Ep.29

 

ใช้เวลาสักเล็กน้อย ซูเฉินก็มาถึงตีนเขา มองหาที่นั่งเหมาะๆ พึมพำกับตัวเอง “ตันหลินกับคนอื่นๆน่าจะไปกันแล้วล่ะมั้ง”

 

เขาดึงดูดคลื่นฝูงซอมบี้ ชักนำวิกฤติออกจากตันหลินและคนอื่นๆ ช่วยซื้อเวลาให้อีกหลายชั่วโมง

 

เขาเชื่อว่าด้วยการตัดสินใจของหวู่หยาง เวลานี้ทุกคนสมควรอยู่บนถนนที่มุ่งหน้าสู่เมืองจิงกังแล้ว

 

เมื่อได้ข้อสรุปเช่นนี้ ซูเฉินก็ถอนหายใจโล่งอก

 

จากนั้น เขาก็หาอะไรที่มันใช้เวลารับประทานไม่นานมาเติมพลัง เมื่อหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน ขณะตั้งใจจะหลับสักพัก หางตาของเขาก็หันไปเห็นเด็กที่ดูสะอาดสะอ้าน อายุราวๆ 14-15 ปีคนหนึ่งเดินเข้ามา

 

“พี่ชาย ตรงนี้อันตรายมากนะ พี่ไม่อยากนอนที่นี่หรอก” เด็กหนุ่มเห็นท่าทางง่วงเหงาของซูเฉิน ก็เอ่ยเตือนเขา

 

“อันตรายงั้นหรอ?” ซูเฉินเอ่ยทวน เหลือบมองไปทางเด็กหนุ่มด้วยความสนใจ หัวเราะเบาๆแล้วกล่าวว่า “ก็ในเมื่อมันอันตราย งั้นทำไมนายถึงกล้ามาคนเดียว?”

 

ก่อนหน้านี้ ซูเฉินได้ตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบๆไปนิดหน่อยแล้ว เขาไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ ไม่รู้ว่าทำไมเด็กหนุ่มถึงพูดแบบนี้

 

เด็กหนุ่มอธิบายว่า “พวกซอมบี้มักใช้ที่นี่เป็นทางผ่านอยู่บ่อยครั้ง ถ้าพี่เผลอหลับ อาจตกอยู่ในอันตรายได้ ผมผ่านทางนี้บ่อยๆ เลยอยากเตือนให้ระวังไว้ก่อน”

 

ซูเฉินถึงค่อยเข้าใจสิ่งที่เด็กหนุ่มต้องการบอก เขาเอ่ยถามว่า “งั้นช่วยบอกหน่อยสิ ว่าที่นี่คือที่ไหน? แล้วพอจะมีสถานที่ปลอดภัยอยู่ใกล้ๆบ้างรึเปล่า?”

 

หลังจากรับหน้าที่เหยื่อล่อมาตลอดทั้งคืน ตอนนี้เขาแค่อยากได้ที่ซุกหัวนอนอย่างไม่ต้องกังวลใจ

 

“ที่นี่คือเทือกเขาฮวงเจ๋อ” เด็กหนุ่มตอบคำถามแรก ยกมือขึ้นเกาหัว ขบคิดสักพักก่อนเอ่ย “งั้นพี่ชายสนใจมากับผมไหม บ้านผมไม่ได้ใหญ่โตอะไรหรอก แต่น่าจะพอใช้พักผ่อนก่อนเดินทางต่อได้” 

 

“เทือกเขาฮวงเจ๋อ … ” ซูเฉินใคร่ครวญ

 

เทือกเขาฮวงเจ๋อกว้างใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย ในส่วนลึกของมันเต็มไปด้วยสัตว์กลายพันธุ์จำนวนมาก แต่ขณะเดียวกัน รอบนอกเทือกเขาก็มีมนุษย์บางกลุ่มอาศัยอยู่ พวกเขารวมกลุ่มกันเป็นสถานชุมชนขนาดเล็ก ซูเฉินเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน

 

“งั้นก็ขอรับน้ำใจไว้แล้วกันนะ” ซูเฉินขอบคุณ เค้นรอยยิ้มน้อยๆจากใบหน้าอันเหนื่อยล้าของเขา “ฉันชื่อซูเฉิน แล้วนายล่ะชื่ออะไร?”

