Ep.330

 

จนถึงตอนนี้ ซูเฉินได้รับหินศักดิ์สิทธิ์มาแล้วถึง 4 ชนิด

 

อันได้แก่ [หินบดดาราเทียนกัง] , [อุกกาบาตเพลิงปฐพี] , [ศิลาชุบไม้แห่งขุนเขาเขียว] และ [หินทองคำสดับเงา]

 

ในบรรดาพวกมัน [หินบดดาราเทียนกัง] และ [อุกกาบาตเพลิงปฐพี] สามารถสะสมชิ้นส่วนจนครบและปลดปลดล็อคได้แล้ว ขณะที่ [ศิลาชุบไม้แห่งขุนเขาเขียว] กับ [หินทองคำสดับเงา] รวบรวมมาได้แค่อย่างละชิ้นส่วนเท่านั้น หนทางยังอีกยาวไกล

 

ซูเฉินลองจินตนาการดู ว่าหากเขาใช้ [อัญมณีฟิวชั่น] แล้วหลอมรวมหินศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ชนิดนี้เข้าด้วยกัน เพิ่มน้ำหนักเป็นหลายหมื่นจิน นั่นน่าจะมากพอใช้บดขยี้ศัตรูส่วนใหญ่ได้

 

ต่อมา เขากลับขึ้นไปบน [รถศึกอัจฉริยะ] แล้วค้นหาตำแหน่งของเมืองจินอาบนหน้าจอควบคุมส่วนกลาง

 

มีซอมบี้ 50,000 ตัวอยู่ในเมืองจินอา เขาจะไม่ยอมปล่อยพวกมันหลุดมือไป

 

ไม่นาน เขาก็พบที่ตั้งของเมืองจินอา ปรากฏว่าอยู่ห่างจากที่นี่ออกไป 700 ไมล์

 

เมื่อหวู่หยางและคนอื่นๆขุดหินพลังงานเสร็จ ก็กลับขึ้นมาบนรถ ซูเฉินสั่งเสี่ยวจือมุ่งหน้าไปยังเมืองจินอาทันที

 

แต่พอขับไปได้ราวๆครึ่งชั่วโมง [รถศึกอัจฉรินยะ] ก็ส่งสัญญาณเตือนดังขึ้น

 

“คำเตือน พบรถฐานทัพคันหนึ่งอยู่เบื้องหน้า อีกฝ่ายกำลังเคลื่อนที่เข้ามาด้วยความเร็วสูง”

 

“หืม?”

 

ซูเฉินเลิกคิ้วเล็กน้อย เขาเคยเจอเรื่องแบบนี้มานักต่อนักแล้ว ครั้งนี้คงไม่พ้นมีคนคิดสร้างปัญหาให้อีกตามเคย

 

“เสี่ยวจือ ช่างหัวมัน ขับต่อไป” ซูเฉินไม่สนใจ

 

ต่อให้เอาทหารมาขวาง ชักแม่น้ำมากั้น ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีจุดประสงค์อะไร ซูเฉินไม่กลัว

 

ไม่นาน รถฐานทัพก็จอดขวางทาง [รถศึกอัจฉริยะ] เป้าหมายของอีกฝ่ายชัดเจนแล้ว นั่นคือหยุดเขา

 

ซูเฉินหรี่ตาและเพ่งมองออกไป เอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “รถฐานทัพของเมืองทงเทียน?”

 

รถฐานทัพที่ขวางหน้า ตลอดทั้งคันเป็นสีดำสนิท ไม่ต่างจากคันที่ขับโดยซือยี่เลย

 

[รถศึกอัจฉริยะ] จอดลง ซูเฉินก็ออกจากรถทันที

 

มีสองคนก้าวลงจากรถฐานทัพฝั่งตรงข้าม หนึ่งเป็นชายวัยกลางคนที่มีหนวดเคราเฟิ้ม อีกคนเป็นชายหนุ่มรูปหล่อหน้าตาดี

 

ชายหนวดเฟิ้มคือ ซุนเทียนกังแห่งเมืองทงเทียน ชายหนุ่มรูปหล่อคือโม่เฉิงกงแห่งภูเขาฉีหลิน

 

“อาเฮียโม่ นั่นน่าจะเป็นพวกเขา”

 

ซุนเทียนกังเหลือบมองไปยัง [รถศึกอัจฉริยะ] เอ่ยกับโม่เฉิงกง

 

ก่อนมา พวกเขาได้ข้อมูลจากชายชราหงอกขาว ว่าโม่เฉิงกงตัวปลอมคือเด็กหนุ่มคนหนึ่ง และยังเป็นเจ้าของรถฐานทัพสีเงิน

 

ซึ่งซูเฉินกับ [รถศึกอัจฉริยะ] ที่อยู่ข้างหน้า ก็เข้ากับคำอธิบายได้อย่างลงตัว

 

โม่เฉิงกงพยักหน้าเล็กน้อย แววตาทอประกายเย็นเยียบ เผชิญหน้ากับซูเฉิน เอ่ยเย้ยหยันว่า “ไอ้หนู แกกล้ามาก!”

 

ซูเฉินปาดจมูกเขา เอ่ยอย่างไม่แยแส “พูดบ้าอะไรของแก ถ้าไม่มีธุระก็ไสหัวไป สุนัขที่ดีต้องรู้จักไม่ขวางทางถนน”

 

“บังอาจ!”

 

ซุนเทียนกังโกรธจัด เขากำลังจะก้าวออกไปสั่งสอนซูเฉิน แต่ก็ถูกโม่เฉิงกงรั้งเอาไว้ก่อน

 

“เฮียซุน ไอ้เด็กนี่มันปากหมา!”

 

โม่เฉิงกงโบกมือให้ซุนเทียนกังว่าไม่เป็นไร จากนั้นเอ่ยกับซูเฉินว่า “ไอ้หนู บอกฉันที ว่าทำไมแกถึงต้องแอบอ้างชื่อฉัน”

 

“แกคือโม่เฉิงกง?” ซูเฉินเริ่มตื่นตัวขึ้นมา

 

จุดประสงค์ของเขาในการปลอมตัวเป็นโม่เฉิงกงนั้นง่ายมาก ก็แค่ใส่ร้ายภูเขาฉีหลิน แต่ไม่นึกเลยว่าเพราะเรื่องนี้ จะดึงดูดเจ้าของชื่อตัวจริงเข้ามา

 

“เออ เป็นฉันเอง!” โม่เฉิงกงแค่นเสียงเย็นชา

 

ซูเฉินพยักหน้า กล่าวตามตรง “เหตุผลที่แอบอ้างเป็นแกก็ง่ายๆ เพราะฉันแค่ไม่ชอบภูเขาฉีหลิน เลยอยากสาดโคลนใส่มัน”

 

“ว่ากระไร!?”

 

ซุนเทียนกังตกตะลึง

 

สมองของไอ้หนุ่มนี่ใช่มีอะไรผิดปกติไปแล้วรึเปล่า?

 

ภูเขาฉีหลินคือหนึ่งในห้าขุมกำลังที่มีอำนาจมากที่สุดในเขตหยูหลิน หากคนที่รู้ถึงเรื่องนี้ แค่เอ่ยชื่อภูเขาฉีหลินขึ้นมาก็หวาดกลัวแล้ว

 

ไม่ว่าใครก็อยากหลีกเลี่ยง ไม่ต้องการมีปัญญหากับพวกเขา แต่เจ้าหนุ่มนี่ มันกลับเป็นฝ่ายตั้งใจสร้างปัญหาเสียเอง