Ep.310

 

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ขณะ [รถศึกอัจฉริยะ] กำลังจะขับเข้าไปในเขตพื้นที่เหมือง

 

ซูเฉินก็พบว่าบนหน้าจอควบคุมส่วนกลาง ในสถานที่ตั้งของเหมือง เวลานี้ถูกล้อมรอบไปด้วยจุดสัญญาณสีแดงและสีดำจำนวนมาก

 

เดิมเข้าเดาว่าพวกเต่าเขียวคงไปรวบรวมซอมบี้มอีกแล้ว แต่เมื่อเข้ามาใกล้เหมือง เขาก็พบว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด

 

เผ่าเต่าเขียวหลายพันตัวกำลังออกันอยู่หน้าหลุมเหมือง แต่ไม่เห็นซอมบี้เลยแม้แต่ตัวเดียว ตรงกันข้าม กลับมีสัตว์กลายพันธุ์รวมกลุ่มกันนับพันตัว

 

“เผ่าเต่าเขียวทำไมถึงอยู่รวมกับพวกสัตว์กลายพันธุ์ได้?”

 

สมาชิกคนอื่นๆรู้สึกสับสนเล็กน้อย

 

ในตอนนั้นเอง ซูเฉินพลันนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นได้ เมื่อช่วงก่อน ตอนเกิดคลื่นสัตว์ร้ายและคลื่นซอมบี้ปะทุขึ้นที่นี่ พวกมันทั้งสองฝ่ายเคยแสดงพฤติกรรมเหมือนว่าร่วมมือกัน

 

พอได้มาเห็นภาพนี้อีกครั้ง ซูเฉินเลยคิดว่า จะเป็นไปได้ไหม ที่เผ่าเต่าเขียวมีความสามารถในการควบคุมทั้งซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์

 

“ซูเฉิน พวกเราจะทำยังไงกันดี?” หวู่หยางถาม

 

ดูเหมือนว่าพวกเต่าเขียวและสัตว์กลายพันธุ์จะเตรียมพร้อมอยู่นานแล้ว เมื่อเห็นรถของซูเฉิน พวกมันอดตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิมไม่ได้

 

แม้ซูเฉิน จะรู้สึกตะหงิดใจอยู่บ้าง แต่เขาไม่หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย หันไปกล่าวกับรถศึก “เสี่ยวจือ ขับเข้าไปได้เลย”

 

“รับทราบ”

 

[รถศึกอัจฉริยะ] ขับตรงไปข้างหน้า ก่อนจอดลงทิ้งระยะห่าง 10 เมตรกับฝั่งเต่าเขียว

 

ซูเฉินสั่งให้คนอื่นๆอยู่ในรถ มีเพียงเขาและ [นักรบจักรกล] ที่เดินลงมา

 

“เป็นไปตามที่เราราชาคาดไว้ มนุษย์ ในที่สุดเจ้าก็มาหาที่ตาย!”

 

ซูเฉินเพิ่งก้าวลงจากรถ เต่าสีเขียวเข้มที่อยู่ในฝูงเผ่าตรงข้าม ได้ก้าวออกมา คำรามใส่ซูเฉิน

 

ซูเฉินปาดจมูกเขา มองอีกฝ่าย เอ่ยอย่างไม่แยแสว่า “แกน่ะหรอผู้นำของพวกเต่าเขียว?”

 

การที่เรียกตัวเองว่าเป็นราชา นั่นหมายความว่ามันมีสถานะสูงมากในเผ่าเต่าเขียว เขาเลยสงสัยว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นหัวหน้าเผ่าเต่าเขียว

 

“ไอ้หนู เราราชายังเป็นใครอื่นไปได้อีก หากมิใช่ประมุขเผ่า!”

 

เต่าสีเขียวเข้มตอบกลับอย่างภาคภูมิใจ แต่แล้วสีหน้าเริ่มหม่นหมองอีกครั้ง “ไอ้หนู คราวนี้เจ้าตกอยู่ในมือเราราชาแล้ว มาดูกันว่าจะหนีรอดไปได้อย่างไร!”

 

สิ้นเสียง มันเหลือบตามองไปรอบๆ เผ่าเต่าเขียวที่อยู่ใกล้ๆกระโจนออกไปทันที ล้อมรอบซูเฉินและ [รถศึกอัจฉริยะ] เอาไว้

 

ท่าทีดุร้ายและก้าวร้าวของเต่าเขียว ทำให้ซูเฉินรู้สึกงงุนงงเล็กน้อย

 

ตามหลักเหตุผลแล้ว เมื่อได้รับรายงานว่าเขาเคยสำแดงดาบเดียวสามารถปลิดชีพได้นับร้อย อีกฝ่ายสมควรรู้ว่าไม่มีทางสู้เขาได้

 

แล้วเหตุใดพวกมันถึงกล้าอวดดีต่อหน้าเขาเช่นนี้?

 

เดิมซูเฉินคิดว่าอีกฝ่ายคงมีผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 อยู่ เลยไม่หวาดกลัวเขา

 

แต่ความสงสัยก็เป็นแค่ความสงสัย ซูเฉินไม่ได้จริงจังกับมัน แสยะยิ้มกลับไป “คิดจริงๆหรือว่าแค่พวกทหารกุ้งฝอยกลุ่มนี้จะฆ่าฉันได้? ”

 

หัวหน้าเผ่าเต่าเขียวแค่นเสียงฮึ่ม! เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ข้ายอมรับในความแข็งแกร่งของเจ้า อย่างไรก็ตาม เจ้ามันบ้าระห่ำเกินไป! ไม่รู้หรือ เหนือฟ้ายังมีฟ้า ยังมีตัวตนอีกมากมายในโลกนี้ที่สามารถฆ่าเจ้าได้”

 

“ฮี่ ฮี่ ”

 

สิ้นเสียง เบื้องหลังเขาก็ปรากฏเสียงหัวเราะเย็นยะเยือกดังข้ามมา

 

แทบจะในทันทีหลังจากนั้น ชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างเหมือนไม้แห้ง แต่มีผิวสีดำได้ก้าวก้าวออกมาอย่างช้าๆ

 

สัมผัสได้ถึงบรรยากาศแห่งความตายที่ห่อหุ่มร่างกายอีกฝ่าย คิ้วของซูเฉินขมวดมุ่น กล่าวว่า “นี่แกมาจากเผ่าอมตะ?”

 

ในตอนอยู่เมืองอี้เถียน เขาเคยสังหารเผ่าอมตะไปสามตน

 

ชายวัยกลางคนที่อยู่เบื้องหน้า ไม่ว่ามองจากมุมไหน จะรูปลักษณ์หรือกลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมา ล้วนมีความคล้ายคลึงกับพวกเผ่าอมตะทั้งสิ้น

 

“ไอ้หนู เหตุใดเจ้าจึงรู้จักเผ่าอมตะด้วย?”

 

ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วอย่างแรง ดวงตาที่เย็นชาเริ่มกลับกลอกไปมา

 

ซูเฉินเบ้ปาก หัวเราะลั่น “ไม่ใช่แค่รู้จักหรอกนะ แต่ยังเคยฆ่ามาแล้วถึงสามศพ กำลังรบของพวกมันอ่อนแอเกินไป แค่เลเวล 3 เท่านั้น … ฉันหวังว่าแกจะเก่งกว่าพวกมันนะ”