้องพักผ่อนในเมืองทงเทียนคืนหนึ่ง

 

ต่อไป ก็ถึงเวลาเริ่มหาที่พักผ่อน

 

มีที่พักหลายแห่งในเมืองทงเทียน บางแห่งดูเหมือนโรงเตี๊ยมโบราณ บางแห่งก็เหมือนกับโรงแรมในชีวิตก่อนของซูเฉิน สองสไตล์ที่ต่างกันสุดขั้ว

 

ซูเฉินเลือกโรงแรมที่มีชื่อว่า ‘ห่าวเยว่’ (จันทร์กระจ่าง) ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสถานที่จัดประมูล

 

หลังจากเข้าไปในโรงแรมแล้ว พนักงานก็เอ่ยต้อนรับเขา “ไม่ทราบคุณลูกค้าสนใจเข้าพักกี่ห้อง?”

 

“ขอสามห้อง เอาแบบติดๆกัน” ซูเฉินพยักหน้า

 

พวกเขามีทั้งหมดเก้าคน เห็นได้ชัดว่าไม่เหมาะที่จะให้ยัดกันในห้องเดียว สามคนต่อหนึ่งห้องกำลังดี นอกจากนี้ยังสามารถช่วยเป็นหูเป็นตาให้กันได้

 

พนักงานกล่าวว่า “ถ้าสามห้องติดกัน ห้องธรรมดาเต็มหมดแล้ว ตอนนี้เหลือแค่สามห้องชั้นบนสุด ยังไงก็ตาม ราคาก็จะสูงตาม หนึ่งห้องต่อหินพลังงานธรรมดา 20 ก้อน”

 

20 หินพลังงาน สำหรับคนทั่วไป ถือว่าเป็นราคาที่สูงเสียดฟ้า

 

แต่สำหรับซูเฉิน จำนวนเท่านี้ไม่ต่างจากขนบนตัววัว

 

หินพลังงานในถุงเก็บของของเขา หากพวกมันทั้งหมดถูกแลกเปลี่ยนเป็นหินพลังงานธรรมดา จะมีปริมาณหลายแสนก้อน

 

ดังนั้น หินพลังงาน 20 ก้อน ไม่นับว่ามีความสำคัญใดๆ

 

“นี่หินพลังงาน 60 ก้อน ฉันขอทั้งสามห้อง” ซูเฉินคว้าหินพลังงานขึ้นมาหนึ่งกำมือ ยื่นให้พนักงาน

 

พนักงานนับจำนวน เมื่อพบว่ามันมี 65 ก้อน เขาก็ฉีกยิ้มไปถึงใบหู

 

เพราะเขารู้ดี ว่า 5 ก้อนที่เกินมาคงมิแคล้วเป็นทิปให้เขา

 

อย่าเห็นว่าแค่ 5 ก้อนเชียวนะ เพราะแค่นี้มูลค่าของมันก็มากกว่าการนั่งทำงานงกๆของเขาทั้งเดือนแล้ว

 

มหาเศรษฐีเช่นซูเฉิน เขาไม่ได้เจอมานานแล้ว

 

“พี่น้องทั้งหลาย ห้องสุดหรูชั้นบนสุดอยู่ทางนี้ โปรดตามฉันมา” พนักงานใบหน้าเปื้อนยิ้ม นำทางไปข้างหน้า

 

ในชั้นบนสุด มีห้องที่เชื่อมถึงกันอยู่สามห้อง

 

ซูเฉิน , หยางหลิงเทียน และหวู่หยางอยู่ห้องนึง อีกห้องสำหรับพวกสาวๆ และห้องสุดท้ายสำหรับหยางฮ่าวและสหาย

 

เฟอร์นิเจอร์ข้างในถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก และมีเตียงไม้สามเตียงพอดี

 

ซูเฉินทิ้งตัวลงนอนหนึ่งในนั้น ขณะเขากำลังจะหลับตาเพื่อพักผ่อนสักเล็กน้อย จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก

 

ซูเฉินปล่อยพลังจิตกวาดออกไป และพบว่าเป็นพนักงานคนเดิมกำลังเคาะประตูโดยมีชายฉกรรจ์สามคนยืนอยู่เบื้องหลังเขา

 

ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีเจตนาอะไร ซูเฉินขมวดคิ้วและเดินไปที่ประตูห้อง

 

เขาเปิดประตู กล่าวเสียงเย็นว่า “มีเรื่องอะไร?”

 

พนักงานกล่าวด้วยความลำบากใจเล็กน้อยว่า “แขกผู้มีเกียรติ ไม่ทราบคุณช่วยสละห้องนี้ให้ผมจะได้ไหม? พวกเขายินดีจ่ายให้คุณเป็นสองเท่า”

 

“ฉันดูเหมือนคนขาดหินพลังงานไหม?” ใบหน้าของซูเฉินหมองลง แค่นเสียงเย็น “ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว อย่ามารบกวนฉันอีก”

 

สิ้นเสียง ขณะเขากำลังจะปิดประตู เสียงเย็นชาก็ดังข้ามหลังพนักงงานมา

 

“เจ้าหนู ไม่เห็นหรือว่าฉันไว้หน้าแกมากแล้ว? ยังไงฉันก็จะเอาห้องนี้ ถ้ายังพอมีสมองอยู่ ก็ไสหัวไปซะ!”

 

ซูเฉินปาดจมูกเขา เอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “แล้วถ้าฉันไม่ไปล่ะ?”

 

“แกรู้รึเปล่าว่าพวกเรามาจากไหน? เกรงว่าถ้าพูดออกไปมันคงทำให้แกตกใจกลัวจนตาย! กล้าดียังไงถึงไม่ยอมถอยให้พวกเรา?”

 

ชายฉกรรจ์สามคนก้าวมาข้างหน้า ผลักพนักงานออกไป ถลึงมองซูเฉิน พ่นลมหายใจเย็นเยียบ

 

“เออก็ลองบอกมาสิฉันอยากฟัง” ซูเฉินยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน

 

“พวกเรามาจากนิกายวูหยิน แกคงเคยได้ยินชื่อนี้มาบ้างใช่ไหม? ยังไม่รีบไสหัวออกไปอีก!” หนึ่งในสามที่เป็นชายหนุ่มส่งเสียงฮึดฮัดผ่านรูจมูก

 

นิกายวูหยิน เป็นที่ยอมรับกันว่าคือหนึ่งในสามขุมกำลังชั้นนำของเขตหยูหลิน

 

ในสายตาของชายหนุ่ม ขอแค่เอ่ยชื่อนิกายวูหยินออกมา ซูเฉินคงตกใจจนฉี่ราด

 

“อ้อเหรอ นึกว่าใคร ที่แท้ก็นิกายขยะนี่เอง” ใบหน้าของซูเฉินเต็มไปด้วยความดูถูก กล่าวเหยียดหยาม “ไม่กี่วันก่อน มีมดปลวกหลายตัวจากนิกายวูหยินมาส่งเสียงเห่าใกล้ๆฉันเหมือนกัน แต่ถูกฉันบี้ตายด้วยมือเปล่าไปหมดแล้ว วันนี้ขยะสามตัวเองก็อยากหาที่ตายด้วยเหมือนกันใช่ไหม? ”