 

ตอนนี้เขาเหน็ดเหนื่อยทั้งกายใจ แต่ไม่มีสถานที่เหมาะสมแก่การพักผ่อน ดังนั้นตกลงไปกับอีกฝ่าย

 

“ยินดีที่ได้รู้จักพี่เฉิน ผมชื่อหยางฮ่าว” หยางฮ่าวตอบด้วยรอยยิ้ม

 

บอกตามตรงซูเฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะนับตั้งแต่ถูกส่งข้ามโลกมา เขาก็ไม่เคยเห็นรอยยิ้มไร้เดียงสาเช่นนี้อีกเลย

 

ช่วงเวลานี้ ราวกับว่าเขาได้กลับไปสู่สภาพแวดล้อมในชีวิตก่อนของตัวเอง ความรู้สึกอบอุ่นผุดขึ้นมาในหัวใจ

 

“พี่เฉิน เป็นอะไรไป?” เห็นซูเฉินนิ่งงัน หยางฮ่าวก็ถามด้วยความสงสัย

 

“อ้อ ไม่มีอะไรหรอก” ซูเฉินได้สติกลับมา กระแอมเล็กน้อย “ไปกันเถอะ”

 

ภายใต้การนำทางของหยางฮ่าว ทั้งสองพูดคุยกันระหว่างทาง ครึ่งชั่วโมงต่อมา พวกเขาก็เข้าไปในหุบเขาที่ล้อมรอบด้วยภูเขาทุกด้าน

 

ซูเฉินหรี่ตามองไปรอบๆ พยักหน้าเล็กน้อย “เป็นทำเลที่ดี เทียบกับโลกภายนอกแล้วเหมือนสวรรค์เลย”

 

พื้นที่หุบเขาไม่ใหญ่มากนัก ขนาดน่าจะซักไม่กี่ร้อยตาราเมตร มีการปลูกพืชอาหารมากมายบนพื้นที่โล่ง

 

และบริเวณเชิงเขารอบๆ มีถ้ำหินตั้งเรียงรายอยู่มากกว่าสามสิบแห่ง โดยด้านนอกทางเข้าถ้ำมีรั้วไม้ตั้งกั้นไว้

 

ตอนแรกซูเฉินไม่รู้ว่าถ้ำเหล่านี้มีไว้เพื่ออะไร แต่พอได้ยินคำอธิบายของหยางฮ่าวก็ร้องอ๋อ

 

ปรากฏว่าถ้ำเหล่านี้คือที่อยู่อาศัยของมนุษย์ ถ้ำหินแต่ละแห่งใช้เป็นที่พักอาศัยของครอบครัวหนึ่ง

 

“พี่เฉิน นี่บ้านผม ผมจะพาพี่เข้าไปดูข้างใน” หยางฮ่าวเหยียดมือ ชี้ไปยังถ้ำหินโพรงหนึ่งและกล่าว

 

ซูเฉินเดินตามหยางฮ่าวเข้าไปในถ้ำ กวาดมองรอบๆ แล้วอดส่ายหัวไม่ได้

 

ถ้ำหินแห่งนี้ มีพื้นที่มากสุดประมาณสิบตารางฟุต ภายในมีเตียงไม้หยาบๆสองเตียง หม้อ และกระทะสองสามใบ นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีอะไรอื่นอีก หากให้อธิบาย สมควรกล่าวว่าเป็นแค่โพรงที่มีกำแพงสี่ด้านจะเหมาะสมกว่า

 

เมื่อเทียบกับบังกะโลทรุดโทรมของซูเฉินในสถานชุมชนเทียนหนานแล้ว ที่นี่โทรมกว่าเยอะ

 

“พี่เฉิน ตอนนี้พี่สาวผมออกไปข้างนอก พี่รีบพักผ่อนก่อนเถอะ ไม่อย่างงั้นพอเธอกลับมา เธอจะต้องไม่ยอมให้พี่อยู่ที่นี่แน่” หยางฮ่าวกล่าว

 

ซูเฉินพยักหน้า เอนตัวลงนอนบนเตียงไม้ หลับตาลง

 

ทว่าต่อให้ง่วงมากขนาดไหน เขาก็ไม่กล้าหลับสนิท

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ในโลกแห่งหายนะ จิตใจของผู้คนถูกกัดกร่อนจนกลายเป็นชั่วร้าย ต่อให้หยางฮ่าวเป็นคนดี แต่เขาก็ไม่กล้าประมาทเลินเล่อแม้แต่น้อย

 

นอนครึ่งหลับครึ่งตื่นไปได้สองชั่วโมง ผู้หญิงที่มีผมยาวดำสลวย ดูจากหน้าตาแล้วน่าจะอายุไม่ถึง 20 ก็ก้าวเข้ามาในถ้ำ