Ep.320

 

ชายชราหงอกขาวที่เคยพยายามเกลี้ยกล่อมซูเฉินก่อนหน้านี้ ได้แต่ลอบถอนหายใจ หันหลังกลับไปยังรถฐานทัพของตน

 

ในความเห็นเขา ซูเฉินยังเด็กนัก เลยใจร้อนไปหน่อย ดังนั้นไม่ช้าก็เร็ว อีกฝ่ายจะชักนำปัญหามาสู่ตัวเอง

 

เด็หนุ่มที่ไม่รู้จักวิธีระงับอารมณ์เช่นนี้ ไม่ทราบว่าจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน

 

แม้แต่ทหารยามหน้าทางเข้าอุโมงค์ก็ยังกล้าตั้งคำถาม นั่นไม่เท่ากับเป็นการรนหาที่ตายหรือ?

 

ชายชราหงอกขาวกลัวว่าปลาเน่าจะกระเด็นมาถึงบ่อเขา ดังนั้นไม่ต้องการคบหากับซูเฉินอีกต่อไป

 

“แกรู้ไหมว่าพวกเขาเป็นใคร? เทียบกับพวกเขาแล้ว พวกแกมีค่าพอหรือ?” ทหารยามเหลือบมองซูเฉิน ทั่วทั้งใบหน้าแสดงถึงความดูถูก

 

เมืองทงเทียนคือหนึ่งในเมืองที่มีอำนาจมากที่สุดในเขตหยูหลิน ขณะที่ซูเฉินเป็นเพียงตัวตนเล็กๆ จากเขตหวงหลินเท่านั้น

 

ช่างตลกสิ้นดีที่กล้าเอาตัวเองไปเปรียบกับเมืองทงเทียน!

 

“แกก็พูดถูกนะ สถานะเล็กจ้อยอย่างเมืองทงเทียน ฉันไม่เห็นมันอยู่ในสายตา มันไม่มีคุณสมบัติที่จะมาเทียบกับฉันจริงๆ” ซูเฉินพยักหน้า กล่าวอย่างเฉยเมย

 

วินาทีที่คำนี้หลุดออกไป บังเกิดความโกลาหลขึ้นโดยรอบทันที

 

“ให้ตายเถอะ เจ้าหนุ่มก้าวร้าวนั่นมาจากที่ไหนกัน? แม้แต่เมืองทงเทียนก็กล้าบอกว่าไม่อยู่ในสายตา”

 

“ดูเหมือนจะมาจากเขตหวงหลิน น่าจะยังไม่เคยเห็นโลกกว้าง เลยยังไม่รู้ว่าเมืองทงเทียนแข็งแกร่งมากแค่ไหน”

 

“ไอ้เด็กนั่นตายแน่ เพราะในหมู่ทหารยาม มีหลายคนที่มาจากเมืองทงเทียน”

 

“กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง พวกเรามารอดูความสนุกกันดีกว่า”

 

 

ชายชราหงอกขาวถึงกับอ้าปากค้าง สีหน้าของเขากลายเป็นน่าเกลียดอย่างถึงที่สุด

ถ้าเขารู้ว่าซูเฉินหยิ่งยโสขนาดนี้ เขาคงไม่เดินเข้าไปคุยกับซูเฉินตั้งแต่แรก ตอนนี้คิดกลับตัวกลับใจคงไม่ทันแล้ว

 

“ฮะฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

 

ทหารยามหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง จ้องมองซูเฉินราวกับกำลังมองคนโง่ หัวเราะเยาะว่า “เจ้าหนู ในเมื่อแกไม่เห็นเมืองทงเทียนอยู่ในสายตา งั้นกล้าเปิดเผยชื่อของตัวเองหรือไม่?”

