Ep.331

 

โม่เฉิงกงมองมายังซูเฉินด้วยความสนอกสนใจ ฉีกยิ้มเหี้ยมเกรียม “ไอ้หนู แกไปรู้ชื่อฉันมาจากไหน?”

 

ตามปกติแล้ว เขามักใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในนิกาย

 

ครั้งนี้หากไม่ใช่เพื่อตามหาน้องสาวโม่ไฉ่เหลียน เขาคงไม่ออกมาข้างนอก

 

ตามหลักเหตุผลแล้ว น้อยคนนักที่จะรู้จักชื่อของเขา แล้วชายหนุ่มตรงหน้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?

 

ใช่มีความเกี่ยวข้องกับโม่ไฉ่เหลียนหรือไม่?

 

เมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้ เขาไม่รอให้ซูเฉินตอบ เอ่ยถามอีกครั้งด้วยความกังวล“แกเคยเจอน้องสาวของฉันใช่ไหม”

 

“แกกำลังพูดถึงโม่ไฉ่เหลียนใช่รึเปล่า?” ซูเฉินผุดยิ้มมุมปาก

 

“แกเจอเธอจริงๆ? ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน!!” โม่เฉิงกงเบิกตากว้าง ถามด้วยความตื่นเต้น

 

“น่าเสียดายที่เธอตายไปแล้ว ส่วนคนฆ่า … ก็ฉันนี่แหละ!” ซูเฉินปาดจมูกเขา

 

ช่วงเวลานี้ บรรยากาศคล้ายหยุดนิ่ง

 

บริเวณโดยรอบตกอยู่ในความเงียบงันอันแปลกประหลาด

 

“ … ทำไมแกถึงฆ่าเธอ?”

 

ความตื่นเต้นบนใบหน้าของโม่เฉิงกงหายไปอย่างรวดเร็ว ถูกแทนที่ด้วยหมอกควัน น้ำเสียงเย็นยะเยือกราวกับธารน้ำแข็ง

 

ในแววตาสะท้อนถึงความเกลียดชัง สายตาที่ใช้มองซูเฉิน ราวกับกำลังมองคนที่ตายไปแล้ว

 

ใบหน้าของซูเฉินยังคงสงบ อันที่จริงปรากฏร่องรอยของความพึงพอใจเล็กน้อย เผยรอยยิ้มบาง “ก็เห็นเธอแล้วไม่สบอารมณ์ เลยจัดการฆ่าซะเลย”

 

ในตอนที่โม่ไฉ่เหลียนถูกฆ่าตาย สาเหตุหลักเป็นเพราะเธอและคนของนิกายขวงฉี มีเจตนาร้ายซุกซ่อนตั้งแต่แรก คิดขโมยรถจากเขา

 

แต่เหตุผลที่ซูเฉินพูดแบบนี้ออกไป หลักๆก็เพื่อให้โม่เฉิงกงโกรธ

 

“ไอ้เด็กเหลือขอ! แกมันบ้าไปแล้ว จงตายซะ!”

 

ซุนเทียนกังที่อยู่ข้างๆระเบิดความโกรธออกมา ชักดาบเล่มใหญ่วิ่งเข้าหาซูเฉิน

 

อย่างไรก็ตาม เหมือนเช่นคราวก่อน โม่เฉิงกงหยุดเขาไว้

 

“สหายซุน คนๆนี้ต้องตายด้วยน้ำมือฉัน!” โม่เฉิงกงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

 

เมื่อสิ้นเสียง เจ้าตัวก็กระโจนไปข้างหน้าพร้อมกระบี่ในมือ เหินขึ้นไปในอากาศ

 

แทบจะในทันทีหลังจากนั้น ตามตัวเขาพลันเปล่งแสงสีขาวเจิดจรัส ทั้งคนทั้งร่างเริ่มเลือนหาย คล้ายกับว่าได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่ในมือ

 

ในเวลาเดียวกัน ปราณกระบี่และรังสีฆ่าฟันแทรกซึมไปทั่วชั้นอากาศ

 

ซูเฉินเป็นคนแรกที่ถูกกลืนเข้าไป ตกอยู่ภายใต้วังวนนี้ ราวกับว่าเขาถูกขังเอาไว้ด้วยปราณกระบี่นับหมื่นเล่ม

 

“ไอ้หนู เป็นเพราะแกพูดจาบ้าๆออกมา! นี่แหละคือจุดจบของแก! ” รอยยิ้มโหดร้ายผุดขึ้นบนมุมปากของซุนเทียนกัง

 

กระบวนท่านี้ของโม่เฉิงกง เขาเคยได้ยินมาก่อน

 

มันคือเทคนิคขั้นสูงสุดของภูเขาฉีหลิน ‘กระบี่รวมเป็นหนึ่ง’ เป็นวิชาที่ผสานร่างเข้ากับกระบี่

 

หากใช้เทคนิคนี้ พลังโจมตีที่สามารถระเบิดออกมา จะทะลุขีดจำกัดเลเวลของตัวเอง

 

หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ โม่เฉิงกงคือผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 แต่หลังจากใช้เทคนิคกระบี่รวมเป็นหนึ่ง พลังทำลายล้างของมันจะทะยานไปอยู่ในขอบเขตของเลเวล 5

 

แต่เอาจริงๆ ซุนเทียนกังรู้สึกว่าโม่เฉิงกงกำลังทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะซูเฉินเป็นแค่ชายหนุ่มคนหนึ่ง แม้อีกฝ่ายน่าจะมีความสามารถอยู่บ้าง แต่สุดท้ายคงไม่เกินผู้วิวัฒนาการเลเวล 3 เท่านั้น

 

ซึ่งการสังหารด้วยเทคนิคกระบี่รวมเป็นหนึ่ง นั่นมันมากเกินไปสำหรับซูเฉิน

 

หลังจากสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของโม่เฉิงกง ผู้คนใน [รถศึกอัจฉริยะ] ค่อนข้างกังวลเล็กน้อย

 

เมื่อต้องเผชิญกับเทคนิคกระบี่อันน่าขนพองสยองเกล้า ซูเฉินจักยังคงกระพันเฉกเช่นที่แล้วๆมาหรือไม่?

 

“ซูเฉิน ฉันเชื่อในตัวคุณนะ!” สายตาของหวู่หยางทอประกายเด็ดเดี่ยว

 

ก่อนหน้านี้ ทุกครั้งที่ซูเฉินเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ทรงพลัง เขามักเกิดคำถามเกี่ยวกับซูเฉิน กังวลว่าซูเฉินจะผ่านพ้นมันไปได้หรือไม่

 

แต่ครั้งนี้ เขาเชื่อมั่นว่าซูเฉินจะต้องเอาชนะศัตรูได้

 

แม้ฝ่ายตรงข้ามคืออัจฉริยะแห่งภูเขาฉีหลิน แต่ต่อหน้าซูเฉิน นั่นคงไม่ต่างจากมดปลวก

 

อีกด้านหนึ่ง ซูเฉินเผชิญหน้ากับการโจมตีอันทรงพลังของโม่เฉิงกง เอ่ยพึมพำอย่างไม่หวั่นเกรง “ภูเขาฉีหลิน ..ก็พอมีดีอยู่บ้างนี่!”