 

“บิดาชื่อโม่เฉิงกง มาจากภูเขาฉีหลิน ” ซูเฉินกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

 

โม่เฉิงกงคือพี่ชายของโม่ไฉ่เหลียน เป็นคนของภูเขาฉีหลินจริงๆ แถมยังเป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 เหมือนเขาพอดีอีกด้วย

 

ข้อมูลทั้งหมดนี้ เขารู้มาจากชายเคราแพะของกลุ่มอินทรีทอง

 

เมื่อพิจารณาแล้วว่าที่นี่เกิดปัญหาขึ้นแน่ๆ เขาเลยตัดสินใจสาดน้ำเสียใส่ภูเขาฉีหลิน

 

“เจ้าหนู อย่ามาล้อเล่นนะ ภูเขาฉีหลินคือบ้าอะไร ฉันไม่รู้จัก!” ทหารยามแค่นเสียงเย็นด้วยความรังเกียจ

 

เขาพอรู้ข้อมูลเกี่ยวกับขุมกำลังน้อยใหญ่จากเขตหยูหลินมาบ้าง ซึ่งที่เคยได้ยินมา ไม่มีชื่อภูเขาฉีหลินอยู่เลย จึงคิดว่านี่คงเป็นชื่อขุมกำลังจากเขตหวงหลิน

 

แต่เขตหวงหลินสามารถเทียบกับเขตหยูหลินได้หรือ?

 

ต่อให้เป็นขุมกำลังระดับสูงสุดของเขตหวงหลิน ก็ยังสู้ขุมกำลังระดับสามในเขตหยูหลินไม่ได้ด้วยซ้ำ

 

“ดูถูกภูเขาฉีหลิน? โทษของพวกแกคือความตาย!”

 

เมื่อคิดสวมหน้ากากเป็นคนจากภูเขาฉีหลิน ซูเฉินก็ต้องให้จบ ทว่าขณะที่กำลังจะลงมือ ชายร่างกำยำคนหนึ่งรีบวิ่งออกมาจากปากทางเข้า

 

ชายคนนั้นวิ่งเข้ามาปุ๊บ ก็ตบหน้าทหารยามทันที อีกฝ่ายลงมือค่อนข้างโหดเหี้ยมทีเดียว ทหารยามเลือดกลบปากพูดไม่ได้อีกเลย แม้แต่ฟันยังหลุดไปหลายซี่

 

ได้เป็นสักขีพยานของฉากนี้ ผู้คนที่มุงดูอยู่รอบๆต่างเกิดความสับสน

 

พวกเขาไม่มีใครเคยได้ยินชื่อภูเขาฉีหลินมาก่อน แต่ชายร่างกำยำที่เป็นหัวหน้าทหารยาม จากการกระทำของเขา มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าภูเขาฉีหลินต้องมีภูมิหลังอันยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน ใหญ่โตชนิดแม้แต่หัวหน้าทหารยามยังไม่กล้ายั่วยุ

 

หลังจากทุบตีผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา ชายกำยำหันมาหาซูเฉินด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ลูกน้องของผู้น้อยมีตาแต่ดันไม่มีแวว บังอาจหาเรื่องนายท่าน ได้โปรดอย่าถือสาเลย”

 

คนอื่นไม่รู้เรื่องของภูเขาฉีหลิน แต่เขารู้!

 

ภูเขาฉีหลินคือขุมกำลังระดับมหาอำนาจในเขตหยูหลิน ต่อให้เมืองทงเทียนจะแข็งแกร่งมากก็จริง แต่เทียบไม่ได้กับภูเขาฉีหลิน

 

อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่เขาคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ

 

นั่นคือภูเขาฉีหลินมักปิดซ่อนตัวตนอยู่เสมอ ยากนักที่จะประกาศตัวอย่างโอ่อ่าเช่นซูเฉิน

 

“ล่วงเกินภูเขาฉีหลินของพวกเรา คิดว่าแค่ขอโทษเรื่องจะจบง่ายๆหรือ? นี่แกคิดว่าภูเขาฉีหลินของพวกเราเป็นตัวอะไร?” ซูเฉินยิ้มเยาะ

 

เป้าหมายของเขาคือการก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่อยู่แล้ว ในเมื่อมีโอกาสสาดของเสียใส่ภูเขาฉีหลินแบบนี้ แล้วเขาจะยอมให้จบง่ายๆได้อย่างไร?